ตอนที่8 สามีภรรยาพบหน้ากันอย่างเป็นทางการ
รถม้าหรูแล่นไปตามท้องถนนเพื่อมุ่งตรงไปยังทิศที่ตั้งของจวนสกุลหยาง ด้านหลังรถม้ามีขบวนทหารไม่กี่นายเท่านั้นที่ตามมาเพื่ออารักขาผู้ที่อยู่ด้านในรถม้าเหมือนปกติทุกครั้งที่เดินทางจากค่ายทหารมายังเมืองหลวง
'ให้นางหรือไม่ให้ดีกันนะ'
'..............................'
หยางเฉินหลงในวัย22 ปีเขายังคงอยู่ในอาภรณ์สีดำเรียบ ๆ ที่ไร้การปักลวดลายเหมือนเคย บรรยากาศในรถนั้นเงียบสงบ ร่างหนานั่งหลังตรงบนใบหน้ายังคงสวมหน้ากากเงินปกปิดรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้
ดวงตาคมจ้องมองไปยังกำไลหยกสีเขียวที่ได้มาจากหญิงชรานางหนึ่งที่นำมาขายให้และด้วยความสงสารเขารับจึงซื้อมา เพราะอย่างไรเขาก็มีเงินทองมากมายใช้จนไม่รู้หมดอยู่แล้วเขาจึงซื้อมาแต่จะเก็บไว้เองเขาก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์
แล้วอีกอย่างที่จวนของเขาก็ยังมีสตรี...พูดให้ถูกก็คือภรรยาของเขาที่แต่งงานกันมาแล้วได้สามเดือนกว่า แต่ทั้งเขาและนางยังมิเคยเห็นหน้าคาตากันหรือพูดคุยด้วยกันสักครั้งมาก่อนเลยสักประโยคเดียว
ร่างหนาจ้องมองกล่องไม้นิ่ง ๆ แต่ในความคิดของเขานั้นกลับยุ่งเหยิงแก้ปัญหาตรงหน้าไม่ตก ถ้าเขาให้นางแล้ว...นางจะเต็มใจยอมรับหรือไม่นะ?
เขารู้ประวัตินางคร่าว ๆ ว่านางมิได้ชมชอบในตัวเขา นางเพียงถูกสมรสพระราชทานมัดมือชกก็เท่านั้น หลี่ซูเจินนางเติบโตมาในครอบที่อบอุ่นและถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี จึงมีนิสัยที่ร้ายกาจเอาแต่ใจอยู่บ้างและนางก็ยังมีชายหนุ่มในใจอย่างองค์ชายสามอีกด้วย
เขาที่เป็นเพียงบุคคลธรรมดาและยังอัปลักษณ์จะคิดกล้าครอบครองนางได้อย่างไรกันล่ะ แค่คิดเขาก็รู้สึกไม่อยากไปให้นางพบหน้าค่าตาอีก
การแสดงออกของนางในตอนนั้นก็ชัดเจนแล้วว่านางไม่พึงพอใจในตัวเขา เขาควรจะเจียมตัวและอยู่อย่างเงียบ ๆ ไปเสียดีกว่า ต่างคนต่างอยู่...มิสร้างความรำคาญใจแก่นางไปมากกว่านี้ คิดได้แบบนั้นชายหนุ่มก็เลิกสนใจเรื่องกำไลหยกในกล่องทันที
"ถึงแล้วขอรับท่านแม่ทัพ" เสียงที่คุ้นเคยขององครักษ์คนสนิทอย่างโจวหลิวดังขึ้น รถม้าหรูก็จอดลงที่หน้าประตูสกุลหยางพอดี
"อืม" หยางเฉินหลงเอ่ยตอบตามนิสัยที่เงียบขรึมพูดน้อย ขณะกำลังจะลงจากรถม้าเขาก็ยังตัดใจจากกล่องไม้ไม่ได้ ก่อนจะตั้งใจถือมันเข้าจวนไปด้วย ถ้านางไม่ชอบนางก็คงเอาทิ้งไปเองดังนั้นเขามีหน้าที่ให้ก็ให้ไปเถอะ นางจะทิ้งหรืออะไรก็ตามแต่ใจนางปรารถนาเถอะ
หยางเฉินหลงเดินไปที่หน้าประตู ทหารยามไม่รีรอรีบเปิดประตูจวนทันทีเพื่อให้เจ้านายได้เข้าบ้านไป ร่างหนาเดินเข้าประตูไปอย่างเงียบ ๆ ด้านหลังตามมาด้วยโจวหลิวคนสนิทที่มีนิสัยไม่ต่างจากเขาเช่นกันตามหลังมา
"ใครมารวมตัวทำอะไรกันตรงนั้น" หยางเฉินหลงเห็นกลุ่มก้อนสีชมพูกองใหญ่ที่กำลังล้อมทำอะไรกันสักอย่างไม่ไกลจากพวกเขา เขาอดจะสงสัยไม่ได้เช่นกันปกติแล้วบ่าวไพร่ที่จวนนี่จะแต่งกายด้วยสีพื้น ๆ สามเดือนที่ผ่านมานั้นไม่รู้นางทำอะไรลงไปบ้าง
"ไม่ทราบขอรับ บางทีบ่าวไพรอาจจะถูกคุณหนูหลี่ทำโทษอยู่" โจวหลิวเอ่ยตอบเพราะตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในจวน เขายังรู้สึกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวนั้นเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อยบรรยากาศช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลยเขาคิดในใจ
"อืม" หยางเฉินหลงส่งเสียงในลำคอตอบ ก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะก้าวเท้าตรงไปตามทางหินอ่อนเพื่อกลับเรือนนอนของเขาที่ตั้งอยู่กลางจวนทันที ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้มีสิ่งที่ต้องทำอะไรมากมายนักดังนั้นจึงไม่ต้องไปที่ห้องโถงเพื่อคารวะญาติผู้ใหญ่เหมือนคนอื่น ๆ เพราะเขานั้นไม่มีครอบครัวแค่คิดถึงเรื่องราวเมื่อ7ปีก่อนเขาก็รู้สึกแค้นเคืองไม่หยุดจนบรรยากาศรอบตัวของหยางเฉินหลงนั้นต่ำลงโดยไม่รู้ตัว~
แม้เขาจะทำท่าทางเหมือนไม่อยากสนใจ แต่ความใคร่รู้ที่ถูกปลุกขึ้นมาแล้วนั้นมันทำให้เขานั้นอยากรู้อยากเห็นไปหมดเกี่ยวกับภรรยาของเขา //หลี่ซูเจิน
'นางจะชอบจวนสกุลหยางหรือไม่'
'นางจะรังเกียจเขาหรือไม่'
กลุ่มสาวใช้มากกว่าสิบคนยืนล้อมวงสนทนาพูดคุยกับฮูหยินของจวนอย่างสนิทสนม พวกนางพากันพูดคุยเรื่องการบำรุงผิวให้เปล่งปลั่งด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ได้ผลจริงอยากออกรสแต่ละคนแย่งกันถามคนถามกับคนที่นั่งอยู่บนหินด้วย
พวกสาวใช้ที่รักสวยรักงามทั้งหลายนั้นต่างก็มีความสุขที่ได้มาแลกเปลี่ยนความรู้จากเจ้านายสาวและอีกอย่างพวกนางนั้นสามารถแต่งกายด้วยอาภรณ์ที่สวยงามไม่จำเป็นต้องแต่งกายเรียบ ๆ ด้วยชุดสีพื้น ๆ แล้วทุกคนที่นี่สามารถสวมใส่เครื่องประดับได้ถ้าอยากจะใส่
สาวใช้ที่เคยมีสิวและร่างกายอวบอ้วนต่างก็ได้เคล็ดลับจากฮูหยินของจวนที่แบ่งปันเมื่อพวกนางทำตามต่างก็รู้สึกว่าร่างกายนั้นเปลี่ยนแปลงไปและรู้สึกทึ่งกับความรู้ของฮูหยินมาก ๆ ที่ใจดีแบ่งปันสูตรไม่หวงแหนแก่พวกนาง
และด้วยนิสัยที่ใจดีของหลี่ซูเจินนั้นทำให้ทุก ๆ คนนั้นต่างก็เต็มใจรับใช้นาง แต่จนใจที่อาหลีและอาหลัวนั้นเป็นที่โปรดปรานที่สุดของฮูหยิน พวกนางทั้งหลายแหล่จึงไม่ได้เป็นคนรับใช้คนสนิท แต่พวกนางก็ยังมีโอกาสได้ไปรับใช้บางครั้งคราวถ้าวันไหนที่ฮูหยินอยากปลูกดอกไม้และไปเดินเล่นรอบ ๆ จวน พวกนางทั้งหลายก็จะแห่กันไปรับใช้และอยู่พูดคุยเล่นเป็นเพื่อนฮูหยินจนหมดวันไป
"ฮูหยินนายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ" อาหลีที่ตาดีรีบเอ่ยบอกเจ้านายสาวที่กำลังมีความสุขกับการแบ่งปันความรู้เรื่องรักสวยรักงามทันทีเพื่อให้รู้ตัวและเตรียมตัวไปต้อนรับนายท่าน
"จริงหรือ....ไปเตรียมตัวต้อนรับท่านพี่กันเถอะ" หลี่ซูเจินหันหน้าไปมองตรงทางเดิน ก็เจอกับก้อนสีดำสองก้อนที่กำลังย่ำเท้าตรงมาที่นี่ นางไม่รอช้ารีบเตรียมตัวต้อนรับสามีหนุ่มที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ทันที
แค่คิดว่าจะได้เจอหน้าตาสามีตัวเป็น ๆ แล้วนางก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้...ถึงเวลาเจอกันแบบทางการเสียทีสินะหยางเฉินหลง....
"ท่านพี่ยินดีต้อนรับกลับจวน" หลังจากที่สามีหนุ่มเดินเท้าเข้ามาใกล้ ๆ สวนดอกไม้ที่เป็นทางผ่านไปยังเรือนนอนของเขา
หลี่ซูเจินก็ปรากฏกายออกมาจากกลุ่มสาวใช้ทันที นางเข้าไปคารวะผู้เป็นสามีได้อย่างถูกต้องตามยุคสมัยโบราณ เอกลักษณ์ของสามีในนามของนางนั้นก็คือหน้ากากสีเงินที่ปกปิดใบหน้าทางขวาเอาไว้ นางจ้องมองเขาด้วยสายตาพิจารณาใบหน้างดงามส่งยิ้มหวานให้กับคนตรงหน้าทันทีด้วยความขี้เล่นและเป็นกันเองอย่างธรรมชาติ
กึก
เท้าของหยางเฉินหลงหยุดลง...เขามองไปทางเสียงหวานฉ่ำที่เอ่ยต้อนรับเขากลับจวน ร่างหนาจ้องมองไปยังหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่จนล้นออกมาอย่างมากมายของสตรีเจ้าเนื้อด้วยความไม่ตั้งใจ เขากะพริบตาก่อนจะหันไปสบตาหวานฉ่ำที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ทันทีด้วยความไม่คุ้นชิน ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ!
"......................" หยางเฉินหลงยังนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยอะไรออกไปเขาเหม่อลอยอยู่กับที่เพราะทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ
"ท่านพี่" หลี่ซูเจินเอ่ยเรียกบุรุษตรงหน้าอีกครั้ง เขาช่างเย็นชาชะมัดเลยนางคิดในใจแต่มิได้กล่าวออกไป นางยังคงส่งยิ้มหวานไปให้เขาอย่างไม่ลดละ
"อะ...อืม" ในที่สุดคนในชุดดำก็หาเส้นเสียงของตนเองเจอในที่สุด
"เอ๋ นั้นอะไรหรือ" หลี่ซูเจินที่มองสำรวจชายหนุ่มทั่วทุกซอกทุกมุมแล้ว นางเห็นกล่องไม้ที่เป็นเหมือนของประดับผู้หญิงที่เขาถือมา ก็เอ่ยถามทันที นั้นจะต้องเป็นของขวัญให้นางแน่นอนเพราะในจวนแห่งนี้มีแค่นางเท่านั้นที่เป็นภรรยาของเขา
"ไม่มี...ไม่มีอะไร" มือหนาพยายามซ่อนกล่องไม้เอาไว้ หัวใจของเขาเต้นรัวราวกับกลองรบ มือหยาบที่มีไว้ก็กวัดแกว่งดาบรบกลับมีเหงื่อไหลจนชุ่มมือของเขาจนสั่นไหว เขาในตอนนี้กลับตื่นเต้นเพราะสตรีตรงหน้าไม่หยุดเพียงแค่นางเข้ามาทักทาย
'ใจเย็น ๆ สิ นางก็แค่สตรีคนหนึ่ง'
'ไม่มีอะไรให้ตื่นกลัว'
"ของฝากให้ข้าหรือเจ้าคะ" หลี่ซูเจินก้าวเท้าไปข้างหน้าสามก้าว นางกับเขาในตอนนี้ห่างกันเพียงหนึ่งคืบเท่านั้น
ตึก ตึก ตึก ตึก
"......................"
คนตัวเล็กเงยหน้าจ้องมองคนตัวสูงด้วยสายตาหวานฉ่ำปนขี้เล่นใบหน้าที่แต่งเติมเครื่องสำอางอย่างพอเหมาะ ยามที่นางเอื้อนเอ่ยนั้นมิได้มีความเขินอาย ทุก ๆ อย่างดูเป็นธรรมชาติลงตัวที่สุด
กรุงกริ่ง กรุงกริ่ง~
เสียงของเครื่องประดับดังกระทบเป็นจังหวะเบา ๆ ยามที่นางเคลื่อนกายเครื่องประดับบนหัวนั้นยังส่งเสียงดังเรียกสติของชายหนุ่มให้หายจากอาการเหม่อลอยได้ในที่สุด
"อะ...อืม ของฝากเจ้า" หยางเฉินหลงยื่นกล่องไม้ไปให้หญิงสาวถึงมือ เขามิกล้าสบตาดวงตากลมโตหวานฉ่ำนั้น ให้ของเสร็จก็เขาก็กระแอมกระไอแก้อาการทำตัวไม่ถูกทันที
สถานการณ์แบบนี้ชวนให้เขานั้นอึดอัดใจราวกับเขานั้นถูกคุมขังไว้ในห้องหับเล็ก ๆ ที่ไม่มีอากาศหายใจ
"ขอบคุณนะเจ้าคะ" หลี่ซูเจินรับของไว้นางเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงยินดี มือเรียวคว้าไปยังมือหนา…ที่หยาบกร้านจากการใช้ดาบมาหลายปีติดต่อกัน นางกอบกุมมือหนาไว้ก่อนจะเอ่ยกับเขาอีกครั้ง "ไปกันเถอะเจ้าค่ะ...ข้าเตรียมอาหารรอท่านที่ห้องโถงแล้ว"
"อะ...อืม" ทันทีที่ถูกกอบกุมมือหยางเฉินหลงรู้สึกว่าทุกอย่างนั้นดูพร่าเบลอไปหมด สายตาของเขา การรับรู้อะไรต่าง ๆ ถูกปิดกั้น รู้ตัวอีกทีเขาก็ก้าวเท้าตามนางไปหลายสิบก้าวแล้วจนเกือบถึงห้องโถงโดยไม่รู้ตัว