คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างติดจะรำคาญใจ ก่อนวางเงินค่ากาแฟที่เตรียมไว้ลงบนถาด และหยิบแก้วกับกล่องเค้กออกมาถือไว้พร้อมกับใช้ศอกดันประตูปิดอย่างที่เคยทำ
หากแต่ว่าแรงดันประตูจากภายนอกก็ทำให้หญิงสาวชะงัก
“อะไร?”
เอ่ยถามห้วนๆ คิ้วเรียวขมวดจนแทบพันกันเป็นปม ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหลุดจากอาการตะลึง และส่งยิ้มหวานจัดมาให้แทน ก็ยิ่งดูไม่น่าไว้วางใจ
สงสัยจะสติไม่ค่อยดี...
“จำผมได้ไหม?”
เขาถาม พร้อมกับโปรยยิ้มที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าดึงดูดสายตาผู้หญิงสาวๆ แบบเธอสุดๆ ไปเลย หล่อขนาดนี้น่าจะไปเป็นดารามากกว่าคนสติไม่สมประกอบ... แต่ต่อให้หล่อขั้นเทพหรือน่าสงสารที่เป็นคนไม่เต็มเต็งยังไง หวานใจก็ไม่ชอบอยู่ดีกับความรู้สึกเหมือนถูกคุกคามทางสายตาแบบนี้
“หลีกไป”
เอ่ยบอกโดยไม่ตอบคำถาม และพยายามดันประตูปิดอีกรอบ หากแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมถอยห่างหรือคลายยิ้ม เขาชะโงกหน้ามาใกล้อีกนิดจนหวานใจผงะหนี ก่อนเอ่ยบอกด้วยเสียงทุ้มนุ่มน่าหลงใหล
“มองตาผมสิ... เผื่อคุณจะจำได้”
ปฏิญญายิ้มจนตาเกือบปิด...
ภายนอกนั้นเหมือนเขาอารมณ์ดีแสนดีสุดประมาณ หากแต่ในใจกำลังเต้นรัวราวเสียงกลองวันกีฬาสีสมัยเรียนมัธยม บอกไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไรกับการเห็นผู้หญิงในความทรงจำมายืนอยู่ตรงหน้าแบบตัวเป็นๆ แบบนี้
มองตาฉันสิ...
เผื่อจะเห็นหลักฐานของความร้ายกาจในอดีตของเธอเองยังไงละ!
ปัง!
ประตูห้องที่กระแทกปิดอย่างกะทันหันนั้นทำเอาคนกำลังนึกถึง ‘ความหลัง’ ผงะหนีแทบไม่ทัน ปฏิญญายืนอึ้งอยู่หน้าประตูห้องที่ปิดสนิท ก่อนนึกบริภาษคนในห้องอยู่ในใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เธอไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ...
แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ... ดูเหมือน ‘เสน่ห์’ ของเขาที่ใครต่อใครก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าฟีโรโมนคลุ้งกรุ่นเพียงรอยยิ้มเดียวก็สยบหัวใจสาวน้อยสาวใหญ่ได้นับร้อยนับพัน จะถูกทำลายลงไม่มีชิ้นดีด้วยการเมินหนีอย่างไร้เยื่อใยของผู้หญิงที่คลาดกันไปคลาดกันมาเสียหลายปีคนนี้แล้วสิ!
ม่านแสงแห่งอรุณรุ่งที่ทอดทอเข้ามาภายในห้องชุดโทนสีขาวนั้นปลุกให้เจ้าของห้องตื่นจากนิทรารมย์เหมือนทุกเช้า มือขาวบางป่ายสะเปะสะปะไปยังกระบอกโทรศัพท์และยกขึ้นกดเบอร์ภายในอย่างคุ้นชิน
เธอพลิกตัวนอนหงาย พริ้มตาหลับปล่อยให้แพขนตายาวทาบไปบนแก้มขาวนวล ขณะฟังสัญญาณรอสายด้วยสมองมึนงงจะหลับเหล่ไม่หลับเหล่ กระทั่งเสียงหวานๆ คุ้นหูดังลอดสายโทรศัพท์มาสดใส
“ลาลูเช่คอฟฟีค่า”
“คาปูชิโน่เฟรบเป้กับแซนวิชอะไรก็ได้ ห้อง...”
“1017 ใช่ไหมคะ? สักครู่จะไปส่งให้ที่ห้องค่ะ”
“ขอบคุณ” บอกจบก็วางกระบอกโทรศัพท์ลงบนแป้นทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา ร่างระหงในชุดนอนแบบเชิ้ตปล่อยชายยาวถึงเข่านั้นฝังตัวเองนอนนิ่งอยู่ในผ้าห่มนวมราวกับปรารถนาจะหลับต่อสักงีบ หากแล้วเปลือกตาบางก็กระตุกน้อยๆ เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้
หวานใจเด้งตัวลุกนั่งบนเตียงนอนขนาดหกฟุตที่กอปรด้วยหมอนข้างและตุ๊กตาขนาดต่างๆ วางกองอยู่เต็มเตียงจนเหลือเพียงช่องว่างเล็กๆ ให้เธอแทรกตัวนอนเท่านั้น หญิงสาวถอนหายใจยาว... ก่อนบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นไปจัดการตัวเองในห้องน้ำครู่หนึ่ง จึงกลับออกมาในชุดลำลองและใบหน้าใสกระจ่างที่ขึ้นสีระเรื่อจากไอน้ำอุ่นคลุ้ง มือขาวจัดยกผ้าขนหนูผืนน้อยขึ้นซับหน้าขณะเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง และเพียงชั่วอึดใจเดียวหลังจากนั้น ก็ยินเสียงดัง..
ก๊อกๆ
มือบางวางกระป๋องแป้งเด็กลงหน้ากระจกแล้วดึงผ้าขนหนูที่พันรอบศีรษะออก ขยี้ๆ ผมนิดหนึ่งโดยไม่เสียเวลาสาง เอาไว้กลับมาค่อยทำก็ได้... เธอไม่อยากให้ ‘พนักงานส่งกาแฟคนใหม่’ มายืนอยู่หน้าห้องเธอนานเกินไปนัก แค่หลายวันที่ผ่านมาเธอต้องลุกมาอาบน้ำแต่งตัวก่อนออกไปรับกาแฟเพราะการใส่ชุดนอนออกไปมันไม่เหมาะสมก็น่าเบื่อจะแย่
พอเปิดประตูห้องออก ก็เห็นคนตัวสูงในชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลของลาลูเช่คอฟฟียืนยิ้มเฉ่งอยู่หน้าห้องเหมือนอย่างที่คิดไว้
“อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาทักทาย เสียงสดใส นัยน์ตาเป็นประกายยิบยับ “คาปูชิโน่เปรบเป้กับแซนวิชแฮมชีสมาส่งแล้วคร้าบ”
คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ อย่างติดจะรำคาญใจแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป หญิงสาววางเงินค่ากาแฟลงบนถาดก่อนหยิบแก้วเหมือนทุกวัน หากแต่เมื่อยื่นมือไปยังกล่องแซนวิช ชายหนุ่มตรงหน้ากลับขยับถาดหนี ก่อนคลี่รอยยิ้มอวดฟันขาวๆ โดยไม่สนใจท่าทีไม่อยากผูกมิตรของเธอเลย สักนิด
“แซนวิชแฮมชีส” เขาถอนหายใจเบาๆ ก่อนยกกล่องขึ้นมาแต่ยังไม่ยอมส่งให้เธอ “น่าอิจฉาจังนะครับ”
เงียบ...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเจ้าของห้องที่กำลังส่งสายตาเย็นชาย้อนกลับไปแทนคำถามที่ปฏิญญาต้องการอย่างเช่น ‘อิจฉาอะไร’ หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ละความพยายาม เขาส่งกล่องแซนวิชไปให้ แต่เมื่อเธอยื่นมือมารับ ก็กลับรั้งกล่องไว้
“ผมอิจฉาแฮมจังได้อยู่คู่กับชีสทุกวัน...” เขาคลี่รอยยิ้มชวนใจละลาย “จะมีสักวันที่เราจะได้อยู่คู่กันแบบนี้บ้างไหมครับ?”
ที่ตอบกลับมาคือใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา ก่อนมือบางจะกระชากกล่องอาหารเช้าไปแล้ว...
ปัง!
คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ เมื่อเผลอกระแทกประตูปิดเสียงดังมาเจ็ดวันติดกันแล้ว หวังว่าประตูนี่คงไม่พังง่ายๆ หรอกนะ คิดแล้วก็แอบเสียดายค่าซ่อมล่วงหน้า...
แต่มันช่วยไม่ได้นี่
ก็เด็กส่งกาแฟคนใหม่นั่นน่ารำคาญอย่างกับแมลงวัน!
เธอเจอเขาครั้งแรกเมื่อราวๆ สิบกว่าวันก่อน ที่จำได้เพราะเป็นวันที่ 1 เมษายนซึ่งเธอมีนัดพา แม่อ้อย ไปตรวจสุขภาพประจำปีพอดี จากนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปจนหวานใจคิดว่าหมอนั่นคงทำงานได้ไม่ดี ไม่ผ่านโปรฯ และโดนไล่ออกไปแล้ว
แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า จู่ๆ เขาก็กลับมาส่งกาแฟให้เธออีกครั้ง
แถมคราวนี้มาแปลก...
ทุกๆ เช้าเขาจะมีมุกเสี่ยวๆ มาหยอดใส่เธอวันละมุกสองมุก และแม้จะถูกเธอกระแทกประตูใส่หน้าทุกวัน ก็ไม่ยักจะโกรธหรือหายหน้าหายตา ไปอีก