Prologue สวย หรูหรา ราคาแพง
“เข้ามาก่อนสิคะ”
เสียงหวานล้ำดังจากริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปสีแดงจัดจ้านที่เผยอนิดๆ อย่างเชิญชวน ก่อนมือบางจะผลักประตูห้องชุดหรูหราให้เปิดกว้างต้อนรับ ‘แขก’ ผู้มาเยือน ชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาพราวเสน่ห์ชวนหลงใหลที่สุดเท่าที่เธอเคยพานพบ และรวยที่สุดเท่าที่เธอเคยคั่ว
เขายิ้มน้อยๆ ขณะก้าวตามเจ้าของห้องเข้ามาถึงห้องโถงโอ่อ่าที่ประดับประดาด้วยเครื่องเรือนลายเสือและเน้นสีแดงสลับดำอย่างฉูดฉาดจนอัศนีอดไม่ได้ที่จะผิวปากเบาๆ
“ห้องนี้เหมาะกับคุณสุดๆ ไปเลย”
บอกจบก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่ม ก่อนเอ่ยบอกขอบคุณเมื่อสาวร่างเล็กแต่อวบอั๋นเดินกลับมาพร้อมเครื่องดื่มในแก้วใบใส เธอเยื้องย่างลงนั่งบนพนักโซฟาตัวเดียวกับเขา ก่อนกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนบางเฉียบเนื้อนุ่มมาปิดเนินอกอย่างมีจริตจะก้าน
“เหมาะยังไงเหรอคะ?”
เธอเลิกคิ้วนิดๆ ริมฝีปากสีแดงสดบิดเป็นรอยยิ้มหวานฉ่ำ
“ก็...” เขาเว้นระยะนิดหนึ่งก่อนเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ขณะดวงตากวาดมองไปทั่วร่างงดงาม “ห้องนี้เหมือนคุณ”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วกลับ เธอยิ้มรับเมื่อมือนุ่มถูกดึงไปประทับจูบที่หลังมือเบาๆ ก่อนที่อัศนีจะขยายความให้แม่เสือสาวที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฟังด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“สวย... หรูหรา ราคาแพง”
คนฟังหัวเราะเสียงพลิ้วหวาน ก่อนโน้มหน้าลงไปจนได้กลิ่นน้ำยาโกนหนวดอ่อนๆ ที่ยิ่งกระตุ้นให้เลือดในกายเธอเดือดพล่าน หากแต่เมื่อมือใหญ่แข็งแรงยื่นมาหมายคว้าเอวบางให้ร่างระหงร่วงลงไปนั่งบนตัก ความชำนาญและรู้เท่าทันชายก็ทำให้หญิงสาวลุกพรวดพ้นจากมือนั้นอย่างเฉียดฉิว
“ร้อนค่ะ” เธอเอ่ยบอกเสียงหวานอย่างมีนัย “ขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ ตามสบายนะคะคุณสายฟ้า คิดซะว่าที่นี่เป็นบ้านของคุณ”
บอกจบก็วางแก้วคริสตัลลงบนชั้นวางของ ก่อนก้าวเดินนวยนาดตรงไปยังโซนห้องนอนโดยไม่ลืมทิ้งผ้าคลุมไหล่ลงบนพื้นและหันไปขยิบตาให้ชายหนุ่มอย่างรู้กัน
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก และเปิดค้างอยู่อย่างนั้นเพียงชั่วอึดใจ เสียงน้ำใสไหลซ่าก็ดังออกมาจากห้องน้ำแบบที่ทำให้อัศนีรู้ได้ทันทีว่าประตูห้องน้ำไม่ถูกปิด... เขายิ้มอย่างพอใจ ก่อนยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวหมดและวางลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา หากแต่เมื่อขยับลุกอย่างสง่าเพื่อสวมวิญญาณนายพรานออกตามล่าแม่เสือสาว โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็กรีดดังขัดจังหวะ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาเบาๆ
“ใครแม่งโทรมาตอนนี้วะ!”
อัศนียกโทรศัพท์ยี่ห้อดังรุ่นล่าสุดขึ้นมามองแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ แต่จะไม่รับก็อยากรู้ว่าอีกฝ่ายโทรมาทำไม เกี่ยวกับ ‘แผนการ’ ที่เพิ่งจัดการไปหรือไม่ ชายหนุ่มถอนหายใจแรง ก่อนตัดสินใจกดรับแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูทันที
“เออ ว่าไง”
“ไอ้ปลิ้นปล้อน!”
เสียงห้าวกระแทกดังมาจากปลายสายทำให้อัศนียิ่งงุนงงไปกันใหญ่ นี่เขาไปทำอะไรให้คุณเพื่อนรักโมโหเข้าให้ล่ะนี่?
“อะไรวะ” เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “เมาอาหารทะเลรึไง?”
“เมามือปลาหมึกทะเลโว้ย!”
คำตอบนั้นทำเอาคนฟังเกือบจะหลุดขำ แต่ก็ยังงงไม่หาย กระทั่งทิ้งตัวลงนั่งบนพนักโซฟาและฟังเรื่องที่เพื่อนสนิทพานพบประสบมาจนจบ อัศนีก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ก่อนกลิ่นครีมอาบน้ำจะลอยมาตามลมพร้อมร่างสีน้ำผึ้งนวลเนียนในผ้าขนหนูตัวน้อยที่กลับมาก้มลงเก็บผ้าคลุมไหล่ แต่สายตานั้นจับจ้องมองสบตาเขาอย่างมีความหมาย
“เฮ้ย พิชญ์” เขาเอ่ยเรียกเสียงเบาลงนิดหนึ่งอย่างสนิทเสน่หากับภาพเย้ายวนตรงหน้า หากแต่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไร จึงโวยวายกลับมาดังลั่น
“ไม่ต้องมาทำเสียงชวนสยองเลย!”
อัศนีแทบสำลักเสียงหัวเราะกับคำบอกนั้น หากแต่มัวชักช้าเกิดแม่เสือยอมยั่วนึกรำคาญขึ้นมาความซวยอาจตกอยู่ที่เขา... จึงรีบสรุปกับปลายสายสั้นๆ
“แค่นี้นะ”
สัญญาณถูกตัด
ก่อนที่เข็มเวลาจะเดินเร็วจี๋ในโมงยามของความสุข รู้ตัวอีกทีนาฬิกาก็บอกเวลาเกือบเช้า และเจ้าของห้องสาวสวยก็ผล็อยหลับไปแล้ว
ผู้หญิงที่เขาจำไม่ได้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม...
อัศนีลุกเดินไปหยุดยืนริมหน้าต่างก่อนจุดบุหรี่ขึ้นสูบ แกล้มแสงตะวันที่กำลังเรืองรองตรงขอบตึกสูงต่ำไล่ละกันของมหานคร
แผนเขาพัง...
ชายหนุ่มอัดควันบุหรี่เข้าปอด ขณะคำนึงถึงสายโทรศัพท์ที่เพิ่งตัดไปเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ดูท่าว่าแผนการ ‘พ่อสื่อพ่อชัก’ ที่เขาตั้งใจจะทำในหนแรกจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
แต่เอาน่ะ...
เขาถือคติที่ว่าวันพระ...ไม่ได้มีหนเดียว!
เช้าตรู่... คงไม่มีใครคาดคิดว่าที่คอนโดมิเนียมเล็กๆ ใจกลางกรุงเทพมหานครแห่งนั้นจะปรากฏร่างเพรียวสูงของชายหนุ่มที่กำลังโด่งดังคับประเทศในขณะนี้ ปฏิญญาก้าวออกมาจากรถปอร์เช่สีรัตติกาลก่อนถอดแว่นสายตาปรับแสงออกและมองขึ้นไปบนชั้นสิบสอง ริมฝีปากบางเหยียดเป็นรอยยิ้มจนเกิดรอยบุ๋มเล็กๆ ข้างแก้มคมสันอย่างมาดหมาย
วันนี้แหละ... เขาจะไม่ ‘พลาด’ เหมือนอย่างที่ผ่านมาแน่!
“เอาจริงเหรอวะพิชญ์...” เสียงถามอย่างไม่แน่ใจนักดังมาจากอีกฝั่งของประตูรถ อัศนียืนเท้าแขนบนหน้าต่างกระจก ก่อนยกมือขึ้นปิดปากหาวหวอด แล้วบ่นต่อด้วยอารมณ์คิดถึงเตียงนอนนุ่มๆ ใจจะขาด “เกิดอะไรขึ้นฉันไม่รู้ด้วยนะโว้ย”
แม้จะไม่เข้าใจคำพูดของเพื่อนสนิทนัก ว่ากับการพาเขามาทำความรู้จักผู้หญิง ‘ธรรมดาๆ’ แค่คนเดียวถึงต้องมากพิธีรีตองอะไรขนาดนั้น ทั้งที่แผนการที่ว่าขั้นเทพของอัศนีทำเอาเขาเกือบถูก ‘ไม้ป่าเดียวกัน’ ข่มขืนทางสายตาและมือปลาหมึกบนเรือยอร์ชกลางทะเลเมื่อไม่กี่วันก่อนแท้ๆ
คิดแล้วยังสยองไม่หาย เขาคงขยาดปลาหมึกไปทั้งชีวิตล่ะคราวนี้
“เอาจริงสิวะ”
มือหนาเสียบแว่นสายตาปรับแสงไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนกดรีโมทล็อครถเมื่อเพื่อนสนิทยอมปิดประตูและเดินตามมาเสียที ชายหนุ่มยิ้มรับเมื่อสาวๆ สองสามคนที่เดินสวนทางกันในล็อบบีหยุดยืนตะลึงมองมา ก่อนที่เสียงกรี๊ดกร๊าดเบาๆ จะดังตามหลังในแบบที่ทำให้เขาอดคลี่รอยยิ้มอีกหนอย่างชื่นชมตัวเองด้วยไม่ได้
หล่อ รวย เก่ง เพอร์เฟ็ค...
นิยามคำว่า พิชญ์ - ปฏิญญา ก็คงไม่พ้นสี่คำนี้นั่นแหละ
“โคตรหลงตัวเอง...”