เมื่อทั้งสามคนวิ่งตามมาถึงก็เจอกับไฟที่กำลังลุกโชน หลี่อิงอิงให้ทั้งสามช่วยจุดไฟรอบบ้าน ทำให้ไฟที่ลุกอยู่แล้วกลับโหมกระหน่ำมากกว่าเดิม ชาวบ้านและทุกคนที่วิ่งตามมาต่างก็พากันตกใจ ดีที่บ้านของหลี่อิงอิงนั้นอยู่ห่างจากบ้านของคนอื่นพอสมควร
จึงไม่ต้องกลัวว่าไฟจะลุกไปที่บ้านอื่น และที่สำคัญเหมือนอากาศจะเป็นใจเพราะไม่มีลมพัดแม้แต่นิดเดียว ส่วนบ้านหลี่นั้นมาถึงก็ล้มทั้งยืน ไม่คิดว่าหลี่อิงอิงจะกล้าทำอย่างที่พูด
“แกนังอิงอิง นังสารเลว ของในบ้านนั้นแกรู้ไหมว่ามันแพงแค่ไหน”
หลี่เหยาที่ยังคงมีสติร้องโวยวายขึ้น หมดแล้ว หมดแล้วจริงๆ ไม่เหลืออะไรแล้ว
“แล้วยังไงก็ในเมื่อในหนังสือแยกบ้านไม่ได้ระบุว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร ดังนั้นมันเลยเป็นของฉันโดยชอบธรรม และการที่ฉันเผามันก็เป็นสิทธิ์ของฉัน จริงไหมคะคุณเจ้าหน้าที่”
หลี่อิงอิงตอบอย่างไม่แยแส ก่อนจะให้ไปถามเจ้าหน้าที่ว่าเธอไม่ผิดใช่ไหม
“ใช่ครับสิทธิ์ขาดของบ้านนี้ไม่ได้ระบุว่าให้ใครเป็นเจ้าของบ้าน ดังนั้นคุณหลี่อิงอิงที่เป็นลูกสาวและเป็นผู้สืบทอดของบ้านสามสามารถทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ได้”
เจ้าหน้าที่เมื่อหายจากอาการตกใจเพราะไม่คิดว่าสาวน้อยคนนี้จะกล้าทำจริงๆได้ตอบกลับไป เขาก็หันไปมองว่าคนๆนั้นตามมาดูด้วยหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าเขาตามมาแต่ยังไม่แสดงตัวก็ได้แต่โล่งใจ เพราะอย่างน้อยๆเขาก็เห็นว่าคนๆนั้นยกยิ้มขึ้นด้วยความพอใจ
“หลี่อิงอิง นังหลานทรพี นังหลานเลว ของฉันยังอยู่ในบ้าน เงินฉันก็ยังอยู่ในบ้าน”
จากนั้นหลี่หยวนที่ขาดสติเพราะการกระทำของหลานสาวพุ่งตัวจะเข้าไปทำร้ายหลี่อิงอิง แต่ก็เจอเท้าของสองพี่น้องอย่างหลี่ฮุ่ยหมิน และหลี่ฮุ่ยหยางถีบกลับมา
พลั่ก! ตุบ!
“โอ๊ย! แกไอ้ฮุ่ยหมิน ไอ้ฮุ่ยหยางพวกแกกล้าถีบฉันเหรอ”
หลี่หยวนที่ทั้งเจ็บและจุกชี้หน้าด่าหลานชายนอกคอกทั้งสองคน
“ผมเปล่านะครับ แต่ว่าเท้ามันไปเอง จริงไหมพี่ใหญ่”
หลี่ฮุ่ยหยางตอบพร้อมกับยักไหล่
“จริงครับ ก็อยู่ๆอารองวิ่งเข้ามา ผมก็คิดว่าอารองจะเข้ามาทำร้ายพวกเรานะสิ เท้าของเราเลยถีบไปแบบไม่ได้ตั้งใจ”
หลี่ฮุ่ยหมินเห็นด้วยกับน้อง
หลี่หยวนมองหลานชายทั้งสองคนอย่างแค้น เพราะไม่คิดว่าทั้งสองคนนี้จะเข้าข้างนังหลี่อิงอิง อย่างนี้ต้องให้พ่อไล่ออกจากบ้านอยากจะรู้เหมือนกันว่าพวกมันจะทำยังไง
“เอาละค่ะ ตอนบ้านหลังนี้ก็เผาแล้ว ฉันก็คงจะต้องกลับมาคุยกันเรื่องของหนังสือแยกบ้านที่คุณลุงผู้นำหมู่บ้านเอามาค่ะ เรามาดูกันนะว่าเนื้อหาจะตรงกับของคุณพ่อที่ให้ไว้หรือเปล่า คุณลุงคังค่ะ ขอกล่องเหล็กอันนั้นด้วยค่ะ”
เมื่อหลี่อิงอิงพูดจบบ้านหลี่และผู้นำหมู่บ้านหย่งหัวได้แต่ยืนตกใจหน้าซีดเพราะไม่คิดว่าหลี่อิงอิงจะมีหนังสือสัญญาแยกบ้านอีกฉบับ
“หลี่อิงอิงนี่แกหลอกพวกเราเหรอ” หลี่ตวนตวาดถามหลานสาว
“เปล่านะคะ ฉันไม่ได้หลอก ฉันเพียงแค่บอกว่าหนังสือสัญญาแยกบ้านนั้นอยู่ที่คุณลุงผู้นำหมู่บ้าน แต่ไม่ได้บอกว่าที่ฉันก็มี แล้วฉันผิดตรงไหน ทุกๆ คนค่ะ ฉันผิดตรงไหนเหรอ”
หลี่อิงอิงตอบกลับคนที่ได้ชื่อว่าปู่ และถามชาวบ้านทุกคน แต่ละคนเมื่อเห็นว่าหลี่อิงอิงหันมาถามก็พากันกลั้นหัวเราะก่อนจะส่ายหน้าบอกว่าไม่ผิด
“คุณเจ้าหน้าที่นี่สัญญาฉบับที่พ่อของฉันเก็บไว้ คุณเจ้าหน้าที่ช่วยอ่านตรงที่ระบุเพิ่มเติมให้เสียงดังๆเลยนะคะ ชาวบ้านทุกคนจะได้ยินด้วย” หลี่อิงอิงยื่นสัญญาให้คุณเจ้าหน้าที่อ่าน
“ท้ายสัญญาระบุไว้ว่าหลี่หนานได้ขอแยกบ้านออกมาแล้ว และขอตัดขาดจากบ้านหลี่ แต่ยังคงส่งอาหารและธัญพืชเพื่อแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ทุกปีจนกว่าเขาจะหมดลมหายใจ ส่วนทรัพย์สินทุกอย่างของบ้านสามหลี่จะตกเป็นของลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างหลี่อิงอิง
และหลี่อิงอิงไม่จำเป็นต้องแสดงความกตัญญูต่อบ้านหลี่ด้วยการส่งอาหารและธัญพืชไปทุกๆปีหลังจากที่หลี่หนานพ่อของหลี่อิงอิงได้เสียชีวิตไปแล้ว หากว่าหลี่หนานตายไปไม่ว่าตอนนั้นหลี่อิงอิงจะอายุเท่าไหร่ บ้านหลี่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเกี่ยวข้อง”
หลังจากที่เจ้าหน้าที่อ่านจบชาวบ้านก็พากันคุยถึงเรื่องนี้ เพราะเนื้อหาไม่ตรงกับของผู้นำหมู่บ้านอย่างหย่งหัว ชาวบ้านต่างก็มองไปทางบ้านหลี่และหย่งหัวด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“ผู้นำหมู่บ้านหยงหัว นี่มันหมายความว่ายังไง” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น
“นั่นสิ แบบนี้เราจะไว้ใจผู้นำหมู่บ้านได้อีกไหม”
“พวกเราต้องเอาสัญญาฉบับนั้นมาดู เราคงจะได้เห็นความผิดปกติ”
ชาวบ้านคนหนึ่งที่พอจะมีความรู้พูดขึ้นก่อนจะไปกระชากหนังสือสัญญาแยกบ้านที่อยู่กับหย่งหัวมาดูและขอเปรียบเทียบกับฉบับที่เจ้าหน้าที่ถืออยู่
“เจ้าหน้าที่ครับ กระดาษนี่ยังใหม่และน้ำหมึกเหมือนเพิ่งจะแห้งนะครับ”
เมื่อชาวบ้านคนนี้พูดขึ้น ทุกคนก็หันไปมองหน้าผู้นำหมู่บ้านด้วยความผิดหวัง เจ้าหน้าที่เองก็มองออกเมื่อเอามาเทียบกันสองฉบับ
“ทีนี้ก็รู้แล้วนะคะ ดังนั้นฉันหลี่อิงอิงขอแจ้งจับลุงรองโทษฐานบุกรุกมาอยู่ที่บ้านของฉันมาหลายปี และป้าสะใภ้รองข้อหาทำร้ายร่างกาย พร้อมกับขอเงินที่ลุงรองเอาไปจำนวนเงิน หนึ่งพันสองร้อย หยวนคืนภายในสามวันด้วยนะ และขอประกาศตรงนี้เลยนะคะว่าฉันชื่อหลี่อิงอิงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบ้านหลี่อีกแล้ว จบนะคะคุณปู่คุณย่าที่แสนดีกับหลานสาวคนนี้เหลือเกิน”
หลี่อิงอิงพูดอย่างไม่ไว้หน้า และไม่มีความเห็นใจ
“ส่วนลุงผู้นำหมู่บ้านจะชดใช้ให้ฉันยังไงค่ะ ที่ท่านบิดเบือนเนื้อหาในหนังสือสัญญาแยกบ้านของพ่อ จนทำให้ฉันต้องเผาบ้านของตัวเอง”
หลี่อิงอิงมีหรือที่จะยอมให้ใครมาทำแบบนี้กับเธอ ถึงแม้จะเอาผิดผู้นำหมู่บ้านมากไม่ได้แต่ยังไงเธอต้องได้ค่าสร้างบ้านคืนมาบ้าง
“เธอเผาเองไม่ใช่เหรอหลี่อิงอิงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันทำไมฉันต้องรับผิดชอบล่ะ” หย่งหัวไม่ยินยอมที่จะชดใช้
“ก็ถ้าคุณลุงผู้นำหมู่บ้านไม่เอาสัญญาฉบับที่บิดเบือนเนื้อหาออกมา ฉันก็คงไม่บ้าพอที่จะเผาบ้านของตัวเองหรอกนะ ฉันยังมีสติดีอยู่ค่ะ”
“จริงของคุณหลี่อิงอิงนะครับคุณหย่งหัว ถ้าหากเนื้อหาในสัญญาแยกบ้านฉบับนั้นถูกต้อง และบ่งบอกว่าคุณหลี่อิงอิงเป็นเจ้าของทรัพย์สินทุกอย่าง เธอคงไม่ตัดสินใจเผาบ้านหรอก”
“เพราะตอนแรกเราได้ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าให้ทางบ้านรองหลี่ย้ายออกไป และจ่ายเงินที่เอาไปคืนมา แต่คุณกลับนำเอกสารฉบับนี้มาถ้าหากเป็นผม ผมก็คงทำแบบคุณหลี่อิงอิง ในเมื่อไม่เหลืออะไรแล้วก็เผาไปเลยดีกว่า ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม”
เจ้าหน้าที่พูดอย่างเป็นกลางไม่ได้เข้าข้างใคร ถึงจะเอียงมาทางหลี่อิงอิงบ้างก็เถอะ ชาวบ้านที่ฟังอยู่ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
“หรือว่าคุณหย่งหัวอยากให้ผมแจ้งทางผู้ใหญ่ในอำเภอว่าคุณบกพร่องต่อหน้าที่ครับ”
“ก็ได้ เธอต้องการให้ฉันชดใช้ยังไง”
หย่งหัวต้องยอมในที่สุด เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงในอำเภอ เพราะไม่อย่างนั้นคงรักษาตำแหน่งไว้ไม่ได้
“ฉันขอห้าร้อยหยวนในการสร้างบ้านใหม่ค่ะ ไม่มีการลดหย่อนใดๆทั้งสิ้นนะคะ และขอวันนี้ด้วยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะได้ไปสั่งของเพื่อที่จะมาสร้างบ้าน”
เมื่อหลี่อิงอิงบอกจำนวนเงินออกไป หย่งหัวแทบจะเซถลา ไม่คิดว่าหลี่อิงอิงจะเรียกเงินมากขนาดนี้ แต่ก็ต้องยอมกัดฟันจ่ายออกไป
“ได้ฉันยินยอมจ่าย เดี๋ยวจะเอาเงินมาให้”
หย่งหัวพูดจบก็กลับไปบ้านเพื่อที่จะเอาเงินมาจ่ายให้หลี่อิงอิง