ตอนที่ 10 : ที่ปรึกษา

2774 Words
พระพายหันมายิ้มกับพิมพ์พลอย เมื่อเห็นชนากำลังเดินตรงเข้ามาหาโดยมิได้มีการนัดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้า แต่รอยยิ้มสดใสที่ได้เห็นนั่นทำให้เกิดความสงสัย พระพายลุกขึ้นเข้าสวมกวดชนาที่ทำเป็นยิ้มเจื่อนๆ มองไปทางพิมพ์พลอยที่กำลังส่ายหน้าขำๆ กับคนที่ทำเป็นแกล้งอยู่ “พี่พลอยยิ่งดุๆ อยู่ หนูจะโดนไปด้วยนะ พี่ไต้ฝุ่น” “เดี๋ยวจะโดนดีนะ เรา” พิมพ์พลอยแกล้งพูดเสียงเข้มทำให้ทั้งสองสาวที่คลายอ้อมกอดออกจากกันถึงกับหัวเราะ “อิจฉาเนอะ อยู่ด้วยกันตัวติดเป็นตังเมเลยเนี่ย” ชนาบอก “เอ๊าอยู่บ้านลุงคำ ไม่ได้ตัวติดเป็นตังเมหรอกหรือ” พระพายยิ้ม “ลุงคำได้ถีบเอาสิคะ” ชนาหัวเราะกลบเกลื่อน “ไอ้ตัวแสบทำเป็นเฉไฉ ทำไมมาคนเดียว ไม่พาอีกคนมาด้วยล่ะ” พระพายถาม แล้วมองสบตากับชนาที่ยิ้มน้อยๆ ให้ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ รู้ได้ไงเนี่ย” ชนาถาม “แววตามันฟ้อง โดยเฉพาะแม่นางแบบสาวน่ะ” พิมพ์พลอยบอก “จริงหรือ พี่พลอย” ชนาขมวดคิ้วจ้องมอง “ชัดมากเลย ชนาเอ๊ย” พิมพ์พลอยพูดขึ้น “แสดงว่า ตอนพี่ไต้ฝุ่นจีบ ก็รู้ล่ะสิ” ชนาหัวเราะคิกคัก แต่เมื่อถูกพระพายเขกหัวเข้าให้จึงทำหน้าจ๋อยทันที “ชัด แต่แอบกังวล พี่ไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร อีกอย่างยายคนนี้ก็กวนและแสบเอาเรื่อง” พิมพ์พลอย เอาแขนตัวเองคล้องแขนพระพายเอาไว้ “เกือบโดนจุ๊บปากแน่ะ เมื่อวาน” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ “นั่นไง ว่าแล้ว” พระพายหัวเราะ “ไม่โดนปากแล้วโดนตรงไหนจ้ะ” พิมพ์พลอยถาม “แก้มติดปลายริมฝีปากนิดหนึ่ง เล่นเอาทำอะไรไม่ถูก ท่าทางเฉยๆ แต่ไวไฟเอาเรื่อง” ชนายิ้ม เมื่อนึกถึงสาวสวยที่เป็นเพื่อนบ้านของลุงคำ “เขาชอบ ก็อยากบอกไง เราล่ะบอกเขาไปบ้างหรือยัง” พระพายถาม ชนาทำท่าคิด “บอกไปว่า จะไปสร้างบ้านดินอยู่ใกล้ๆ ลุงคำฝากให้ช่วยดูแลป้าๆ กับแม่ด้วย” เมื่อได้ยินสิ่งที่ชนาบอก พระพายกับพิมพ์พลอยหันไปยิ้มให้กัน “ให้พี่ไปช่วยไหม ว่าจะหยุดพักกำลังหาที่เที่ยวกันอยู่เลย” พระพายหัวเราะเมื่อเห็นชนาทำหน้าตาแปลกๆ “จะดีหรือคะ ทำบ้านดินน่ะ เลอะเทอะมากเลยนะ” ชนาบอก “จะได้ไปทำความรู้จักน้องสะใภ้ด้วยไง รู้จักแค่ผิวเผินเอง แต่เท่าที่ดูก็น่ารักดีนะ” พิมพ์พลอยมองดูชนาที่ยิ้มอายๆ “พี่พลอยก็คิดไกลไปนะคะ หนูยังไม่รู้เลยว่า ป้ากับแม่ของแพรจะยังไงกับหนู ตอนเข้าไปในฐานะหลานลุงคำก็พอได้อยู่ หากเพิ่มสถานะเข้าไปจะโดนปืนยิงใส่หรือเปล่าก็ไม่รู้” ชนาทำหน้าจ๋อย “ความจริงใจ ความมั่นคง เราก็ทำให้เขาเห็นสิ ไม่เชื่อถามพี่พลอยดู” พระพายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “หมั่นไส้” พิมพ์พลอยหอมแก้มพระพายเสียงดังฟอดใหญ่ “ที่ยอมให้ฝุ่นเป็นแฟน ไม่ใช่เพราะความจริงใจกับความมั่นคงที่มีให้หรอกหรือ” พระพายถามพิมพ์พลอย “เปล่า แม่ยกให้รับปากว่าจะดูแล ก็เลยอยู่ดูแลนี่แหละ” ชนาหัวเราะกับการพูดจาหยอกล้อของสองสาวรุ่นพี่ “โอ้โห หวานเหลือเกิน” “ของตัวเองน่ะ ต้องหวานกว่า มาเล่าให้ฟังบ้างนะ” พิมพ์พลอยยิ้มให้กับชนาที่ยิ้มกว้างมากขึ้น รู้สึกดีใจตอนได้ยินข่าวเรื่องของพระพาย ซึ่งมีเรื่องราวค่อนข้างใหญ่โตทั้งในสื่อออนไลน์และสื่อสิ่งพิมพ์ เพราะคนหนึ่งเป็นไฮโซสาวทายาทเจ้าของโรงแรมยักษ์ใหญ่ ส่วนอีกสาวเป็นนักข่าวสาวมากความสามารถ แต่ภาพที่เห็นในตอนนี้ทำให้ชนารู้สึกได้ว่า ความรักทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้น ดูได้จากรอยยิ้มของพระพายตั้งแต่มีพิมพ์พลอยเข้ามาในชีวิต ชนารู้จักพิมพ์พลอยมาได้พักใหญ่ พบกันตอนเรียนหนังสืออยู่ต่างประเทศ พระพายพาพิมพ์พลอยไปเที่ยวและแนะนำให้รู้จักในฐานะพี่สาวอีกคน “ด่านเยอะมากนะ หนูว่า ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันน่ะ” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ แต่ไม่ได้คิดท้อถอยแต่อย่างใด เพราะคำว่า ความจริงใจที่พระพายพูดไปเมื่อสักครู่ เชื่อว่า สักวันผู้คนที่อยู่รอบตัวจะเห็นสิ่งนั้นในตัวเธอ “ทุกเรื่องมีด่านทั้งนั้นแหละ ไม่เจอด่านก็ไม่ได้ฝึกสติสิจ้ะ น้องรัก” พระพายพูดให้กำลังใจ “ใช่ มีปัญหาก็ค่อยๆ แก้ เรื่องหัวใจก็คือ เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ถ้าแพรยังจับมือชนาอยู่ เชื่อเถอะว่า เราสองคนจะผ่านทุกเรื่องไปได้” “ขอบคุณค่ะ จับมือกันให้แน่นๆ เหมือนพี่พลอยกับพี่ไต้ฝุ่นสิเนอะ” ชนาหัวเราะคิกคัก “ทำมาขำนะ ลำพังป้าพริ้งก็หนาวแล้วนะ ไอ้น้องรัก ยังมีแม่กับป้าที่แม่นปืน โอ้โห ถ้าเขายอมยกยายแพรให้นะ ฉันจะปิดห้องอาหาร เลี้ยงให้แกเลย ยายชนาเอ๊ย” พระพายอมยิ้มมองสบตากับชนาที่มีแววตาแน่วแน่ท่าทางคงจะมั่นใจมากขึ้น ต่างกับวันก่อนที่ดูแง่งอนและเหินห่างกัน ผ่านไปไม่กี่วันทำท่าเหมือนพร้อมจะเดินหน้าและลุยกับทุกปัญหา ถึงแม้จะยิ่ง ใหญ่ขนาดไหน ถ้าหากอีกคนยังอยู่เคียงข้าง สาวรุ่นน้องอย่างชนาคงไม่ยอมถอย พระพายค่อนข้างรู้จักชนาดี โดยเฉพาะเรื่องความมุ่งมั่นที่เคยเห็นระหว่างที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศด้วยกัน “ปรึกษาพี่ไต้ฝุ่น ไม่น่าจะได้เรื่อง ต้องปรึกษาพี่พลอยถึงจะถูก ทำอีท่าไหน แม่พี่ไต้ฝุ่นถึงยอมยกลูกสาวให้กลางห้องบอลรูมโรงแรมเลย” ชนาหัวเราะคิกคักนึกถึงข่าวดังของทั้งสองสาวที่หันมามองสบตากันแล้วหัวเราะตามชนา “ผู้ใหญ่ทุกคน รักลูกหลานของตัวเองทั้งนั้นแหละ เพราะฉะนั้นคนที่จะเข้ามาในชีวิต ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็น ว่าปะ” พิมพ์พลอยถามพระพาย “ไม่กล้าว่าอะไรหรอก แม่จะยกสมบัติเป็นชื่อพลอยคนเดียวอยู่แล้วเนี่ย” พระพายพูดยิ้มๆ “ของแน่อยู่แล้ว หัวเน่าแล้วตัวเองน่ะ” พิมพ์พลอยหัวเราะ “อยากให้แพรมาเห็นตอนพี่สองคนอยู่ด้วยกันจัง” ชนารำพึงเบาๆ “เริ่มทำบ้านดินเมื่อไหร่ แจ้งพี่ด้วย ไปนอนบ้านลุงคำกัน” “แพรจะได้เห็นพี่สองคนเวลาอยู่ด้วยกัน ตกลงตามที่พี่ไต้ฝุ่นบอกเลยนะ” พิมพ์พลอยสบายใจที่เห็นรอยยิ้มสวยๆ ของชนา “เรื่องใหญ่กว่าบ้านดินก็คือ หนูต้องหางานทำก่อน” ชนาพูดขึ้น “พูดปุ๊บ คนหางานให้ก็มาเลย ช่างมีบุญเสียจริงคนกำลังมีความรักเนี่ย” พระพายหัวเราะ ลุกขึ้นยืนต้อนรับคนที่กำลังเดินเข้ามาทักทาย พระพายแนะนำให้ชนาได้รู้จักกับด็อกเตอร์ธารใจ หรือ ดร.น้ำ ซึ่งถือเป็นญาติผู้พี่ เพราะมารดาของธารใจเป็นเพื่อนกับมารดาของพระพายและนับถือกันเหมือนดั่งญาติสนิท “คนนี้ ก็แฟนผู้หญิงเหมือนกัน ปรึกษาได้” พระพายบอกกับชนาที่ทำท่าตะลึงเล็กน้อย มองสบตากับธารใจที่ยิ้มๆ เมื่อได้ยินการพูดแนะนำเรื่องความสัมพันธ์ที่มีกับผู้หญิงด้วยกัน “แม่เจ้า คนสวย คนเก่ง คนฉลาด จะชอบผู้หญิงกันหมดทั้งเมืองไหมล่ะเนี่ย” ชนาหัวเราะ บางทีความพอเหมาะพอดีก็เข้ามาในชีวิตได้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หลังจากได้พูดคุยกับธารใจ และได้รับคำแนะนำให้รับเป็นอาจารย์สอนพิเศษไปก่อน เพราะหากจะไปตั้งรกรากอยู่ต่างจังหวัด ถึงแม้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ สักเท่าไรนัก ก็คงต้องรอเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเป็นอาจารย์ที่จะสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยแบบเต็มเวลา “หญิงหรือชาย ไม่ได้แปลกอะไรหรอกนะ มีโอกาสได้พบคนที่เรารู้สึกดีด้วย จนตกหลุมรักได้ถือว่า โชคดีที่สุดแล้ว ว่าไหม ไต้ฝุ่น” ธารใจยิ้มให้กับพิมพ์พลอยและพระพาย “ฟังไว้ เด็กน้อย รายนี้เพิ่งเริ่มจี๋จ๋ากันค่ะ ด่านของครอบครัวน่าจะสาหัสอยู่ แต่ท่าทางจะถอยไม่ได้แล้วเนอะ” พระพายพยักพเยิดไปทางชนาที่ยิ้มอายๆ “พี่ว่า ด่านอะไรไม่สำคัญเท่า ด่านคนในหัวใจเราหรอกนะ เพราะจะเป็นกำลังใจให้เราผ่านด่านอื่นๆ ได้ แค่พ่อแง่แม่งอนกว่าจะเข้าใจ ก็ทำเอาเกือบท้อเหมือนกัน ว่าไหมพลอย” ธารใจหัวเราะ เมื่อพิมพ์พลอยหันไปหยิกพระพายแก้เก้อ “ขอบคุณสำหรับเรื่องงานนะคะ พี่น้ำ” ชนายิ้มและพนมมือไหว้ “ยินดีจ้ะ ไต้ฝุ่นมาเล่าเรื่องชนาให้ฟังนานแล้วล่ะ มีคนรับรองขนาดนี้พี่แนะนำงานให้ได้ไม่ยากหรอก” ธารใจบอกกับชนาที่ยิ้มอายๆ “ดีจังที่ได้รู้จักพี่น้ำ แถมข่าวดีเรื่องงานอีก” “ไปล่ะ มีสัมมนาที่ชั้นบน ไว้พี่โทรฯ หานะ ชนา” ธารใจบอก “สอนเสร็จแล้ว ทานอาหารเย็นด้วยกันนะคะ พี่น้ำ” พระพายในฐานะเจ้าบ้านเอ่ยปาก ซึ่งธารใจพยักหน้าเป็นการตอบรับ “ก็ดีนะ เดี๋ยวเอ๋ยมารับ ถ้าไม่ไปไหนอยู่กินข้าวด้วยกันสิ ชนา ได้เจอพี่เอ๋ยแฟนพี่ด้วย” ธารใจบอกแล้วรีบกิ่งเดินกิ่งวิ่งไปทำงานของตัวเองซึ่งใกล้เวลามากแล้ว “พี่เอ๋ย ชื่อน่ารักดีจัง” ชนารำพึงออกมาเบาๆ “ตัวจริงน่ารักมากด้วย ได้ที่ปรึกษาเยอะเลยทีนี้ อยู่กินข้าวด้วยกันสิ” พระพายบอกกับชนาที่ทำท่าคิด “ถ้าอยู่จนเย็นคงต้องนอนที่นี่แหละ เพราะหนูไม่มีรถกลับ” “มันดูน่าสงสารไปนะ แม่เราน่ะ นักธุรกิจนะ ไอ้ชนา” พระพายพูดบ่นพาให้พิมพ์พลอยหัวเราะไปด้วย “อ้าว เงินแม่ ไม่ใช่เงินหนูนะ พี่ไต้ฝุ่น ยืมพี่พลอยซื้อรถก่อนดีกว่าเชื่อว่า พี่ฝุ่นไม่มีตังค์หรอก ใช่ปะล่ะ” ชนาพูดแหย่พระพาย “เอาสิ ไปดูรถกันเลยไหมล่ะ ไม่มีรถเวลาไปสอนหนังสือลำบากแย่เลยนะ พี่ว่า” พิมพ์พลอยพูดเปิดประเด็น ซึ่งชนาคิดอยู่เหมือน กัน “ล้อเล่นค่ะ หนูพอมีเงินอยู่บ้าง เรียนอยู่ที่โน่นทำงานเยอะเหมือน กันค่ะ พี่พลอย” ชนายิ้มให้และนึกขอบคุณในความมีน้ำใจ “ฝุ่นไปทำงานก่อนนะ พลอยอยู่เป็นที่ปรึกษาให้ชนาก่อนก็แล้วกัน” พระพายพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นชนาแกล้งทำหน้าเก๊กๆ ให้อยู่ “ไม่กวนดีกว่าค่ะ มีธุระต้องไปทำเหมือนกัน เดี๋ยวตอนเย็นค่อยมาใหม่ คืนนี้ขอนอนหน้าเตียงนะ พี่ไต้ฝุ่น” ชนาหัวเราะ เมื่อพระพายเขกศีรษะเข้าให้สองที “เสียใจจ้ะ เป็นเวลาของแฟน นอนเก้าอี้รับแขกก็พอแล้ว เราน่ะ” “พี่ไม่ได้นอนที่นี่ พี่กับพี่ไต้ฝุ่นนอนที่บ้านพี่จ้ะ มีห้องให้ชนานอนได้สบายมาก” พิมพ์พลอยหัวเราะ “โห อยากนอนหน้าเตียง” ชนาพูดยิ้มๆ มองตามพระพายที่ยังหันมาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันให้อยู่ แพรพรรณเดินไปเดินมา เพราะชนาหายเงียบไปบอกเพียงแค่ว่าจะไปหาพระพายมีเรื่องพูดคุยขอคำปรึกษา แต่เมื่อเช้าที่ผ่านมาเดินไปที่บ้านลุงคำบอกว่า ไม่ได้กลับมาอาจจะเพราะเดินทางไปมาไม่สะดวก ครั้นจะให้ขับรถกระบะคันเก่าไปอาจจะไปไม่ถึงที่หมาย ชนาเลยเลือกใช้รถยนต์โดยสาร “คนอะไร โทรศัพท์ก็ไม่มี ไอ้เราก็ลืมไปเลย เพราะเห็นบ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ หรือควรจะโทรศัพท์หาพี่ไต้ฝุ่นดีนะ” แพรพรรณรำพึงออกมาเบาๆ หลังจากเดินไปเดินมาอยู่หน้าบ้านของลุงคำที่ยิ้มน้อยๆ จ้องมองอยู่ “เดี๋ยวก็มา ธุระคงมืดค่ำ เดี๋ยวกลับมาลุงจะบังคับให้มันซื้อรถยนต์ขับก็แล้วกันนะ ยายหนูแพรจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” ลุงคำยิ้ม เมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสของแพรพรรณ “ลุงคำน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ แพรบอกจะขับรถพาไป แต่ไอ้ชาของลุงน่ะ ไม่ยอม บอกเดี๋ยวแม่กับป้าบ่นเอา” แพรพรรณบอกเล่าเรื่องราวซึ่งการได้พูดคุยกับลุงคำทำให้สบายใจขึ้นบ้าง “คงจัดการเรื่องรถราด้วยกระมัง ถ้ามันทำงานไม่มีรถขับคงลำบากเอาเรื่องอยู่ หรือลุงควรจะซื้อให้มันดีนะ ยายหนูแพร” ลุงคำถาม “หยิ่งขนาดนั้นน่ะ คงยอมหรอกนะคะ” แพรพรรณยิ้มมองสบตากับลุงคำที่หัวเราะลั่น “เออนั่นสินะ กว่าจะบังคับให้รับโฉนดที่ดินไปได้ ก็ต้องขู่กันเลย” “ลุงคำว่า ป้ากับแม่จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าชนาจะปลูกบ้านติดกับรั้วของแพรเลย” แพรพรรณถามความคิดเห็น ลุงคำหัวเราะอีกครั้ง “ไม่รู้เหมือนกัน คงต้องให้ไอ้ชามันลองไปขออนุญาตดู แต่ลุงไม่มีปัญหาอะไรนะ ยายหนูแพรล่ะ อยากให้มันไปอยู่ใกล้ๆ ไหม ถ้าไม่ลุงจะได้จัดการให้” ลุงคำถาม แพรพรรณยิ้มอายๆ “แล้วแต่ไอ้ชาของลุงคำเลยค่ะ” แพรพรรณมองเห็นมารดามองมาจึงรีบกลับบ้านทันที แววตาดุๆ ที่ได้เห็นทำเอาใจคอไม่ดีเลยทีเดียว จนทำให้มาหวนคิดว่า ตัวเองทำอะไรผิดเอาไว้หรือเปล่า “ไปกวนอะไรลุงคำแต่เช้า ไม่รู้จักเวล่ำเวลาเลยนะเรา ยายแพร” มารดาพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ จนแพรพรรณคิดว่าคงต้องใช้ลูกอ้อนเสียแล้ว “ไปถามอะไรนิดหน่อยเองค่ะ แม่อย่าดุสิ แม่ดุตอนเช้า ลูกจะไม่ดีไปทั้งวันเลยนะคะ ใครจะติดต่องานการเดี๋ยวหายหมดน๊า ทำกับข้าวเผื่อลุงคำหรือเปล่าคะ” แพรพรรณชวนเปลี่ยนเรื่องคุย “ทำข้าวผัด แต่เราน่ะไม่ต้องไปแล้ว เดี๋ยวแม่เดินไปเอง ชนาอยู่ด้วยหรือเปล่าจะได้เตรียมไปเผื่อ” มารดาถามเสียงเรียบ “ไม่อยู่ค่ะ หายไปไหนไม่รู้ ลุงคำบ่นอยู่” แพรพรรณพูดด้วยน้ำเสียงคล้ายกับงอนชนา มารดาจึงหันมาทำสายตาดุๆ ใส่ “เกี่ยวอะไรกับเราล่ะ เป็นอะไรกับเขาหรือไง เขาจะไปไหนมาไหนก็เรื่องของเขา อย่าไปยุ่งวุ่นวายมากนักเลย” มารดาพูดเอ็ดเสียดังทำเอาป้าทั้งสามที่กำลังลงมาจากชั้นบน มองสบตากับหลานสาวที่มองตามมารดาเข้าไปในครัว ส่วนตัวเองยืนหน้าจ๋อยจนป้าๆ อดขำไม่ได้ เพราะนานๆ ทีถึงได้เห็นคนเป็นแม่เอ็ดลูกสาว “ไปขัดใจอะไรเข้าล่ะ งอนเข้าครัวไปเลย เสียงเอ็ดดังไปถึงข้างบนโน่นเชียว” ป้าพรหัวเราะ เมื่อเห็นแพรพรรณทำหน้ามุ่ย “แพรยังไม่รู้เลยค่ะ ไปทำอะไรผิดไว้ แม่ไม่ได้บอก ดุแค่ว่าแพรไปกวนลุงคำแต่เช้า แค่นั้นเอง” “ตามไปง้อไป เดี๋ยวก็หาย เอ๊ะแต่จะหายง่ายๆ ไหมล่ะ ปีชาติไม่เห็นเคยจะดุลูก ตายแน่ยายแพรเอ๊ย” เมื่อได้ยินป้าพลับบอกทำให้คนเป็นหลานหน้าจ๋อยมากกว่าเก่า ยืนเกาหัวแกรกๆ คิดอยู่ว่า ไปทำอะไรมาถึงทำให้มารดาไม่พอใจ “ป้าพลับอะ แทนที่จะช่วยยังมาพูดให้แพรเสียขวัญอีก ไปอ้อนแม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวยกอาหารเช้ามาให้ค่ะ” แพรพรรณยืนรีรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มอ้อนป้าๆ เป็นการเอาฤกษ์เอาชัยและรีบเข้าไปอ้อนมารดาในครัว “ดูดู๊ แม่คนนี้ จักกะจี้ จักกะเดียม” ป้าพลับหัวเราะ ส่วนป้าพริ้งกับป้าพรส่ายหน้ากับความช่างอ้อนของหลานสาว “ไว้จะหอมบ่อยๆ จะได้ไม่เขินนะคะ ป้าพลับ” เสียงหัวเราะที่ได้ยินดังเข้าไปถึงในห้องครัวทำให้เพ็ญถึงกับถอนใจเสียงดัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD