ตอนที่ 9 : ขอจูบนิดนึง

2344 Words
ชนารับอาสาเป็นคนเก็บล้างทำความสะอาด โดยทำเสียงเข้มใส่แพรพรรณไม่ให้มาช่วย แต่สาวเจ้าก็ไปยืนชะเง้อชะแง้อยู่ใกล้ๆ “ไม่ใช่ลูกคุณหนูสินะ เราน่ะ” แพรพรรณยิ้มทะเล้นให้ชนาที่หันมาทำหน้านิ่งจ้องเขม็ง “อยู่ที่โน่นเป็นคุณหนู ใครจะทำให้ล่ะคะ คุณนางเอก” “ถามไรหน่อยดิ” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ “อือ” ชนาหันมาพยักหน้าแล้วยิ้มให้ “มีแฟนไหม คือ ชาดำเย็นดูดีมาก ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่นะ แพรว่า อกหักแล้วแอบมาพักใจปะเนี่ย” แพรพรรณแสร้งทำท่าคิดกับสิ่งที่ตัวเองอยากรู้และอยากได้คำตอบ ชนาแอบยิ้มและทำเป็นนิ่งๆ “ดีเกินไปมั้ง” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ “ว่าแล้วเชียว ขอโทษที่ถาม” แพรพรรณยิ้มจางลงและเดินเข้าไปดึงตัวชนามากอดเอาไว้ เจ้าตัวตกใจเล็กน้อยกับการแสดงออกนั้น “เดี๋ยวป้าเห็นเข้า เราคงโดนเอาปืนไล่ยิงนะ แพร” ชนาพูดยิ้มๆ แต่กอดกระชับแพรพรรณเอาไว้เล็กน้อย “แพรจะเอาตัวแพรบังไว้ ป้าพลับไม่ยิงหรอกน่า” แพรพรรณรู้สึกอุ่นใจอย่างน่าประหลาด เพราะอ้อมกอดของคนในครอบครัวที่คิดว่าอบอุ่นเป็นที่สุดแล้ว แต่กับอ้อมกอดของชนาทำให้รู้สึกได้มากยิ่งกว่า “ป้าพลับอาจจะไปยิงลุงคำแทนนะ” ชนาหัวเราะ “ถ้ากลัว ชาดำเย็นกอดแพรทำไมล่ะ ทำไมไม่ยืนเฉยๆ เดี๋ยวแพรก็ถอยห่างออกมาเอง” แพรพรรณยิ้มน้อยๆ คลายอ้อมกอดออกมองสบตากับชนาที่ยิ้มๆ ทำท่าคิด “ไม่รู้เหมือนกัน แต่อยากกอดนะ” “ได้อะไรมาจากเมืองนอกบ้างเนี่ย ถามจริง” แพรพรรณหัวเราะ “ปริญญา ความรู้ ตำราเรียน หนังสืออ่านเล่น เพื่อน มิตร เยอะอยู่นะ” ชนาแจกแจงเป็นการตอบคำถาม “ถามจริง อกหักมาจริงๆ หรือ” แพรพรรณถามย้ำอีกครั้งและสังเกตอากัปกิริยาของชนา “ถ้าใครเลิกรักเรา เราก็ต้องหยุดรัก จบ” ชนาพูดเพียงแค่นั้นทำเอาคนได้ยินขมวดคิ้วด้วยความฉงนสนเท่ห์ทำไมถึงได้ฟังดูง่ายขนาดนั้น “ใครกันนะ แต่ก็ขอบคุณ” แพรพรรณอมยิ้มและยักคิ้วหลิ่วตาล้อ คนที่ส่ายหน้ายืนจ้องมองอยู่ ไม่แปลกใจทำไมทางบ้านถึงได้หวงแหนในตัวหลานสาวนัก เพราะความน่ารักของสาวเจ้ามีให้เห็นอยู่มาก ยิ่งรู้จักยิ่งรู้สึกดีด้วย เสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าบ้านไปอย่างรวดเร็วทำให้แพรพรรณถอนใจ ลุงคำหัวเราะ ขณะมองดูรถสปอตสีแดงขับออกไปอย่างรวดเร็วไม่รู้เหมือนกันว่า สี่สาวที่บ้านเรือนไทยหลังงามจัดการเจ้าหนุ่มรูปหล่อดีกรีลูกชายของนายอำเภอด้วยวิธีไหน เจ้าตัวถึงได้ขับรถกลับไปอย่างรวดเร็วขนาดนั้น ลุงคำส่ายหน้ามองเห็นสองสาวที่กำลังมองตามรถสปอตคันดังกล่าวอยู่ เช่นกัน “โดนสาวไหนจัดการไปก็ไม่รู้สินะ” ลุงคำหัวเราะ ชนาทำหน้าฉงน ส่วนตัวต้นเรื่องที่เป็นสาเหตุแต่หนีหน้ามา หัวเราะกับคำพูดของลุงคำ “เว้นแม่ไว้คนหนึ่งค่ะ ลุงคำ” “น้าเพ็ญ ใจดีเสมอแหละ” ชนาพูดเสริมทำเอาคนเป็นลูกสาวยิ้มกว้างมากขึ้น “ข้าไม่คิดอย่างนั้นนะ ไอ้ชา คนเป็นแม่นั่นแหละ จะหวงลูกมากที่สุด เหมือนจงอางหวงไข่เลยนะ เอ็ง” ลุงคำหัวเราะ เดินไปหยิบเสื้อผ้าเตรียมตัวอาบน้ำและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะความกังวลใจหายไปมากแล้ว หลังจากเห็นพริ้งลงมารับประทานอาหารได้เป็นปกติเหมือนกับทุกวัน “โห เล่นขู่กันแบบนี้เลย” ชนาบ่นพึมพำหันมาเห็นแพรพรรณยิ้มอยู่ “ทำไมจะจีบลูกสาวบ้านโน้นเหรอ” แพรพรรณยิ้มอายๆ ส่วนชนาเองก็รู้สึกได้ว่าใบหน้าร้อนผ่าว เมื่อได้ยินคำถามที่ตรงประเด็นดุจดั่งมองทะลุเข้าไปถึงหัวใจได้ “อดกินขนม อดเป็นผู้ช่วยกำนัน ป้าพริ้งคงเกลียดขี้หน้าเนอะ ส่วนคุณครูหวังว่าจะขอให้มาเป็นที่ปรึกษาเรื่องการสอน ป้าพรคงนิ่งใส่ คิดแล้วน่าสะพรึงไปนะ เราว่า” ชนายิ้มเจื่อนๆ “ป๊อดนะ ชาดำเย็น” แพรพรรณหัวเราะ “กำนันยิงปืนแม่มากนะ เธอ” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ “ตกลงจะจีบจริง ว่างั้น” แพรพรรณอมยิ้มจ้องมองชนาที่ยิ้มให้อยู่ “ไม่รู้เหมือนกัน เราชอบใช้เวลากับแพรนะ ถึงแม้จะกวนๆ แสบๆ ไปสักหน่อย แต่มีความสุขเหมือนที่มีอยู่ตอนนี้ ว่าแต่ไม่เป็นไรหรือเพราะเราเป็นผู้หญิง ไม่อยากคิดเลย ด่านสำหรับชายหนุ่มก็โหดอยู่แล้ว ถ้าหากเป็นเราที่เป็นผู้หญิง โอ๊ย พาหนีเลยได้ไหมนะ เดี๋ยวซื้อคอนโดแล้วไปอยู่ด้วยกันเลยท่าจะดี” ชนาหัวเราะ เมื่อแพรพรรณเอื้อมมือไปหยิกเข้าให้ที่เอวและถูกดึงตัวมากอดเอาไว้โดยเจ้าตัวไม่ได้ผลักไสแต่อย่างใด “ถ้าแม่กับป้าบอกว่าไม่ แพรก็ไม่ ตามนี้” แพรพรรณพูด แต่กลับเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของชนาที่กระชับให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย “สงสัยต้องรีบหางานทำ ลอยไปลอยมาคงได้แค่ชะเง้อมองจากบ้านลุงคำแหง๋เลย” ชนาพูดเสียงอ่อยๆ “จะทำอะไร ปลูกข้าวหรือ” แพรพรรณหัวเราะ “สอนหนังสือในมหาวิทยาลัย ว่าจะลองไปสมัครดู ตอนแรกว่าอยากได้คำปรึกษาจากป้าพร แต่ดูท่าว่าจะลำบากเสียแล้ว” ชนายิ้มคลายอ้อมกอดออกเอามือทาบทับไปที่แก้มของคนที่ยิ้มน้อยๆ ให้อยู่ “อย่าให้เสียชื่อ หลานสาวที่รักของลุงคำเชียวนะจ้ะ ชาดำเย็น” “เอ๊ะ ตกลงว่า แพรอนุญาตให้เราจีบได้อย่างนั้นหรือ” ชนาถาม “ไม่มั้ง เปิดทางซะขนาดนี้ ไม่ใช่แค่จีบแพรคนเดียวนะ ชาดำเย็น ต้องจีบสาวทั้งบ้านเลย ไหวปะ” แพรพรรณหัวเราะ เพราะไม่ได้รู้สึกกังวลใจมากนัก แต่คิดไปคิดมา อาจจะต้องกังวลใจไว้บ้าง เพราะอีกสี่สาวที่บ้านขึ้นชื่อเรื่องการห่วงตัวเธอเป็นที่สุด ดูได้จากชายหนุ่มที่เพิ่งบึ่งรถสปอตกลับ ไปเมื่อสักครู่ แพรพรรณมองสบตาชนาที่ยังคงเอานิ้วไล้ไปที่แก้มอย่างแผ่วเบา ซึ่งสัมผัสได้ถึงความหวงแหนและทะนุถนอมไม่ต่างกับมารดาและป้าของเธอเลย แพรพรรณคิด “อยากได้ลูกหลานเสือ ก็ต้องกล้าเข้าถ้ำป้าเสือและแม่เสือสินะ เริ่มจากสร้างบ้านดินก่อนเล๊ย ติดริมรั้วบ้านแพร แต่เราต้องทำผนังกันกระสุนไหม เผื่อเอาไว้ก่อน” ชนาหัวเราะเล็กๆ ตอนนี้พูดกันเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องโตอะไร แต่วันข้างหน้าอาจจะเป็นเรื่องใหญ่มากมายสำหรับชีวิตช่วง หนึ่งเลยก็ว่าได้ ยังไม่นับรวมเรื่องมารดาของตัวเองอีก “สร้างบ้านดิน เอาจริงดิ” แพรพรรณทำท่าสงสัย “ลุงคำแบ่งที่ให้เรา ตั้งแต่วันที่กลับมาแล้ว ยังแนะให้ไปปลูกบ้านตรงที่ๆ ติดกับบ้านแพรและที่สำคัญสุดก็คือ ฝากให้ช่วยดูแลสาวๆ บ้านเรือนไทยด้วย ซึ่งเรารับปากลุงคำไปแล้วนะ” ชนาบอกพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดง ออกถึงความมั่นใจค่อนข้างมาก ความจริงใจที่แสดงออกมาทำให้แพรพรรณรู้สึกอุ่นใจและไม่รั้งรอที่จะเริ่มผูกสมัครรักใคร่ โดยไม่ได้สนใจเพศสภาพแต่อย่างใด รักก็คือรัก ถ้าเป็นผู้หญิงคนนี้ที่มีสิ่งดีๆ ไม่ต่างไปจากลุงคำที่เป็นเหมือนพ่อพระในความรู้สึกของแพรพรรณมาตลอด คงไม่แปลกอะไรที่วันหนึ่งจะรักผู้หญิงคนนี้ได้จนหมดใจ รอยยิ้มของแพรพรรณทำให้ชนาปิดหน้าปิดตาคล้ายกับอายสายตาอันแสนอ่อนหวานที่ได้เห็น “อายเป็นด้วยวุ๊ย ชาดำเย็น” แพรพรรณหัวเราะ “อ้าว ยายหนูแพร เราเป็นผู้หญิงนะ” ชนาทำหน้างอ “ดีแล้วที่เป็นผู้หญิง ถ้าเป็นผู้ชาย จะโดนป้าพลับไล่ยิงวิ่งหนีไม่ทันแน่ๆ” แพรพรรณพูดขู่ “โห ให้กำลังใจกันมากเลย กลับบ้านได้แล้วแหละ เดี๋ยวสาวๆ ที่บ้านจะเป็นห่วงนะ” ชนาทำท่าจะลุกขึ้น แต่ถูกรั้งตัวเอาไว้ “เดี๋ยวสิ” แพรพรรณยิ้มอายๆ “ยิ้มมีเลศนัยนะ เราน่ะ ยายหนูแพร” ชนาพูดยิ้มๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกรั้งตัวให้นั่งลงที่เดิม แต่เมื่อแพรพรรณขยับเข้าใกล้ และจูบเบาๆ ไปที่แก้มจนเกือบจะถูกริมฝีปากทำให้ชนานั่งนิ่งไปชั่วครู่ ยิ้มน้อยๆ ให้กับคนที่ยิ้มอายๆ “ขอจูบนิดนึงนะ” แพรพรรณอมยิ้ม หันไปมองทางห้องของลุงคำ แต่ไม่เห็นใคร เพราะหากออกมาเห็นว่าจูบหลานสาวเข้า ไม่รู้จะว่าอย่างไรเหมือนกัน “ยายหนูแพรคะ จูบก่อนขอที่หลัง มีที่ไหนกันคะ” ชนาพูดแหย่และจับมือแพรพรรณให้ลุกเดินตามออกมา เพื่อจะเดินไปส่งที่บ้าน ชนามองดูมือที่กระชับเล็กน้อยก่อนจะปล่อย เพื่อจะได้ช่วยหิ้วปิ่นโตไปส่งแพรพรรณที่เดินยิ้มเคียงข้างไปอย่างช้าๆ มารดามองดูลูกสาวที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามาในบ้าน ใบหน้าเรียบนิ่งที่ได้เห็นทำให้แพรพรรณออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะปกติมารดาจะดูอ่อนโยนเสมอ ไม่ว่าตัวลูกสาวจะแสนซน จะวุ่นวาย จะแสบมากมายขนาดไหนก็ตาม “มีอะไรจะบอกแม่ไหม” มารดาถามเสียงเข้ม แพรพรรณไม่ค่อยเข้าใจกับสิ่งที่มารดาถามเท่าไรนัก “เสียงเข้มขนาดนี้ แพรทำอะไรผิดหรือคะ” แพรพรรณพูดเสียงอ่อยๆ ด้วยลูกอ้อน “เปล่า แต่ถ้าไฟมันจะเกิดแล้วทำให้แพรเสียใจ แม่เลือกที่จะตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แพรรู้ใช่ไหมว่าแม่รักแพรดุจดั่งดวงใจน่ะ” มารดาพูดด้วยน้ำ เสียงสั่นเครือ “เรื่องอะไรกันคะ แพรรักแม่ที่สุดในโลกแล้ว เชื่อฟังทุกอย่างเลยไม่เอาล่ะ อย่าดุสิ เสียใจร้องไห้ตาบวม เดี๋ยวลูกสาวไม่สวยนะคะ” แพรพรรณพูดอ้อนและเข้าสวมกอดมารดาเอาไว้ ป้าพรมองลงมาจากชั้นบน ไม่ค่อยแน่ใจนักว่า เพ็ญ เป็นห่วงเรื่องอะไร เรื่องของหนุ่มลูกชายนายอำเภอนั่นหรือ แต่ไม่เห็นจะมีอะไรน่าเป็นห่วง เพราะแพรพรรณไม่ได้มีทีท่าชอบพออะไรให้เห็นเลยสักนิด แถมยังหนีหน้าไปกินข้าวที่บ้านคำรณ จนชายหนุ่มกลับไปถึงได้กลับเข้าบ้านมา ถ้าอย่างนั้นเกิดอะไรขึ้น พรมองน้องสาวที่ดูมีเรื่องกังวลใจ แต่ไม่อยากเข้าไปในเวลานี้คงต้องปล่อยให้สองแม่ลูกพูดคุยกันเองก่อน “แม่แค่อยากให้ระวังหัวใจตัวเอง มันเจ็บเจียนตายเลยนะลูก หากแพรถลำลึกจนเกินไป เริ่มต้นมันสวยงามแต่นานไปมันจะทำให้ทุกข์ระทม แม่ไม่อยากให้แพรเป็นอย่างนั้นนะ” เพ็ญพูดด้วยความเป็นห่วงลูกสาวจึงกระชับอ้อมกอดเสียแน่นด้วยความหวงแหนเป็นที่สุด แพรพรรณยิ้มจางๆ รู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ มารดาพูดคล้ายจะมีใครมาทำให้ตัวเธอนั้นเสียใจ หรือพฤกษ์พูดอะไรกับป้าและมารดาของเธอ “แพรดื้อไปบ้าง แต่ฟังคำสอนและเชื่อฟังแม่กับป้าเสมอมา ถ้าใครคนไหนเข้ามาแล้วทำให้ป้ากับแม่ทุกข์ใจ แพรจะจัดการเอง โกรธเหรอคะที่พี่พฤกษ์มาหาถึงบ้าน โดยเอาป้าพลับมาอ้างน่ะ” แพรพรรณถามเสียงอ่อยๆ “เรื่องนั้นน่ะ จัดการได้ ไอ้ที่จะจัดการไม่ได้ก็เพราะตัวเรานั่นแหละ ไปอาบน้ำนอนได้แล้วไป” เพ็ญยังไม่อยากพูดอะไรออกมาชัดเจนมากนัก ในเวลานี้ เพราะบางทีสิ่งที่เห็นอาจจะเป็นเพียงมิตรภาพดีๆ ไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิด “เรื่องอะไรล่ะคะ แต่ไปอาบน้ำก็ได้ แม่ยิ้มสวยๆ ให้ก่อนสินะคะ นะ น๊า นะ แม่นะ” แพรพรรณพูดอ้อนมองสบตากับมารดาที่แววตากลับมาอ่อนโยนเหมือนเดิม มารดาถอนใจไม่รู้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรหลังจากวันนี้ โดยเฉพาะป้าๆ ทั้งหลายที่หวงแหนหลานสาวเป็นที่ สุด “ยายแพรนะ ยายแพร” มารดาถอนใจมองไปทางบ้านของคำรณและหันกลับมามองลูกสาวที่กำลังทำท่าส่งจูบให้อยากทะเล้น แพรพรรณรอยยิ้มจางลง เพราะรู้สึกแปลกๆ กับท่าทีของมารดาจนวกกลับมาคิดเรื่องของความรู้สึกที่เกิดขึ้น มันแปลกแต่รู้สึกดีกับผู้หญิงที่กำลังจะมาเป็นเพื่อนบ้านอย่างจริงจัง จากคำบอกเล่าที่ชนาบอกว่าจะมาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ และปลูกอยู่ใกล้กว่าบ้านของลุงคำเสียอีก “หรือแม่เห็น” แพรพรรณถอนใจ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ จากท่าทีที่ได้เห็น ความสัมพันธ์ที่อาจจะเกิดขึ้น คงจะไม่ง่ายนักสำหรับผู้ใหญ่แม้กระทั่งมารดาที่พูดเกริ่นเตือน หากกับมารดายังมีการเริ่มพูดเตือนแล้วกับป้าทั้งสามล่ะจะเกิดอะไรขึ้น แพรพรรณถอนใจเฮือกใหญ่เดินออกไปที่ระเบียงห้องนอน ซึ่งมองเห็นบ้านของคำรณได้อย่างชัดเจน ชนานั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องซึ่งมีโต๊ะตั้งอยู่ใกล้กับหน้าต่าง แสงไฟสลัวๆ จากโคมไฟทำให้เห็นไม่ชัดนัก แต่ภาพของผู้หญิงผิวสีแทนคนที่แพรพรรณชอบเรียกว่า ชาดำเย็นกลับมีความชัดเจนอยู่ในหัวใจ “จะไหวไหมล่ะ ยายชาดำเย็นของแพร” แพรพรรณยิ้มน้อยๆ มองดูชนาที่ง่วนอยู่กับหนังสือ โดยไม่รู้เลยว่า มีคนแอบมองอยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD