Chapter 13

1848 Words
ปาร์คซูโฮยอมรับว่าเขาทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน หลังจากที่ยูฮาราชักชวนให้เขากับฮาจองอู ไปทำความรู้จักกับยูแฮอินแต่สุดท้ายทั้งสองก็ตอบรับ และพากันเดินตามหลังเด็กสาวมายังตรงฝั่งซ้ายศูนย์บัญชาการ ฯ ซึ่งพันตำรวจเอกมาซอกโดกำลังนั่งรับประทานอาหารพอดี โดยคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็นผู้หญิงที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกับคังจีวอนแม่ของปาร์คซูโฮ ซึ่งเขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นยูแฮอิน "มากินข้าวสิ แกสองคนจะได้มีแรง" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูด เมื่อเห็นเด็กหนุ่มทั้งสองพอดี ยูแฮอินเป็นผู้หญิงรูปร่างผอมบางสมส่วน เธอมีลักษณะคล้ายยูฮาราลูกสาว ต่างกันแค่อายุและสีผมเท่านั้น แม้พันตำรวจเอกมาซอกโดบอกว่า อีกฝ่ายจะเป็นหมอเปิดคลีนิกแต่เธอก็สามารถแปรงโฉมกลายเป็นแม่ครัวได้เช่นกัน โดยเธอทำเมนูอาหารให้สองเด็กหนุ่มคือ ข้าวเนื้อหมูตุ๋น มันส่งกลิ่นหอมมากจนฮาจองอูต้องรีบมานั่งกิน ด้านปาร์คซูโฮก็ไม่แน่ใจนักว่า เพื่อนเขาจงใจแกล้งหรือเปล่าถึงได้ให้เขามานั่งตรงข้ามกับยูฮารา จนเมื่อสบตากับฮาจองอูเท่านั้นแหละ เขาจึงสรุปได้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำแบบนั้น [ไอ้ฮาจองอู ไอ้เพื่อนเวร] ปาร์คซูโฮก่นด่าเพื่อนในใจ ระหว่างที่เขาก้มหน้าก้มตากินอาหารบนจาน ยูฮาราแอบมองปาร์คซูโฮอยู่แวบหนึ่ง ส่วนใหญ่แล้วเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวฝั่งพ่อ เธอก็พอรู้มาบ้างและเท่าที่เธอมักได้ยิน พันตำรวจเอกมาซอกโดบ่นถึงประจำที่สุดคือหลานชายคนที่สอง ซึ่งมีชื่อว่า "ปาร์คซูโฮ" ตามความเข้าใจของเด็กสาว ยูฮาราคิดว่าพ่อน่าจะสนิทกับหลานชายคนนี้ไม่น้อย จนเธออยากทำความรู้จักกับอีกฝ่าย แต่ใครจะไปคิดว่าจะได้เจอตัวจริงในสถานการณ์แบบนี้ ยูฮาราคิดว่าคงไม่มีเวลามากที่จะได้ทำความรู้จักกัน ทว่าในตอนที่ได้เห็นหน้าครั้งแรก เด็กสาวยอมรับว่าหลานชายคนนี้ของพันตำรวจเอกมาซอกโด ก็หล่อหน้าตาดีอยู่ไม่น้อย "ซูโฮ" ยูแฮอินเรียกเด็กหนุ่มด้วยเสียนอ่อนโยนละมุนละไมมาก "ครับ" ปาร์คซูโฮขานรับ "ถ้าไม่อิ่มก็บอกอาได้นะ" ยูแฮอินพูดและส่งยิ้มให้ "ใช่ แม่ฉันทำอาหารอร่อยนะ" ยูฮาราเสริม เสียงของเด็กสาวเล่นเอาใจปาร์คซูโฮเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาพยายามไม่สบตากับยูฮารา เพื่อให้เธอเข้าใจว่าเขาหิวแค่ไหน (ซึ่งมันก็มีจริงส่วนหนึ่งคือเขาหิวจริง) ขณะที่ฮาจองอูซึ่งทีแรกก็สนุกที่ได้แกล้งเพื่อน แต่ไป ๆ มา ๆ ตัวฮาจองอูก็เริ่มหวั่นเกรงแล้วว่า มันจะถึงคิวของตนเมื่อไหร่ "แฮอิน อย่าให้เจ้าแสบนี้กินเยอะเลย" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูด พลางหันมามองหลานตัวแสบ "เกิดมันติดใจขึ้นมา ได้แย่งผมกินหมดแน่" สิ้นคำไปสองนาทีพริบตานั้น พันตำรวจเอกมาซอกโดก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติได้ ตามนิสัยของปาร์คซูโฮปกติจะตอบโต้ตนแล้ว แต่นี้กลับเงียบและกินอาหารอย่างเดียว ถ้าบอกว่าหิวมาก ๆ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะในอดีตขอเพียงได้กวนประสาทเขาที่เป็นลุง ต่อให้ข้าวเต็มปากปาร์คซูโฮก็เคยทำมาแล้ว ผิดปกติ.... ผิดปกติมาก ๆ "ซูโฮ..." พันตำรวจมาซอกโดเรียกหลานชาย ไม่มีการตอบรับใด ๆ "ซูโฮ" "...." พันตำรวจเอกมาซอกโดพ่นลมหายใจทางจมูก "ซูโฮ !" ปาร์คซูโฮได้สติทันควัน "ครับ !" เขาหันมามองหน้าลุงตนเองซึ่งรอบนี้ ปาร์คซูโฮไม่แน่ใจว่า พันตำรวจเอกมาซอกโดจะจับพิรุธอะไรเขาหรือเปล่า ฝั่งฮาจองอูก็เหมือนจะตกใจไม่น้อยกับท่าทางของเพื่อนสนิท ฮาจองอูเริ่มตระหนักได้ว่าการได้เจอกับยูฮารา มันส่งผลต่อตัวเด็กหนุ่มมากแค่ไหน แต่ไม่รู้เพราะโชคช่วยหรือมันยังไม่ถึงเวลาที่พันตำรวจเอกมาซอกโดควรรู้ มียุวชนทหารคนหนึ่งซึ่งฮาจองอูจำได้ว่า อยู่ทีมเดียวกับร้อยตรีวินเซนต์ โดยยุวชนทหารคนนั้นแจ้งกับทั้งสองว่า ควรจะรีบจัดการธุระให้เสร็จ แล้วรีบไปรายงานตัวได้แล้ว ได้ยินแบบนั้นปาร์คซูโฮจึงกินคำสุดท้ายแล้วเตรียมตัวไปรวมพล "ซูโฮ" ยูฮาราเรียกชื่ออีกฝ่ายครั้งแรก ปาร์คซูโฮจำต้องหันมาทางเธอ ทั้งที่ใจเต้นแรงมากแค่ไหน "อะไรหรือ" เขาถามด้วยเสียงที่ปกติที่สุด "ระวังตัวด้วยนะ" สิ้นคำแค่นั้นปาร์คซูโฮรู้สึกเหมือนใจแทบระเบิดออกจากตัว ++++++ สำนักงานตำรวจใหญ่ประจำเมืองเมตน์ บรรดาเหล่าสมุนแก๊งขวานซิ่งหลายร้อยคน กำลังตรึงกำลังไว้รอบ ๆ อาคารสำนักงาน โดยที่หน้าชั้นสี่ของอาคารสำนักงาน มีชายหนุ่มอายุยี่สิบสามผมสั้นสีทอง สวมชุดสูทสีดำสนิทยืนดูบรรยากาศโดยรอบ เบื้องหลังของชายหนุ่มผมทองคือชายวัยฉกรรจ์ที่สูงใหญ่กว่าคนทั่วไป และยังกำยำแข็งแกร่ง จนเรียกได้ว่าเหมือนเกาะเหล็กมากกว่าจะเป็นแค่กล้ามเนื้อ ครู่ต่อมาไม่นานเฉิงเย่วถิงก็ปรากฏตัวขึ้น ส่งผลให้ทั้งพากันรีบทำความเคารพเจ้านายทันที "สถานการณ์ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง" เฉิงเย่วถิงถามไปยังชายหนุ่มผมทองผู้มีนามว่า "เจอโรม" "ยังปกติดีทุกอย่างครับ แต่พวกศัตรูอาจกำลังวางแผนที่จะบุกมาแน่อน" เจอโรมตอบ อาเลสซันโดรส่งเสียงหัวเราะในลำคอ "ก็ให้พวกมันมา กูจะขยี้พวกมันให้แหลกคามือเอง" เฉิงเย่วถิงหันมามองสุนัขล่าเนื้อของตนแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่ามันคงพร้อมจะบดขยี้ศัตรู ขอแค่เพียงเขาสั่งเท่านั้น ทว่าถึงแม้อาเลสซันโดรจะเป็นสุนัขล่าเนื้อที่สร้างความสะพรึ่งกลัวให้กับศัตรูก็จริง แต่ขนาดเดียวถ้าไม่ล่ามโซ่หรือใส่ตะกร้ากรอบปากไว้ มันก็อาจหันมากัดเจ้านายของมันเสียเอง นี้คือสิ่งที่สวี่หลงซี่พูดถึงอาเลสซันโดร หากเมื่อไหร่ที่มันเป็นภัยต่อแก๊งขวานซิ่งเสียเอง ก็สมควรที่จะกำจัดทิ้ง "ใจเย็น ๆ เฮอร์คิวลิส" เฉิงเย่วถิงกล่าวขึ้นและเดินมายืนที่ริมหน้าต่าง "อีกไม่นานพวกแกจะได้บดขยี้พวกมันแน่" ไม่กี่อึดใจต่อมาอัศวินดำก็ได้มารายงานตัวกับเฉิงเย่วถิง สภาพของมันที่สะบักสะบอมบอกให้รู้ว่าศัตรูรายนี้ไม่ธรรมดา อาเลสซันโดรส่งสายตาเชิงเหยียดหยามดูถูกมาที่อัศวินดำ แต่มิอาจโต้ตอบใส่มันได้ ยิ่งไม่ใช่ต่อหน้าเฉิงเย่วถิง แต่ถึงจะไม่มีเฉิงเย่วถิง ตัวอัศวินดำรู้อยู่เต็มอกว่ายังไงก็ไม่อาจสู้ปีศาจตนนี้ได้ เฉิงเย่วถิงจ้องมองอัศวินดำด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างมาก ผลงานก่อนหน้านี้ที่หกอัศวินทำไม่สำเร็จ แถมอัศวินแดงยังโดนจับกุมไปอีก แทนที่จะยึดหมู่บ้านตรงนั้นได้ กลับต้องสูญเปล่าไปพร้อมกับกองกำลังของตน เรียกได้ว่าความผิดพลาดนี้มันไม่สมควรได้รับการให้อภัย "เจ้านาย ผมไม่เข้าใจเลยว่า.." อาเลสซันโดรลุกขึ้นและจ้องหน้าอัศวินดำที่คุกเข่าอยู่ "ทำไมถึงยังเรียกตัวกระจอกแบบนี้มาใช้งานอีกล่ะ ในเมื่อมีผมกับโอดิสเซียสอยู่ทั้งคน" อัศวินดำกำมือทั้งสองแน่นพลางขบกรามแน่นด้วยความเดือดดาล [ไอ้เฮอร์คิวลิส.... ได้ที ก็กดหัวกูโชว์เจ้านายเลยหรือ] อัศวินดำคิด ขณะเดียวกันเฉิงเย่วถิงก็หันขวับมาทางอาเลสซันโดรด้วยแววตาไม่พอใจนัก คลื่นจิตสังหารของเฉิงเย่วถิง ทำให้อาเลสซันโดรยอมสงบปากสงบคำ "เฮอร์คิวลิส ฉันเคยอนุญาตให้แกมาสงสัยการตัดสินใจของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่" เฉิงเย่วถิงพูดเสียงเย็น แต่ทำเอาร่างใหญ่โตของอาเลสซันโดรสะเทือนจนต้องทรุดลงกับพื้น เจอโรมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพูดช่วยคู่หู "อย่าถือสาความไม่มีสมองของเฮอร์คิวลิสเลยครับเจ้านาย ให้ผมสั่งสอนมันเอง" เจอโรมกล่าว เฉิงเย่วถิงยอมรามือต่ออาเลสซันโดรตามคำขอของเจอโรม "ถ้าไม่ติดว่ามันมีประโยชน์ต่อแก๊งละก็ ฉันคงฆ่ามันตายไปนานแล้ว... ถึงอัศวินดำจะกระจอกกว่าแก แต่มันยังรู้จักที่ต่ำที่สูงและรู้จักยั้งคิดก่อนจะพลั้งปาก มันต่างกับแกตรงนี้แฮะ" อาเลสซันโดรไม่กล่าวอะไรนอกจากคำว่า "ขออภัยครับนาย" ด้านอัศวินดำที่คุกเข่าอยู่รู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อยทีอีกฝ่ายโดนเจ้านายหักหน้า จากนั้นเฉิงเย่งถิงก็เดินมาหาอัศวินดำ เพื่อมอบหมายหน้าที่อันเป็นการมอบโอกาสใหม่แก่มัน นั้นคือการคุมปราการด้านซ้ายมือ กันไม่ให้ศัตรูตีฝ่าเข้าไปในสำนักงานได้ และอย่าทำพลาดอีกเหมือนรอบที่แล้ว เพราะอาจทำพลาดก็จงตายคามือศัตรู อย่าได้โผล่หน้ามาให้เห็นอีก ซึ่งอัศวินดำรู้อยู่แก่ใจว่านี้เป็นโอกาสสุดท้ายของมัน ที่สำคัญไม่ใช่แค่มันคนเดียวแต่ลูกน้องอีกสี่คนก็จะถูกหมายหัว หากมันทำอะไรผิดพลาดอีกครั้ง "ไส้หัวไปได้แล้ว อัศวินดำ ไปทำหน้าที่ของแกซะ" เฉิงเย่วถิงพูด อัศวินดำออกจากห้องไปเหลือแค่สามคนเท่านั้น ซึ่งเฉิงเย่วถิงคิดว่าตรงนี้คงไม่มีอะไรให้สั่งการ เพราะต้องรีบไปประชุมกับสมาชิกระดับสูง เนื่องจากได้ยินมาว่ามีข่าวจากเมืองโฮรุกเข้ามา เฉิงเย่วถิงจึงไม่ได้สั่งอะไรนอกนอกพูดแค่ว่า "ฝากที่นี้ด้วยนะ โอดิสเซียส" แล้วก็หายออกไปจากห้อง เมื่อเจ้านายไม่อยู่แรงกดดันต่าง ๆ ก็หายไป ส่งผลให้อาเลสซันโดรกลับมาหายใจทั่วท้องได้ตามปกติ พริบตานั้นมันก็เหมือนจะคลุ้มคลั่งอาละวาดทำลายข้าวของ แต่เคราะห์ดีที่เจอโรมห้ามเอาไว้ทันเวลา เพราะอาจจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี "อย่าแม้แต่ชิ้นเดียว เฮอร์คิวลิส" เจอโรมปราม "เก็บแรงบ้าของแกไว้ใช้กับศัตรูจะดีกว่า" "ทำไม ! เจ้านายต้องหักหน้ากูต่อหน้าไอ้ขี้เก๊กใต้หมวกกันน็อคนั้นด้วยว่ะ" อาเลสซันโดรโกรธมากแต่ก็ไม่ได้ทำลายข้าวของ ตามคำขอของเจอโรม "พวกมันจะบุกมาตอนไหน" เจอโรมเดินมาตบไหล่เบา ๆ "มันบุกมาเมื่อไหร่ ฉันจะบอกแกคนแรกแน่นอน คู่หู" ++++++
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD