พันตำรวจเอกมาซอกโดตกใจพอสมควร ที่จู่ ๆ หลานชายตัวแสบทรุดลงกับพื้น จึงรีบร้องบอกให้ทหารแพทย์เข้ามาพาตัวไปที่เต็นท์ ด้านฮาจองอูเองก็ยังงงเป็นไก่ตาแตก ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาก็พึ่งเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ครั้งแรก ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนจึงตามมาดู ปาร์คซูโฮในตอนนี้มีสภาพเหมือนคนเหม่อลอย อาการแบบนี้เพื่อนสนิทของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ว่า...
ฮาจองอูสลัดไล่ความคิดไร้สาระออกไป และเดินมาตบศีรษะปาร์คซูโฮหนึ่งครั้ง เพื่อเป็นการเรียกสติ แถมได้ผลเสียด้วย
"ไอ้เวรเอ้ย !" ปาร์คซูโฮหันมาตะคอกใส่ฮาจองอู พลางลูบศีรษะเบา ๆ "เจ็บนะเว้ย !"
"ตบเรียกสตินายไง" ฮาจองอูบอก
"หมายความว่าไงที่พูดมานะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
"มั่นใจแล้วเหรอ"
ปาร์คซูโฮทำท่าจะเปิดปากถามต่อ แต่แล้วไม่นานพันตำรวจเอกมาซอกโด พร้อมด้วยทหารแพทย์คนหนึ่งตามมาด้วย เพื่อให้มาดูอาการของหลานชาย ซึ่งทุกอย่างปกติดีจึงสรุปได้ว่าอาจเพราะเหนื่อยล้าจากการทำภารกิจ ทหารแพทย์จึงแนะนำให้เด็กหนุ่มพักเอาแรง พันตำรวจเอกมาซอกโดโล่งอกที่หลานชายปลอดภัย เขาเดินมาหาปาร์คซูโฮ
"อย่าทำให้ลุงเป็นห่วงแกสิ" พันตำรวจเอกมาซอกโดกล่าว "รู้ไหมตอนแกทรุดลงกับพื้น ใจลุงหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มแล้ว"
เด็กหนุ่มทำหน้าฉงนใจและมองหน้าผู้เป็นลุง
"ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย"
สักพักเสียงม่านเต็นท์พยาบาลเปิดออก พร้อมกับเด็กสาวคนเดิมเดินเข้ามา จู่ ๆ ปาร์คซูโฮก็ใจเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ความจริงเขาก็มีโอกาสเจอกับผู้หญิงมาหลายคน หลากหลายรูปแบบและนิสัย ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับเป็นคนแรกที่ปาร์คซูโฮมีอาการแบบนี้ ฝั่งฮาจองอูก็สังเกตเห็นปลอกแขนสีขาวมีสัญลักษณ์รูปบวก ฮาจองอูจึงคิดว่าน่าจะเป็นจิตอาสา
และเด็กสาวน่าจะรู้จักกับพันตำรวจเอกมาซอกโดแน่นอน เพียงแต่สรรพนามที่เธอเรียกอีกฝ่าย มันทำให้ปาร์คซูโฮกับฮาจองอูเกิดคำถามหลายอย่างในสมอง
"พ่อคะ เขาเป็นยังไงบ้าง" เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
มันยิ่งทำให้ปาร์คซูโฮใจเต้นแรงหนักขึ้นไปอีก
"ออ เจ้านี่นะเรอะ" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูดและขยี้ผมบนศีรษะหลานชาย "ไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่เหนื่อยน่ะ"
เด็กสาวพยักหน้า "งั้นหนูไปหาแม่ก่อนนะคะ พ่อเองก็ควรไปบอกแม่ด้วย แม่เป็นห่วง"
"ฮารา ไปบอกแม่ว่าพ่อปลอดภัยดี"
"แต่พ่อควรไปบอกเองจะดีกว่า"
พูดจบเด็กสาวเจ้าของชื่อ "ฮารา" ก็เดินออกจากเต็นท์ไป สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พันตำรวจเอกมาซอกโดโดนสองยุวชนทหาร รุมถามในทันทีว่าอีกฝ่ายไปแต่งงานมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่
"ไม่น่าเชื่อ" ปาร์คซูโฮพูดขึ้น
"ทำไมหรือ" ฮาจองอูหันมาถาม
"ถามแปลก ๆ" ปาร์คซูโฮทำสีหน้าเหมือนคนดูหนังสยองขวัญ "ตำรวจร่างหมีแถมบ้าพลังอย่างลุงเนี่ยนะ จะผลิตเพชรเม็ดงามขนาดนั้นได้ยังไงกัน มันต้องมีอะไร..."
ยังไม่ทันพูดจบปาร์คซูโฮก็ได้กินมะเหงกจากพันตำรวจเอกมาซอกโด
"ยูฮารา เป็นลูกเลี้ยงฉันต่างหาก ไอ้เด็กบ้า !" พันตำรวจเอกมาซอกโดพูดเสียงหงุดหงิด
"ลูกเลี้ยง !" สองเด็กหนุ่มพูดพร้อมกัน
"เออ ได้ยินไม่ผิดหรอก"
หลังตกใจอยู่พักหนึ่งพันตำรวจเอกมาซอกโดจึงเล่าให้ปาร์คซูโฮฟัง เหตุการณ์ก่อนที่จะมี "ปฏิบัติการเมืองสะอาด" หรืออาจต้องย้อนนานกว่านี้อีกหน่อย ตอนนั้นพันตำรวจเอกมาซอกโดยังเป็นแค่นายร้อยตำรวจ และออกปฏิบัติการช่วยเหลือพลเรือน จากเหตุกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอาละวาดในห้างสรรพสินค้า มันทำให้พันตำรวจเอกมาซอกโดได้พบกับสองแม่ลูก
ตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจึงถูกส่งไปคลีนิกที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือยูแฮอินกับยูฮารา นับแต่นั้นพันตำรวจเอกมาซอกโดก็สานความสัมพันธ์กับยูแฮอิน จนกระทั่งพันตำรวจเอกมาซอกโดตั้งใจจะขอยูแฮอินแต่งงาน ทว่าเพราะปฏิบัติการเมืองสะอาด ส่งผลให้การแต่งงานต้องเลื่อนไปอีก
"พ่อกับแม่ รู้เรื่องนี้หรือยังครับ" ปาร์คซูโฮถาม พลางคิดในใจหรือจะมีแค่เขาที่ไม่รู้
"ฉันบอกไปตั้งนานแล้ว แกสามคนน่ะเอาแต่อยู่ในค่ายจะรู้เรื่องได้ไง แถมยังไปรบอีก"
"เออ จริงว่ะ ลืมคิด"
ฮาจองอูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
"ลุง ผมถามอะไรหน่อยสิ" ฮาจองอูถาม
"จะถามอะไร จองอู" พันตำรวจเอกมาซอกโดขมวดคิ้วมอง
"ลูกสาวลุงมีแฟนยังครับ"
"เฮ้ย ! อย่าแต่แต่คิดนะจองอู แกจะจีบใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่คนนี้"
"ผมแค่ถามเองนะ"
การสนทนายุติลงเมื่อร้อยตำรวจเอกฟอลคอน ซึ่งได้รับมอบหมายทำหน้าที่แทนร้อยตำรวจตรีหม่าติงเหอ ได้เข้ามารายงานกับพันตำรวจเอกมาซอกโด เพื่อเตรียมการรับมือขั้นต่อไป กอปรกับทางกระทรวงยุติธรรมจะส่งอัยการมาที่นี้ด้วย ขณะเดียวกันด้านปาร์คซูโฮและฮาจองอูเอง ก็ต้องไปรายงานตัวกับร้อยตรีวินเซนต์เหมือนกัน หลังจากที่ผู้เป็นลุงไปแล้ว ตัวปาร์คซูโฮก็ชะเง้อออกไปด้านนอก ราวกับอยากให้ใครบางคนเดินมาหา
"มองหายูฮาราเหรอเพื่อน" ฮาจองอูถาม
ปาร์คซูโฮสะดุ้งเฮือกสติกลับเข้าร่างในบัดดล เขาสงสัยว่าตกลงเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกับตนเองกันแน่ และฮาจองอูรับรู้ได้ว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่
"นายไม่รู้ตัวเลยหรือเพื่อน" ฮาจองอูถาม
"ไม่ว่ะ" ปาร์คซูโฮตอบ "ฉันเป็นอะไรกันแน่"
"อยากรู้ใช่ไหม ดูที่นิ้วนางมือขวานาย"
ปาร์คซูโฮยกฝ่ามือขวาขึ้นมาดู เขาต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะที่นิ้วนางขวาปรากฏเป็นเส้นด้ายบาง ๆ พันอยู่ และมันเป็นสัญญาณที่บอกว่านักรบฟีนิกซ์ผู้นั้นได้พบกับคู่ของตน ซึ่งถูกเรียกขานมาช้านานว่า คู่ผูกวิญญาณ การที่มันปรากฏเช่นนี้ ย่อมแปลได้เพียงสิ่งเดียวคือ
ยูฮาราลูกสาวของพันตำรวจเอกมาซอกโดคือคู่ผูกวิญญาณของปาร์คซูโฮ ด้านฮาจองอูก็เดินเข้ามาตบหัวไหล่เบา ๆ
"ยินดีด้วยนะเพื่อน นายเล่นพูดจากวนตีนลุงแกไว้เยอะ ไม่รู้ว่าถ้าลุงรู้เรื่องนี้จะทำหน้ายังไงน่าาาา"
"หุบปากไปเลย !"
++++++
ในห้องประชุมจัดขึ้นในซากอาคารชั่วคราวตึกหนึ่ง ที่ได้รับความเสียหายจากสงครามกลางเมือง เป้าหมายต่อไปก็คือสำนักงานตำรวจประจำเมืองเมตน์ ที่ถูกยึดครองโดยสมุนอีกคนของเฉิงเย่วถิง มันมีชื่อว่า อาเลสซันโดร มีฉายาเรียกขานว่า เฮอร์คิวลิส ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่กว่าคนทั่วไปและกำยำ กล่าวกันว่ามันแข็งแกร่งจนไร้คนปราบมันได้ มีเพียงสวี่จินหยวนเท่านั้นที่ทำได้ ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของมันมากนัก รู้แค่ว่ามันมีคู่หูด้วยหนึ่งคนมีชื่อว่า เจอโรม แต่ก็ไม่ควรประมาทอีกฝ่าย แถมยังกล้าตั้งฉายาให้ตนเองว่า โอดิสเซียส
มันทั้งสองจัดเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งมาก อาจจะเหนือกว่าหกอัศวิน หรือชินมินอูรวมกันเสียอีกซึ่งปาร์คซูโฮสังเกตเห็นว่า สีหน้าของตำรวจมือปราบแต่ละคนเครียดกันมาก บ่งบอกให้รู้ว่าฝีมือร้ายกาจมากแน่ ๆ แถมยังได้ยินมาว่าทางเบื้องบนต้องส่งเทพสงครามมาช่วยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามฝั่งพวกเขาจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม ซึ่งปาร์คซูโฮกับฮาจองอูอยู่กลุ่มที่หนึ่ง จุดที่ต้องเข้าตีคือปราการด้านซ้ายมือก่อนถึงสำนักงานตำรวจ
ตามสายข่าวรายงานมาคนที่ทำหน้าที่คุมปราการปีกซ้าย ก็คือหกอัศวินที่ตอนนี้เหลือแค่ห้าคน เพราะอัศวินแดงถูกจับไปแล้ว ส่วนทีมของพันตำรวจเอกมาซอกโด ให้บุกเข้าทางข้างหน้าซึ่งคนคุมคือเจอโรม ส่วนปรากการปีกขวายกให้เป็นหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษเสือดำจัดการแทน ครู่ต่อมาหลังประชุมไปได้สักพัก ในที่สุดอัยการที่ถูกส่งตัวมาก็ได้มาถึง
มันทั้งสองจัดเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งมาก อาจจะเหนือกว่าหกอัศวิน หรือชินมินอูรวมกันเสียอีกซึ่งปาร์คซูโฮสังเกตเห็นว่า สีหน้าของตำรวจมือปราบแต่ละคนเครียดกันมาก บ่งบอกให้รู้ว่าฝีมือร้ายกาจมากแน่ ๆ แถมยังได้ยินมาว่าทางเบื้องบนต้องส่งเทพสงครามมาช่วยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อย่างไรก็ตามฝั่งพวกเขาจะแบ่งเป็นสามกลุ่ม ซึ่งปาร์คซูโฮกับฮาจองอูอยู่กลุ่มที่หนึ่ง จุดที่ต้องเข้าตีคือปราการด้านซ้ายมือก่อนถึงสำนักงานตำรวจ
ตามสายข่าวรายงานมาคนที่ทำหน้าที่คุมปราการปีกซ้าย ก็คือหกอัศวินที่ตอนนี้เหลือแค่ห้าคน เพราะอัศวินแดงถูกจับไปแล้ว ส่วนทีมของพันตำรวจเอกมาซอกโด ให้บุกเข้าทางข้างหน้าซึ่งคนคุมคือเจอโรม ส่วนปรากการปีกขวายกให้เป็นหน้าที่ของหน่วยรบพิเศษเสือดำจัดการแทน ครู่ต่อมาหลังประชุมไปได้สักพัก ในที่สุดอัยการที่ถูกส่งตัวมาก็ได้มาถึง
เขาเป็นชายร่างสูงกำยำผมสีทองไว้ผมแสกขวา สวมชุดสูทสีกลมท่า ทุกคนต่างทำความเคารพต่ออัยการผู้มาเยือน ตอนนั้นฮาจองอูสังเกตเห็นสีหน้ากังวลของสิบตำรวจตรีดัสติน
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมชื่อ อัยการโพล แมทท์ ต่อไปนี้จะค่อยประสานงานกับพวกคุณทุกคนในการปฏิบัติการนี้" อัยการหนุ่มแนะนำตัว
"ผมได้ยินมาว่าท่านอยู่เมืองโฮรุก ไม่ใช่หรือครับ" ทหารคนหนึ่งจากหน่วยรบเสือดำถามขึ้น
"ออ ทางเมืองโฮรุกผมได้มอบหมายให้เพื่อนอัยการคนหนึ่งทำไปแล้ว" อัยการโพลตอบ
"ทางฝั่งเมืองโฮรุกเป็นยังไงบ้างครับ" พันตำรวจมาซอกโดถาม
"เละเทะพอ ๆ กับที่นี้ แต่อย่างน้อยโอโตฮวาก็ถูกจับแล้ว ไม่ต่างจากได้ตัดกำลังของพวกมัน"
เกิดเสียงพูดคุยเสียงดังขึ้นส่งผลให้ พลโทแด็นเซิล ผู้ทำหน้าที่วางแผนกลยุทธในเมืองเมตน์ต้องบอกให้ทุกคนเงียบ และให้ทุกคนไปพักเก็บแรงไว้เพราะอีกสองชั่วโมงครึ่ง จะต้องไปยึกสำนักงานตำรวจคืน ทั้งหมดต่างแยกย้ายไปพักเพื่อเก็บแรง โดยปาร์คซูโฮกับฮาจองอูตั้งใจจะหาอะไรกินเสียหน่อย กระทั่งทั้งสองหันไปเห็นสิบตำรวจตรีดัสตินเดินเข้าไปคุยกับอัยการโพล
ปาร์คซูโฮรู้มาว่าอัศวินแดงคือเพื่อนในวัยเด็กของสิบตำรวจตรีดัสติน ที่หายตัวไปนานนับปีและเท่าที่ทั้งสองเข้าใจ ชะตาชีวิตของอัศวินแดงขึ้นอยู่กับอัยการหรือตุลาการ หากพิจารณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ มีแนวโน้มเหมือนกันว่าโทษสูงสุดของอัศวินแดงคือประหารชีวิต เพราะโอกาสที่จะรับโทษจำคุกตลอดชีวิตน้อยมาก
และยิ่งเห็นสีหน้าของสิบตำรวจตรีดัสติน หลัวจากสนทนากับอัยการโพล ปาร์คซูโฮกับฮาจองอูรู้ในทันทีว่าคำตอบที่นายตำรวจได้รับ คงจะเจ็บปวดมาก อุตส่าห์ได้เจอกับเพื่อนที่หายสาบสูญไป แต่ก็ต้องสูญเสียเพื่อนคนนี้อีกครั้ง และเป็นการเสียไปตลอดกาล
"ซูโฮ เราไปหาอะไรกินกันเถอะ" ฮาจองอูชักชวน "โคตรหิวเลยว่ะ"
"เออ เหมือนกัน" ปาร์คซูโฮเห็นด้วย
สองเด็กหนุ่มกำลังจะเดินตรงไปที่เต็นท์แจกอาหาร ได้มีเสียงทักดังมาจากด้านหลัง และพอเหลียวหลังหันไปมอง ปาร์คซูโฮใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
"แม่ฉันชวนเธอสองคนกินข้าวแน่ะ มาด้วยกันไหม"
++++++