ปาร์คซูโฮและฮาจองอูพร้อมด้วยหน่วยรบพิเศษที่ถูกส่งมารวมภารกิจด้วย เพราะตามรายงานพบว่าฝ่ายศัตรูที่คุมปราการ ค่อนข้างมีจำนวนเยอะกว่า แม่ทัพที่คุมคือห้าอัศวินซึ่งปาร์คซูโฮต้องการที่จะแก้มือกับอัศวินดำพอดี ขณะเดียวกันฮาจองอูก็พึ่งสังเหตเห็น เหมือนภายในรถจะจับจ้องมองมาที่เขากับปาร์คซูโฮ ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าทำไมทุกคนถึงมองแบบนั้น
[ซูโฮ... นายรู้สึกเหมือนฉันไหม] ฮาจองอูถามผ่านโทรจิต
[อืม ฉันสังเกตเห็นตั้งแต่ก่อนขึ้นรถแล้ว] ปาร์คซูโฮตอบ [แต่พยายามไม่ใส่ใจน่ะ]
ฮาจองอูผ่อนลมหายใจเบา ๆ
[ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก]
จ่าสิบเอกเฉลิมชัยสังเกตเห็นแบยเดียวกัน จึงหันมาปรามทหารกับยุวชนทหารที่มองทั้งสอง
"เลิกมองสองคนนี้สักที !" จ่าสิบเอกเฉลิมชัยพูดเสียงอันดัง "สิ่งที่พวกนายทุกคนต้องโฟกัสคือภารกิจที่อยู่ตรงหน้า มีสมาธิกับสติกันหน่อย"
โดนตำหนิขนาดนี้ทำให้ทั้งหมดเลิกมองสองเด็กหนุ่ม ซึ่งมันทำให้ฮาจองอูหายใจโล่งอยู่ แปดนาทีต่อมาเสียงวิทยุดังขึ้น เพื่อแจ้งทุกคนที่อยู่บนรถหุ้มเกราะว่า อีกประมาณสิบเก้านาทีก็จะใกล้ถึงที่หมายแล้ว ร้อยตรีวินเซนต์ที่ได้ยินก็วิทยุบอกให้คนขับจอดข้างทาง เนื่องจากต่อจากตรงนี้ไป ทั้งหมดต้องเดินด้วยเท้าและสั่งการกับทุกคนเตรียมให้พร้อม
ร้อยตรีวินเซนต์ยังแจกจ่ายงานหน้าที่กับทีมอื่น ๆ ที่มาด้วย ซึ่งมีสองทีมอาสาจะเข้าแทรกซึมตามอาคารเพื่อจัดการกับพวกที่ดักซุ่มอยู่ ส่วนทีมทีเหลือรวมไปถึงทีมร้อยตรีวินเซนต์ จะเดินขนานข้างบเดินแถวตรงบนฟุตบาท เลี่ยงที่จะเดินบนท้องถนนเพราะเสี่ยงเป็นเป้าโจมตีมากกว่า ด้านจ่าสิบเอกเฉลิมชัยกับทหารคนหนึ่ง กำลังดูแผนที่แบบโฮโลแกรมสี่มิติ และรายงานกับร้อยตรีวินเซนต์ว่า ถ้าเดินเท้าไปอีกหน่อยจะถึงที่หมายไม่ช้า
ขณะเดียวกันทีมที่แทกซึมในอาคารยังคงรายงานต่อเนื่อง ทุกอย่างในอาคารราบรื่นดีจนกระทั่งพวกมาถึงมัวมุมถนน ทั้งหมดหยุดเคลื่อนไหวและจ่าสิบเอกเฉลิมชัยสั่งการ ให้ทุกคนก้มตัวลงต่ำเอาไว้ ปาร์คซูโฮสัมผัสได้ถึงพลังของอัศวินดำพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง แสดงให้เห็นว่ารอบนี้ไม่ง่ายเหมือนรอบที่แล้ว
ฮาจองอูเองก็รับรู้ได้เช่นกันจึงมีแอบแซวผ่านโทรจิต [ดูท่ามันจะแค้นนายมากเลยนะ]
ปาร์คซูโฮไม่ตอบแต่โชว์นิ้วกลางใส่แทน
สักพักเขาก็ได้ยินเสียงวิทยุบอกว่าพบศัตรูอยู่บนอาคาร แต่จัดการไปเรียบร้อยแล้วแปลว่าทางหน้าคือหน้าปราการที่ห้าอัศวินคุมอยู่ ร้อยตรีวินเซนต์บอกว่าจนกว่าจะได้รับสัญญาณ ที่ส่งมาจากทีมที่แทรกซึมอยู่ในอาคาร ให้ทุกคนประจำตำแหน่งเพื่อเข้าจู่โจมพร้อมเพรียงกัน ปาร์คซูโฮได้ยินเสียงสูบฉีดเลือดในร่างกาย แล่นเข้าสู่หัวใจจนมันเต้นแรงจนแทบจะระเบิด
ไม่นานร้อยตรีวินเซนต์ก็ทำการชูมือขึ้น แล้วกางนิ้วเป็นห้านิ้วก่อนจะค่อย ๆ หุบทีละนิ้ว คล้ายกับเป็นการนับถอยหลัง พร้อมกับเสียงวิทยุที่รายงานเข้ามาว่าแต่ละทีม เริ่มเข้าประจำตำแหน่งในการจู่โจม
สาม...
สอง...
หนึ่ง....
"บุกได้ !"
สิ้นคำของร้อยตรีวินเซนต์ทีมที่อยู่ในอาคาร พากันโยนระเบิดใส่รังศัตรูพร้อมกัน เสียงระเบิดเปรียบได้เหมือนสัญญาณ ให้พวกภาคพื้นดินบุกเข้าตีได้ ปาร์คซูโฮวิ่งกับฮาจองอูวิ่งตามหลังร้อยตรีวินเซนต์ติด ๆ แม้จะมีศัตรูประมาณสามถึงสี่เข้ามาขวางก็ได้ ทั้งคู่ก็มาถึงปราการที่พวกห้าอัศวินทำกั้นเอาไว้ แต่ยังไม่วี่แววของศัตรูที่หมายตาไว้ แน่นอนว่าปาร์คซูโฮหมายหัวอัศวินดำ เพื่อแก้มือรอบก่อนที่ปล่อยให้หนีไป
ทว่ารอบนี้เขาจะไม่ให้เกิดซ้ำสองอย่างแน่นอน ครั้งนี้เขาต้องจัดการมันให้ได้
ด้านร้อยตรีวินเซนต์ก็รวบรวมพลังไว้ที่กำปั้นขวา ซึ่งไฟธาตุของร้อยตรีวินเซนต์คือธาตุอรุณเหมือนกับของปาร์คซูโฮ พริบตาเดียวที่ร้อยตรีวินเซนต์ปล่อยพลังหมัดไฟธาตุอรุณ คลื่นพลังหมัดพุ่งอัดกระแทกเข้ากับกำแพงปูน เกิดเสียงระเบิดพร้อมซากอิฐที่แตกกระจาย
"บุกเข้าไป !" ร้อยตรีวินเซนต์ตะโกนสุดเสียง "ไม่ว่ายังไงเราต้องถล่มที่นี้ใหราบ !"
ทันใดนั้นเองปาร์คซูโฮได้ยินเสียงคนเร่งเครื่องรถมอร์เตอไซค์
"อันตราย !"
ด้วยสัญชาตญาณบางอย่างเด็กหนุ่มวิ่งตรงไปหาร้อยตรีวินเซนต์ และดันตัวกระแทกอีกฝ่ายเหมือนให้หลบอะไรบางอย่าง ซึ่งมันเฉลยออกมาโดยที่ทหารหนุ่มไม่ต้องถาม เพราะมันคือมอร์เตอไซค์หลายคันวิ่งออกมาเข้าสู่สนามรบ และผู้นำทัพก็คือห้าอัศวินนั้นเอง
จ่าสิบเอกเฉลิมชัยที่เห็นจากมุมไกล ๆ ก็รีบวิทยุรายงานว่า ห้าอัศวินปรากฏตัวมาแล้ว ซึ่งในจังหวะที่จ่าสิบเอกเฉลิมชัยมัวแต่สื่อสารกับวิทยุอยู่ จึงไม่ทันระวังตัวกลายเป็นเป้านิ่งให้กับ มอร์เตอไซค์คันสีเหลืองที่แล่นตรงมาทางจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ทว่าเดชะบุญที่ฮาจองอูหันมาเห็นเสียก่อน เขาจึงแยกตัวกับปาร์คซูโฮและวิ่งกระโดดถีบขาขวา กระแทกเข้าข้างลำตัวของคนที่ขับมอร์เตอไซค์
แรงถีบของฮาจองอูทำให้ทั้งคนทั้งรถ ล้มไถลไปกับพื้นซึ่งจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ที่พอวิทยุเสร็จก็มายืนข้างยุวชนทหาร ผู้ซึ่งพึ่งช่วยตนจากน้ำมือศัตรูและในจังหวะนั้นเอง จ่าสิบเอกเฉลิมชัยสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแผ่มาทางตน ทำให้เขาดันตัวฮาจองอูไปข้างหลัง และใช้ดาบอันเป็นอาวุธประจำกายปัดป้องบางอย่างที่เข้ามาโจมตี และผู้ที่คิดลอบกัดคือ อัศวินคราม
ฮาจองอูตั้งท่าเตรียมสู้เมื่อเผชิญหน้ากับอัศวินเหลือง ซึ่งแสดงตัวชัดเจนว่าหมายหัวเขาเอาไว้ และเด็กหนุ่มก็คิดถูกเพราะเมื่อเจอหน้ากัน มันลุกขึ้นและชี้หน้าฮาจองอู
"กูได้ยินมาว่ามึงคือคนที่จัดการกับอัศวินแดงได้ใช่ไหม" มันถามเสียงเหี้ยม
"ถ้าใช่แล้วจะทำไม" ฮาจองอูตะโกนกลับ "จะแก้แค้นให้เพื่อนว่างั้น"
อัศวินเหลืองส่งเสียงหัวเราะเชิงเหยียดหยามออกมา
"หัวเราะหาส้นตีนอะไรของมึง" ฮาจองอูพูดเดือดดาล รู้สึกอยากเอาส้นตีนกระแทกอีกฝ่ายเหลือเกิน
"กูหัวเราะเพราะมึงคิดว่า กูจะล้างแค้นให้มันต่างหาก" อัศวินเหลืองพูด "กูเกลียดขี้หน้ามันจะตาย ไอ้อัศวินแดงน่ะ กูเคยคิดจะฆ่ามันมาตั้งนาน แต่มันเสือกแพ้มึง"
"ออ เข้าใจแล้ว มึงแค้นกูที่แย่งเหยื่อมึงสินะ"
อัศวินเหลืองหัวเราะชอบใจที่อีกฝ่ายเข้าใจอะไรง่ายกว่าที่คิด
"เออ ! เข้าใจก็ดีเพราะต่อจากนี้ มึงต้องรับ.."
ไม่ทันที่จะกล่าวจบฮาจองอูใช้ไฟธาตุอรุณที่เท้า ส่งตัวพุ่งเข้าหาอัศวินเหลืองชนิดไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ และฮาจองอูก็เปิดเกมด้วยการปล่อยหมัดซ้ายเล็งไปที่หน้า ทว่าอัศวินเหลืองยกแขนทั้งสองขึ้นมากันไว้ ทำให้แรงหมัดของฮาจองอูผลักตัวศัตรูเซถอยหลังจนเกือบล้ม
ในเสี้ยววินาทีนั้นอัศวินสีเหลืองก็รับรู้ได้ว่า ศัตรูที่มันกำลังเจอไม่ธรรมดา และไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะสามารถโค่นอัศวินแดง ซึ่งเป็นคู่ปรับไม่กินเส้นของมันลงได้ ถ้าหากมันสามารถโค่นฮาจองอูลงได้มันก็เท่ากับว่า มันเหนือกว่าอัศวินแดงคิดแบบนี้ ความกระหายเลือดในการต่อสู้ก็สูบฉีดทั่วร่างกาย
"แบบนี้แหละ !" อัศวินเหลืองร้องลั่น "ที่กูต้องการ !"
ว่าแล้วมันก็เข้าโจมตีใส่ฮาจองอูทันที ขณะเดียวกันฝั่งจ่าสิบเอกเฉลิมชัย ก็ตกใจกับพลังและฝีมือการต่อสู้ของฮาจองอูไม่น้อย ส่งผลให้อัศวินครามไม่พอใจที่ศัตรู เลือกจะหันไปสนใจทางอื่น มันใช้เคียวมือขวาและโจมตีใส่จ่าสิบเอกเฉลิมชัย เดชะบุญที่ทหารหนุ่มยศจ่าไหวตัวทัน จึงรีบยกดาบขึ้นมาป้องกันไว้ทันพอดี
"เฮ้ย ! ศัตรูของมึง... คือ กู !" อัศวินครามพูดเสียงกร้าว "มึงมองทางไหน !"
พูดจบมันก็พุ่งตัวเข้าฟาดฟันด้วยเคียวคู่ใส่จ่าสิบเอกเฉลิมชัย ถึงเขาจะใช้ดาบปัดป้องได้แต่แรงโจมตีก็ช่างรุนแรงและทรงพลัง เล่นเอาจ่าสิบเอกเฉลิมชัยถึงกับต้องถอยหลังอย่างเดียว ทว่าถึงกระนั้นทหารหนุ่มก็พยายามตั้งสติและสมาธิ พร้อมกับมองหาจุดบอดของอัศวินคราม
จุดบอดที่จะกลายเป็นช่องโหว่ในการโต้กลับได้
+++++
ด้านฝั่งปาร์คซูโฮซึ่งอยู่กับร้อยตรีวินเชนต์ พึ่งสังเกตว่าฮาจองอูไม่อยู่แล้ว เช่นเดียวกับหัวหน้าทีมที่ฉงนใจว่ารองหัวหน้าทีม อย่างจ่าสิบเอกเฉลิมชัยแยกตัวไปตั้งแต่ตอนไหน แต่ไม่นานทั้งสองได้รับคำตอบจากวิทยุสื่อสาร ทำให้รู้ว่าฮาจองอูกับจ่าสิบเอกเฉลิมชัย กำลังสู้กับอัศวินสีเหลืองกับอัศวินสีคราม ถึงจะรู้ว่าฮาจองอูมีฝีมือไม่ธรรมดาแต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
ฉับพลันปาร์คซูโฮสัมผัสได้ถึงจิตสังหาร ซึ่งมันมาพร้อมกับเสียงมอร์เตอไซค์ เด็กหนุ่มจึงไม่รอช้ารีบกลิ้งม้วนตัวหลบขวา รอดพ้นจากล้อรถที่พุ่งตรงมาชนิดเส้นยาแดง และเจ้าของรถก็ไม่ใช่ใครที่ไหน โจทย์เก่าที่ปาร์คซูโฮกำลังมองหาพอดี
"หลบเก่งนี่" อัศวินดำเอ่ยขณะลงจากรถ "กูกำลังคิดอยู่ว่าจะได้เจอมึงอีกไหม"
"เออ ! วันนี้กูจะต้องจัดการกับมึงให้ได้" ปาร์คซูโฮพูด
อัศวินขาวที่มากับอัศวินดำก็ไม่อยากรบกวน การต่อสู้ของหัวหน้าอยู่แล้ว ดังนั้นคนที่มันหมายหัวก็คงไม่พ้นร้อยตรีวินเชนต์ ซึ่งตัวทหารยศนายร้อยก็เหมือนจะรู้ตัวจึงตั้งท่าเตรียมสู้ไว้ก่อนแล้ว อัศวินขาวที่เห็นแบบนั้นก็แสดงสีหน้าพึ่งพอใจอย่างมาก เนื่องจากส่วนใหญ่มันจะเจอแต่พวกกระจอกไม่ค่อยได้เจอยอดฝีมือนัก
สายตาที่อัศวินขาวมองร้อยตรีวินเชนต์ เหมือนคนมองอาหารอันโอชะบนจาน มันเป็นสายที่ทหารหนุ่มเกลียดเข้ากระดูกดำ
"รับมือ !"
+++++