‘วันหยุด = ว่างมาก’
ลูกเรียวสีเขียวดกเต็มต้น ไม่ว่าจะมองมุมไหน เจ้าลูกมะม่วงชวนน้ำลายสอก็อวดตัวเองต่อสายตาผู้คนกันเป็นแถว แถมขนาดมันกำลังเหมาะกับน้ำปลาหวานสักถ้วยเสียจริง!
ส่วนรสชาติก็เปรี้ยวสะใจ น่าเสียดายมะม่วงน้ำตาลปากกระบอกหลังบ้านไม่ค่อยดกเท่ามะม่วงฟ้าลั่นต้นนี้ มิเช่นนั้น ‘อคิราห์’ หรือ ‘ชะเอม’ คงได้ห้อยโหนอยู่บนต้นมะม่วงโดยไม่ต้องเกรงใจใครจะหัวใจวายเพราะเธอแล้ว
ต้นมะม่วงยืนต้นสูงใหญ่ แทบจะคลุมหลังคาบ้านทรงไทยประยุกต์สองชั้นเลยทีเดียว ความพิเศษของมะม่วงพันธุ์นี้คือ ‘แตกง่าย’ ต้องอาศัยทักษะกายกรรมซึ่งฝึกตนมาตั้งแต่เด็ก ปีนป่ายไปเด็ดมา ขนาดประคองอย่างดีแล้ว บางทีมะม่วงเจ้ากรรมดันมาปริคามือหลายครั้ง แต่ช่างเถอะ แค่อร่อยก็พอแล้ว
ทนความอยากอาหารไม่ไหว หญิงสาววัยยี่สิบหกปี ลากเก้าอี้ตัวโปรดมุ่งสู่กำแพงสูงตรงหน้า หากก่อนหน้านี้สักยี่สิบปีล่ะก็ เธอคงละความพยายาม และเดินไปเรียกบ้านข้างเคียงสอยให้แล้ว แต่ตอนนี้เธอโตแล้วนะ สูงตั้ง 165 เซนติเมตรเชียว ไม่ต้องลำบากใคร แถมเรื่องปีนต้นไม้... เธอถือว่าเป็นมือโปรทางด้านนี้เหมือนกัน
รองเท้าหูคีบถูกสลัดออกเหมือนเป็นของเกะกะ ก่อนเจ้าหล่อนจะขึ้นไปเหยียบเก้าอี้เหล็กดัด เมื่อครู่เธอยังใช้นั่งอ่านหนังสืออยู่เลย แต่ตอนนี้เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยมือทองเพื่อลิ้มลองมะม่วงฟ้าลั่นเสียแล้ว
ความชำนาญการ กับชุดเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น มันช่างเข้ากัน ไม่มีอะไรเหมาะสมเพื่อการปีนกำแพงไปกว่านี้อีกแล้ว เพียงอึดใจ ร่างเล็กก็ดันตัวเองขึ้นมาอยู่บนสุดของกำแพงสูง แต่มันไม่จบแค่นั้น ยังมีต้นมะม่วงอายุพอ ๆ กับเธอรอให้ท้าทายต่ออีก
“คุณเอม!!!” เสียงเรียกด้วยความตกใจ ตามมาด้วยร่างท้วมเล็กของหัวหน้าแม่บ้าน เธอรีบกุลีกุจอมาดูความผิดปกติของต้นมะม่วงทันที จะบอกว่าหวงมันไม่ใช่แน่นอน ที่ห่วงคือความปลอดภัยของเด็กสาวที่ตนเห็นมาตั้งแต่เล็กต่างหาก “ลงมาค่ะ! ถ้าอยากกินเดี๋ยวให้ตาสนสอยให้ก็ได้”
“มะม่วงฟ้าลั่นนะป้าสร้อย สอยเอาก็แตกหมดสิ ไม่เป็นไร เอมปีนตั้งแต่เด็กแล้ว” เจ้าหล่อนส่งยิ้มหวานให้คุณป้าคลายกังวล แต่หารู้ไม่ เวลาที่เจ้าหล่อนกำลังพุ่งกายขึ้นเกาะลำต้นใหญ่ทีละนิด หัวใจคนแก่จะวายให้ได้
“คุณเอม!! โธ่!! ถ้าตกขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะคะ ยังไงก็ต้องฝานอยู่ดี จะแตกก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ลงมาเถอะ” ป้าสร้อยโหยหวนจนคนที่ได้ยินเริ่มอยากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ ค่อย ๆ โผล่ใบหน้ามาทีละคนสองคน จนตอนนี้วงมะม่วงน้ำปลาหวานของหญิงสาว กำลังเพิ่มขนาดโดยไม่รู้ตัว
กิ่งมะม่วงขนาดใหญ่ มันยื่นออกจากกลางลำต้นเล็กน้อย เหมาะกับการนั่งพักเหนื่อย พร้อมเด็ดมะม่วงรสเด็ดเสียจริง “เฮ้อ!! ไม่ได้ขึ้นมาตั้งนาน มุมนี้ยังไงก็ดีที่สุด”
มองออกไปจะเห็นสนามหญ้ากว้างของบ้านหลังโตแห่งนี้ สระบัวเล็ก ๆ พร้อมน้ำพุเพื่อเสริมฮวงจุ้ยตามความเชื่อ ไม่ว่าจะกี่ปี ที่นี่ยังสวยงามเสมอ ด้วยการดูแลอย่างดีจากเจ้าของบ้าน
แถมตรงข้ามยังเป็นบ้านปลูกใหม่เสียด้วย หลังใหญ่โตใช่เล่น อยากเห็นหน้าเหลือเกินว่าใครกันนะ จะเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่ของตน แต่ก็แอบหวั่นใจเล็กน้อย มีให้เห็นบ่อยตามข่าว ปัญหาระหว่างเพื่อนบ้านนานัปการ หวังว่าเขาหรือเธอจะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันนะ
“คุณเอม~”
“ลงมาเถอะครับ เดี๋ยวตกลงมาขาหักกันพอดี” ลุงสน ผู้ดูแลทั้งสวนและมะม่วงต้นนี้ กำลังเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวด้วยความเป็นห่วงไม่แพ้กัน
คนซึ่งทำให้คนอื่นเป็นห่วงจนเป็นนิสัย มองลงมาพร้อมโปรยยิ้ม และโบกมือทักทาย ทำเป็นหูทวนลม และแหงนหน้าดูพวงมะม่วงที่หมายตาเอาไว้ “มะม่วงดิบทำเค้กหรือพายได้หรือเปล่านะ เดี๋ยวลองปรับสูตรดูดีกว่า เผื่อจะมีเค้กมะม่วงฟ้าลั่นในร้านเพิ่มอีกสักเมนู”
คนจินตนาการไปไกลยังสนุกกับการเลือกมะม่วงลูกโตให้โดนใจ เสียดายที่มีลูกแตกหลายลูก เป็นผลพวงจากพายุเมื่อวันก่อน แต่ช่างเถอะ ยังไงบนนี้ก็ยังมีอีกหลายลูกให้เธอได้เลือกสรร
“เอม” เสียงทุ้มดูแตกต่าง และมันทำเอาคนอยู่บนสุดของกลุ่มคนด้านล่างละสายตาจากมะม่วงยั่วน้ำลายก้มลงมาดู ชายหนุ่มร่างสูง แม้จะมองจากที่เธออยู่ ยังรู้เลยว่าเป็นคนที่หล่อมาก หล่อจนทำให้เธอยิ้มกว้างด้วยความคิดถึง
“พี่ราม!! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“ว้าย!!”
“คุณเอม!!! ระวังค่ะระวัง!!”
เพียงเธอขยับเล็กน้อย ก็มีผลต่อหัวใจของป้าสร้อยทันที เจ้าหล่อนเลยต้องตัดใจลงมา พร้อมมะม่วงติดมือเพียงพวงเดียวเท่านั้น แถมยังหน้างอมองคนเป็นห่วงเสียด้วย “ไม่เห็นต้องตื่นตกใจขนาดนั้นเลยนี่คะ เอมปีนต้นนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว รู้ค่ะว่าต้องจับตรงไหน และเหยียบตรงไหน”
“น่าตีจริง ๆ เลยคุณเอมเนี่ย ป้าหัวใจจะวาย” ว่าแล้วคนแก่วัยใกล้เลขหกก็พุ่งมาหมายจะฟาดแรง ๆ ใส่เด็กดื้อเสียที แต่มีหรือจะทัน
“พี่ราม” หญิงสาวรีบเข้าไปแอบหลังคนอมยิ้มทันที ชายหนุ่มหันมองอดีตเด็กสาวข้างบ้านเล็กน้อย เธอ... ยังคงสดใสเหมือนเดิม “ป้าสร้อย จะตีกันเลยเหรอ เอมไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
“ก็ไม่ใช่เด็กแล้วยังไงล่ะคะ ยังจะทโมนปีนต้นมะม่วงอยู่อีก ป้าหัวใจจะวายอยู่แล้วนะคะคุณเอมเนี่ย!” หัวหน้าแม่บ้านต้องยอมลดมือลง เพราะดูอย่างไรพูดไปเจ้าหล่อนคงไม่ฟัง “คุณราม จัดการเลยค่ะ สอนเองกับมือไม่ใช่เหรอ?”
“ถึงสอนเอง แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงนะครับป้าสร้อย” ‘รามสูร’ หรือ ราม รีบปัดความรับผิดชอบทันที ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวเต็มตัว
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? เอมไม่เห็นรู้เลย” อคิราห์ยิ้มกว้างมองชายหนุ่มตรงหน้า เขาสูงตั้ง 182 เซนติเมตรเชียว แม้จะคุ้นหน้าแค่ไหน แต่ความหล่อเหลาซึ่งประดับเด่นบนใบหน้าชายคนนี้ ไม่ว่าจะมองกี่ทีก็ทำให้ใจดวงน้อยของหญิงสาวสะเทือนเบา ๆ ทุกครั้ง
“เมื่อคืน พอได้ยินเสียงเอะอะเลยตื่นมาดู ที่ไหนได้ มีขโมยขึ้นต้นมะม่วงนี่เอง” รามสูรยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้า เธอยิ้มตอบ ก่อนจะบุ้ยปากใส่เขาหนึ่งที “ทำไม? พี่พูดผิดตรงไหน?”
“พี่รามเคยบอกเองว่าอยากกินตอนไหนก็กินได้เลยไม่ใช่เหรอ พอมันเหลือต้นเดียวเลยหวงหรือคะ?”
“ไม่ได้หวง แค่ไม่อยากให้ปีน จะกินก็ให้คนที่บ้านเก็บให้สิ ถ้าตกลงมาแขนหักขาหักจะทำอย่างไร ฮึ?” เสียงทุ้มละมุนหู ราวกับดนตรีบอสซ่าอันแผ่วเบาของเขา ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งสำหรับอคิราห์ มันอบอุ่นเสมอ
“รู้แล้วค่ะ” ใบหน้าสาวสลดลงกะทันหันก่อนจะมองเลยไปหาป้าสร้อย ซึ่งยังคงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้า และตกใจไม่หาย “ป้าสร้อย ทำน้ำปลาหวานกินกันค่ะ”
“เปลี่ยนเรื่องเก่งเชียวนะคะคุณเอมเนี่ย” เจ้าหล่อนรีบเดินไปหาคนขี้งอน และสวมกอดเธอเบา ๆ จากด้านหลัง “ไม่ต้องมากอดด้วย ป้าตกใจจริง ๆ นะ”
“มันก็ต้องแก้ด้วยของแซ่บไงคะ ตำมะม่วงดีหรือเปล่า หรือว่ายำปลากรอบดี พอดีว่าเกี๊ยวมันเพิ่งกลับมาจากชลบุรี ซื้อปลากรอบมาเยอะเลย”
พูดไปก็น้ำลายสอไป ไม่ว่าใครฟังต้องมีน้ำลายแตกกันบ้าง ขึ้นชื่อว่ารสมือของอคิราห์คนนี้แล้ว เรื่องความเด็ดดวงไม่แพ้เชฟมืออาชีพเลยทีเดียว
แต่จะว่าไปเจ้าหล่อนก็เป็นเชฟนะ... แต่เป็นเชฟที่จบหลักสูตรขนมอบขั้นสูงเท่านั้นเอง
“พี่รามไปกินด้วยกันนะคะ เดี๋ยวเอมจัดการเอง แต่... ขอใช้ครัวบ้านพี่รามนะ พอดีครัวบ้านเอมไม่สะดวกเท่าไหร่”
รอยยิ้มกว้างของเจ้าหล่อนเลือนหายไปกะทันหัน เพราะเธอเพิ่งทำครัวระเบิดไปเมื่อวันก่อน ตอนนี้ช่างยังไม่มาซ่อมให้สักที กลายเป็นว่าสองแม่ลูกต้องออกไปหาอะไรทานข้างนอกเสียหลายมื้อ
บ้านสองหลังอยู่ติดกัน ชนิดใช้รั้วอันเดียวกันเลยก็ว่าได้ เลยทำให้คนทั้งสองครอบครัวรู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กลายเป็นว่าการเดินเข้าออกของทั้งสองฝั่งเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
บ้านหลังใหญ่เป็นทรงไทยประยุกต์สองชั้น ครอบครัวใหญ่ประกอบด้วยคุณย่ารจิต ซึ่งเป็นเหมือนผู้มีอิทธิพลของบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรหากท่านสั่งลงมาล่ะก็ จะไม่มีใครขัดได้แม้แต่คนเดียว
คนต่อมาคือลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวของท่าน คุณลุงรเณศ ปกติไม่ค่อยอยู่บ้าน จะคลุกตัวอยู่ที่รีสอร์ต ซึ่งเป็นกิจการหลักของครอบครัว ‘ธนากิจเจนหิรัญ’ สืบทอดมาตั้งแต่รุ่นก่อน จนตอนนี้ใกล้จะส่งต่อให้ลูกชายในอีกไม่นานนี้แล้ว
ต่อมาเป็นลูกสะใภ้อย่าง ‘ราตรี’ ดีกรีรองนางสาวไทย เรื่องความสวยไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี สะใภ้คนนี้ยังคงความงาม และดูแลตัวเองไม่เปลี่ยน แถมยังสืบทอดโครงหน้าได้รูปไปให้ลูกชายเพียงคนเดียวของตนอย่าง...
‘รามสูร’
ชื่อของยักษ์ในวรรณคดีไทย เป็นตัวร้ายที่หลายคนไม่ค่อยชอบนัก เหตุใดจึงนำมาตั้งชื่อลูกชายเพียงคนเดียวคนนี้กัน แม้แต่ตอนนี้ ผู้กุมบังเ**ยนใหญ่ของบ้านอย่างรจิตก็ยังไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
‘ตอนเกิดมารามอ่อนแอมาก ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า เลยต้องเอาชื่อยักษ์ตนนี้มาตั้งเป็นชื่อเพื่อแก้เคล็ดค่ะ พระอาจารย์ท่านบอกมา’
เป็นครอบครัวซึ่งอยู่กับความเชื่อมาตั้งแต่รุ่นแม่ จนถึงทุกวันนี้ยังพาเพื่อนสนิทอย่างอาภา และแม่สามีของตัวเองไปหาหมอดูเพื่อแก้เหงาอยู่บ่อยครั้ง
และคนสุดท้ายคือ ‘รามสูร’ ลูกชายและหลานชายหัวแก้วหัวแหวน หลังจากเรียนจบ เขาไปทำงานที่โรงแรมในฟินแลนด์อยู่พักหนึ่ง อยากเอาความรู้มาเพื่อพัฒนารีสอร์ตของตัวเองมากขึ้น แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนว่างงานเลยสักนิด
‘ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองกลับมาถึงแล้ว ขอเป็นคนว่างงานจนกว่าจะแน่ใจนะครับ’
เป็นคำขอร้องอันเห็นแก่ตัว แต่เพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียว บวกกับความฉลาด และสายตาอันเฉียบคมของเขา คนเป็นพ่อเลยยอมเหนื่อยต่ออีกนิด เผื่อว่าการว่างงานครั้งนี้ของลูกชาย จะได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง
‘อย่างน้อยก็ลูกสะใภ้สักคน’