ตอนที่ 5 งานแต่งงานของเรา พี่ไม่ยกเลิกมันหรอกนะ 1/2

2208 Words
‘แต่งงานเหรอ?’ วันนี้ร้านบ้านเพื่อนเปิดเร็วกว่าปกติ เพราะมีคนพยายามหนีว่าที่เจ้าบ่าว… ไม่สิ พี่ชายข้างบ้านซึ่งมักอาสาไปส่งเธอทุกวันแบบไม่ขาด โดยปั่นจักรยานมาตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่ขึ้นมาทักทายผู้คนเลยด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนเธอเองนอนแทบไม่หลับ แต่ทำไมถึงตาแจ้งนัก “บ้าชะมัด!!” เหมือนจะพูดเรื่องในใจดังเกินไปหน่อย ทำเอาพนักงานในร้านสะดุ้งไหล่กระเพื่อม และหันหน้ามองกันเลิ่กลั่ก มันเป็นเรื่องแปลกที่เจ้าของร้านอย่างอคิราห์คนนี้มาก่อนสิบโมงเช้า พอมาถึงเธอกลับจัดเตรียมทั้งอุปกรณ์ แป้ง ครีมเพื่อแต่งหน้าเค้กหลากสี รวมถึงอบขนมเสร็จไปหลายรายการ โดยที่ไม่ต้องมีใครช่วยเลยสักนิด เลยทำให้หลายคนรู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ “เออ…” “อะไรกลอย อคิราห์ตอบรับผู้ช่วยของเธอ ทั้ง ๆ ที่ยังเหม่อมองผนังตรงหน้าไม่เลิก “นิ่มค่ะ” “ขนมปังมันก็ต้องนิ่มสิ” ‘นุ่มนิ่ม’ หนึ่งในพนักงานของร้าน และเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยของอคิราห์ทักขึ้น เพราะมันก็นานแล้ว ที่เจ้านายตนเล็งมีดบนก้อนขนมปังทรงกลม ไม่ยอมลงมีดตัดมันเสียที “หมายถึงฉันคือ ‘นิ่ม’ ค่ะ พี่กลอยหยุดวันนี้ คุณเอมเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “อ่อ” พอได้สติ เจ้าหล่อนจึงวางมีดยาวลงทันที และถอนหายใจออกมายาว “เฮ้อ~ จัดการต่อทีนะ ฉันขอไปนั่งพักก่อน” อคิราห์ถอดผ้ากันเปื้อน และหมวกคลุมผมออกทันที ก่อนจะโยนลงตะกร้าด้านข้างเคาน์เตอร์สเตนเลทดังฟุ่บ เผยให้เห็นเสื้อผ้าซึ่งเจ้าหล่อนมักใส่ประจำจนเห็นชินตา เป็นเสื้อยืดแขนสั้นสีเบจ และกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำตาลเข้ม เป็นชุดแสนเรียบง่าย และทำให้คนใส่ดูอ่อนหวานเหมือนดวงตากลมโตของเธอ ทั้งสูตรและวิธีการทำ อคิราห์สอนให้พนักงานในร้านแบบไม่หวง แม้หลักสูตรที่ตนเรียนมามันจะแพงแสนแพงก็ตาม แต่เจ้าตัวกลับสอนให้ฟรี แถมเทคนิคเฉพาะตัวเข้าไปอีก เธอไม่กลัวหรอกว่าคนที่ลาออกไปจะนำสูตรไปเปิดร้านแข่ง แต่กลับดีใจเสียมากกว่าที่มีคนนำวิชาที่เธอรักไปสานต่อ แต่ตอนนี้เจ้าหล่อนขอไม่เป็นเชฟมือทองแล้ว แต่เป็นคนนั่งคิดมากแทน เพราะเรื่องที่แม่เจ้าหล่อนขอ มันทำให้เธอคิดไม่ตกเสียที ‘แต่งงานกับพี่ราม… อย่างนั้นเหรอ?’ อคิราห์ได้แต่พร่ำถามกับตัวเอง ว่าทำไมไม่ตอบปฏิเสธไปเสียตั้งแต่เมื่อวานกัน คำตอบมันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าอย่างไรเสีย เธอก็ไม่พร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับใคร แต่กับรามสูรคนนี้… ทำไมจึงลังเลกันนะ? “ฝนตกใหญ่เหรอ?” คนเพิ่งมา ‘ในเวลาปกติ’ ยื่นหน้าเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเชฟประจำร้านอย่างอคิราห์ แต่กลับไม่โดนไล่เหมือนทุกที แถมยังนั่งเหม่อเหมือนไม่ได้ยินที่เธอพูดเสียด้วย “เฮ้ย! เอม เป็นอะไร?” “อ้าว เกี๊ยว… มาสายนะ” “เวลาปกติย่ะ!” งามรัมภาถอนหายใจตัวโยนอีกครั้ง ก่อนจะบุกรุกเข้ามา พร้อมลากเก้าอี้ใกล้มือมานั่งตรงข้ามเพื่อนตน “เป็นอะไร? แกทำให้เด็กในร้านกลัวไปหมดแล้วนะ” “มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” คนเหม่อเองตอนนี้ถอนหายใจออกมายาวไม่แพ้กัน ก่อนจะหันมองเพื่อนตนตรง ๆ “ว่าแต่แกเถอะ ทำไมหน้าตาสดใสจัง ปกติต้องเหมือนคนหมดแรงเพราะไม่ได้นอน เนื่องจากหักโหมหนักไม่ใช่เหรอ?” “อย่าพูดถึงมันเลย” คนโดนแย่งคู่นอนไปต่อหน้าต่อตาตอนนี้ยังอารมณ์เสียไม่หาย ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมขมวดคิ้วมุ่น “ฉันไม่ดีตรงไหน?” และยังบ่นพึมพำกับตัวเอง “อะไร? แกโดนเทหรือเกี๊ยว อย่างแกเนี่ยนะ!?!” เรื่องขุ่นมัวของตัวเองเริ่มดีขึ้น เพราะความทุกข์ของเพื่อนเสียแล้ว งามรัมภานั้น งามสมชื่อ หน้าตาของเจ้าหล่อนสวยจัด ดวงตาคม ผิวขาว ผมยาวลอนถึงกลางหลัง แต่เจ้าหล่อนใช้ความสวยเพื่อจับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงมากกว่า ซึ่งรสนิยมนี้อคิราห์รู้ดี จะเป็นห่วงก็แค่เรื่องกินไม่เลือกอย่างเดียว แต่การที่เพื่อนตนโดนเทแบบนี้... เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกพอสมควร “เออ! แต่ช่างมันเถอะ ก็แค่ไม่ได้ทำกิจกรรมเข้าจังหวะอย่างที่ควร เลยนอนหลับเต็มอิ่มแบบนี้ไง แล้วแกล่ะ? ทำไมเป็นแบบนี้ มีเรื่องอะไร... เล่า!!” งามรัมภารวบรัดเรื่องของตัวเองและวกเข้าเรื่องคนตรงหน้าอย่างแนบเนียน “ก็แค่… แม่ฉัน…” พอนึกถึง อคิราห์เองกลับมาคิดไม่ตกอีกครั้ง จนมันแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน “… แม่ฉัน” “แม่แกทำไม อยากให้แกเลิกทำร้านเหรอ?” งามรัมภาเริ่มรู้สึกรำคาญกับท่าทีอึกอักของคนตรงหน้า และหวังว่าจะถูกสวนกลับแบบกวนประสาทอย่างที่เคย แต่กลายเป็นความลังเลเหมือนเดิม “เฮ้ย! อะไร เล่าสิ ฉันจะได้ช่วยแกแก้ไขไง ถ้า...” “แม่ฉันอยากให้แต่งงาน…” กลายเป็นว่าตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสนิท มีเพียงเสียงเครื่องอบซึ่งดังหึ่ง ๆ ออกมาเท่านั้น ไม่มีใครกล้าขยับเมื่อรับรู้ถึงเรื่องกลัดกลุ้มของอคิราห์ “…กับพี่ราม” “หา~?” นุ่มนิ่มอ้าปากค้าง “อุ๊ย!!” น้ำตาลอุทานแบบไม่เก็บเสียง “คุณรามที่มาส่งคุณเอมทุกวันใช่หรือเปล่าคะ?” นะโมถามออกมาด้วยความอยากรู้เต็มที่ “OMG!!” และงามรัมภาเบิกตาโตจนสุด พร้อมยกมือขึ้นทาบอก “อืม” ส่วนอคิราห์ก็ให้คำตอบแบบเบา ๆ เป็นการตอบรับเรื่องที่ทุกคนสงสัย “แต่งเลย” หลังจากตกใจเสร็จ งามรัมภาจึงออกความคิดเห็นทันที “พี่รามแกก็รู้จักอยู่แล้ว แถมแกเองก็เคยชอบพี่เขาด้วยไม่ใช่เหรอ? ไม่ต้องคิดมาก แต่งเลยเอม” “ไอ้เกี๊ยว แต่งงานนะ ไม่ใช่ไปเดินงานเอ็กโปรด้วยกัน มันเรื่องใหญ่” ว่าที่เจ้าสาวขึงตาใส่เพื่อนตนทันที “อีกอย่าง… พี่รามเองก็มีคนที่คบอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ? ดาราคนนั้นน่ะ” “ไม่มี โสดสนิท ฉันยืนยันได้” ตอนนี้งามรัมภาออกตัวเชียร์ให้เพื่อนแต่งงานจนออกนอกหน้า เพราะไม่นานมานี้เพิ่งได้ยินข่าวลือมาเรื่องหนึ่ง ซึ่งมันไม่ดีต่อตัวของอคิราห์เลยสักนิด “แต่งกับพี่รามก็ดีนะเอม เรื่องที่คนแถวนี้เขาลือกันจะได้เงียบสักที” “เรื่องของเขาสิ” “ก็ฉันรำคาญ พวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแกเจออะไรมา เอาแต่พูดสนุกปาก” เธอเริ่มหงุดหงิดเข้าแล้ว ทุกครั้งที่งามรัมภาออกไปส่งขนมกับเพื่อนตน มักจะมีคำนินทาตามหลังมาเสมอ แม้อยากจะตอบโต้ หรือแก้ต่างให้เพื่อน แต่อคิราห์มักจะห้ามเอาไว้เสมอ พร้อมคำพูดเดิม ๆ คือ ‘เดี๋ยวพวกเขาก็ลืม’ ไม่รู้หรอกว่าการแต่งงานกับรามสูรมันจะแก้ไขเรื่องพวกนี้ได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่งามรัมภามั่นใจมาก นั่นคือความรู้สึกของพี่ชายคนนี้ที่มีต่อเพื่อนของตนนั่นแหละ ‘ก็ใจตรงกัน แต่ทำไมมันยุ่งยากนักวะ!?!’ “เอาเป็นว่าตอนนี้ฉันขอคิดก่อน แต่ก็คงปฏิเสธนั่นแหละ พี่รามดีกับฉันมาก ฉันไม่อยากให้พี่รามมารับคำพูดแย่ ๆ ของฉันไปด้วย แกเข้าใจฉันใช่หรือเปล่าเกี๊ยว” อคิราห์มองหน้าเพื่อนตน ซึ่งเธอไม่สบอารมณ์เลยสักนิด ยังคงกัดฟันกรอดไม่เลิก “ไม่เข้าใจ!” แล้วเธอก็ลุกพรวดออกจากครัวแห่งนี้ไป แถมยังเตะเอาตะกร้าผ้าข้างเคาน์เตอร์จนกลิ้งเพื่อระบายอารมณ์อีกต่างหาก! “ไอ้เกี๊ยว!!” เสียงบ่นตามหลังมา แต่มีหรือที่งามรัมภาจะสนใจ แถมยังมานั่งหน้าเคาน์เตอร์หน้าร้านพร้อมสีหน้าไม่รับแขกตั้งแต่เช้าอีกต่างหาก ดูเหมือนว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดีเอาเสียเลย กริ๊ง~ ยังไม่ทันจะปรับอารมณ์พร้อมรับแขกเท่าไหร่ ลูกค้าก็เข้ามาอุดหนุนเสียแล้ว นอกจากหน้าที่บาริสต้า ทั้งเรื่องบัญชี และคิดเงิน งามรัมภาจะดูแลเกือบทั้งหมด เว้นเสียแต่ตอนที่ยุ่งมากจริง ๆ จึงจะไว้ใจให้คนในร้านจัดการแทน แต่ดูเหมือนคนที่เข้ามาจะไม่ได้มาอุดหนุนอย่างที่คิด ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง เป็นที่สะดุดตาเพราะดวงหน้าหล่อเหลา ไม่ว่าจะส่วนไหน ‘รามสูร’ คนนี้ก็ดึงดูดสายตา แม้แต่งามรัมภาซึ่งไม่พึงใจผู้ชายนักยังมองว่าเขามีเสน่ห์ ดวงตาเฉี่ยวดุของชายคนนี้ช่างเป็นเอกลักษณ์ พร้อมคิ้วเข้มขมวดมุ่น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดี เนื่องจากมีคนหนีตนเองมาตั้งแต่เช้า จมูกโด่งเข้มรับกับริมฝีปากหยักลึกสีสดธรรมชาติ กำลังเผยอออกมาเล็กน้อย เพราะเจ้าตัววิ่งมาจนสุดแรง และที่ดูเด่นจนอมยิ้มมากที่สุด คือเป็นกลุ่มผมสีดำสนิทของเขา ที่ยังยุ่งเล็กน้อย เนื่องจากรีบออกมาทั้ง ๆ ที่เพิ่งตื่นนอน “อ่าว มาช้านะคะพี่ราม” งามรัมภาทักทายทันที และเปรยสายตาไปยังประตูด้านหลังตู้กระจกเพื่อวางขนมโชว์ขนาดใหญ่ เป็นเชิงว่าคนที่ชายหนุ่มตามหาอยู่หลังประตูบานนี้ “เด็กในร้านบอกว่ามาตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น” “ขอบใจ” รามสูรหมายจะพุ่งเข้าไป แต่กลับถูกงามรัมภารุดเข้ามาขวางเอาไว้ “อะไรเกี๊ยว พี่มีเรื่องต้องคุยกับเอมนะ” “เข้าใจ แต่เอมมันไม่ชอบให้ใครเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ของมันนะพี่ราม” “แล้วจะให้พี่ทำยังไง?” เขาดูร้อนรนกว่าที่คิดเสียอีก รามสูรเดาออกว่าอคิราห์ต้องหนีหน้าเขาแน่นอนหากรู้เรื่องการแต่งงาน แต่ไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะคิดมากขนาดนี้ แม้จะอยู่ในการคาดคะเนแล้วก็ตาม จึงอดกังวลไม่ได้ “เกี๊ยวก็ไม่รู้ มันดู... คิดมากอยู่นะพี่ราม เรื่องแต่งงานน่ะ” “เอมบอกแล้วเหรอ?” รามสูรพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด “อืม บอกแล้ว และก็บอกด้วยว่าจะปฏิเสธ” งามรัมภาสังเกตดูวงหน้าหล่อของคนสูงกว่า แม้จะดูร้อนใจอยู่บ้าง แต่กลับไม่แสดงออกมาว่ากำลังกังวลอยู่เลย “พี่รามจะทำยังไงต่อ?” “พี่ต้องคุยกับเอมนี่ไง” ดวงตาเฉี่ยวคมก้มมองคนตัวเล็กกว่า พร้อมกรีดยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่ต้องห่วง เกี๊ยวจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวแน่นอน” “มั่นใจอะไรขนาดนั้น... เดี๋ยวสิ! พี่ราม” ห้ามไม่ทันแล้ว ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าไปในครัวของอคิราห์เรียบร้อย ตอนนี้คงทำได้แค่รอเท่านั้น... แต่เพื่อนคนนี้ก็แอบหวังอยู่ในใจว่าไอ้เรื่องที่รามสูรคิดเอาไว้... จะได้ผล คนเคยนั่งเหม่อกลับมานวดแป้งอีกครั้ง เนื่องจากยีตทำเองกำลังได้ที่ เลยอยากจะอบขนมปังอีกสักก้อน เผื่อว่าไอ้เรื่องที่คิดอยู่ตอนนี้จะหายไปเสียที ครืด~ เสียงประตูครัวเปิดออก แม้ก่อนหน้านี้อคิราห์จะไม่ต่อว่าที่งามรัมภาเข้ามาก็ตาม แต่ครั้งที่สองคงยากจะให้อภัย ภาพจำวันที่เพื่อนตนเข้ามาช่วยแต่ทำครัวพังมันยังตราตรึง! “เกี๊ยว ฉันบอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาตอนกำลังทำขนม” อคิราห์เอ่ยขึ้น แต่สายตาของเธอยังคงจับจ้องก้อนแป้ง ทั้งนวดทั้งกดไปพร้อมกัน “เรามาคุยกันหน่อยมั้ย... เอม?” เสียงทุ้มแสนละมุนแบบนี้ เธอจำได้ดี ทุกอย่างราวกับหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ไม่ว่าจะตัวเธอเอง หรือพนักงานคนอื่นในห้องนี้ก็ตาม ทุกสายตาหันมามองที่เจ้าหล่อน ซึ่งไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมองคนกำลังเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เลยด้วยซ้ำ “พี่ราม... เอมไม่ชอบให้ใครเข้ามาในครัวนะคะ” เสียงเธออยู่ในลำคอ ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้ามองคนซึ่งมาหยุดอยู่อีกฝั่งของเคาน์เตอร์สเตนเลส “พี่ขอโทษ แต่พี่อยากคุยกับเอม เอมเองก็อยากคุยกับพี่ใช่หรือเปล่า?” รามสูรรู้ดีที่สุด ว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ชอบให้ใครมากดดัน เขายิ้มให้แบบเป็นมิตร ทำให้คนตรงหน้ายอมวางมือจากก้อนแป้งตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว “ตรงไหนดี ข้างบน หรือจะไปหลังร้าน?” “ไปหลังร้านดีกว่าค่ะ” ไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว แม้อคิราห์ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับชายตรงหน้าก็ตาม แต่ในเมื่อมันหนีไปไหนไม่ได้ คุยกันไปจะได้ไม่มีเรื่องค้างคาใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD