มังกรซ่อนเล็บ 1 (1)

1105 Words
เวลาปกติของข้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือเช้าตื่นมาไปห้องอักษรเพื่อศึกษาทุกอย่างที่อยู่ในนั้นจนตอนนี้ไม่มีอะไรให้ข้าอ่านแล้ว            และช่วงสายข้าก็แอบพาเหล่าองครักษ์ทั้งสามมาแอบฝึกวิชาที่ป่าไผ่ที่ห่างไกลจากวังหลวงถึง20 ลี้รับรองว่าไม่มีใครจับได้ พร้อมกับสอนวิชาแปลกๆ ที่ข้าเรียนรู้มาฝึกให้พวกเหล่าองครักษ์            ข้ามั่นใจว่าตอนนี้ฝีมือองครักษ์ของข้าติดยุทธภพแน่นอน และช่วงเย็นข้าจะสอนการโคจรลมปราณต่างๆ ที่ได้เรียนรู้มาและฝึกถูกๆ ผิดอยู่บ่อยครั้ง จนตอนนี้ข้ามีลมปราณหลายแขนง ลมปราณพยัคฆ์คำรน ลมปราณหงค์อัคคี ลมปราณ์เหมันต์            สองอย่างนี้ข้าได้มาโดยการฝึกถูกฝึกผิดจนตอนนี้ข้าใช้ได้อย่างชำนาญแล้วและยังมีอีกมายมายที่ข้าคงสาธยายไม่หมด กอปรกับตลอด 5 ปีที่ผ่านมาก็มีคนแอบนำยาพิษมาให้ข้าดื่มไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง            ชีวิตข้านี่ช่างน่ารันทดนัก หากข้าไม่มีลมปราณที่แข็งแกร่งป่านนี้คงได้ไปเข้าเฝ้าเจ้าแม่หนี่วาแล้ว            แต่ข้าไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าใครวางยาข้ามาตลอดหลายปีที่ผ่านมาแต่ข้ายังคงวางเฉยเพราะยังไม่ถึงเวลา แกล้งเจ็บป่วยแสดงละครให้สมบทบาทและรอดตายมาอย่างปาฎิหาร ข้าแสดงได้เก่งไหมละ แต่ช่วงหลังๆ ข้าเริ่มรำคาญจึงกลั่นแกล้งพวกเขาไปบ้างเล็กน้อย            แค่คิดถึงเรื่องนี้ข้าก็อดที่จะยิ้มอีกครั้งไม่ได้ ข้าไม่ได้ทำไรมากแค่ทำให้ความจริงกระจ่างและไม่อยากจะเชื่อว่าองค์ชายสี่เป็นเพียงลูกชู้ที่ไม่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเสด็จพ่อ            แต่นับจากนั้นมาข้าก็สุขสบายไม่ต้องมาแกล้งป่วยปานตายอีก และมือข้าก็ไม่ได้เปื้อนเลือดเสียด้วยแค่คิดข้าก็สุขอุราแล้ว            “น้องห้าคิดไรอยู่ทำไมทำหน้าตาน่ากลัวเยี่ยงนั้น”            เสียงทักทายพร้อมแววตาที่ดูเหมือนไม่ไว้ใจของพี่สามทำให้ข้าหันไปยิ้ม บัดนี้พี่สามเป็นชายหนุ่มรูปงามที่สาวๆ ต่างหมายปองถึงข้าจะเป็นผู้ชายเต็มร้อยยังอดชื่นชมความงดงามของพี่ชายสามไม่ได้ แต่อย่าให้ข้าอธิบายไปมากกว่านี้เลย สรุปง่ายๆ คือข้ามีพี่ชายหล่อ ฮ่าๆ            “เปล่าข้ากำลังคิดเรื่องสนุกๆ อยู่เห็นว่าอีกไม่นานนี้จะมีเทศกาลหยวนเซียวข้าจึงอดที่จะตื้นเต้นมิได้เพราะเสด็จพ่ออนุญาตให้ข้าออกนอกวังได้เป็นครั้งแรก”          ข้าบอกด้วยรอยยิ้มยินดี ความจริงก็แค่กลบเกลื่อนเรื่องราวที่อยู่ในใจ ทุกวันนี้ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแสดงยอดเยี่ยมไปเสียแล้ว            “ดีจริงน้องพี่เจ้าจะได้เปิดหูเปิดตาเสียที”          ข้ายิ้มรับที่ท่านพี่เฟยหยวนกล่าวเช่นนั้นเพราะไม่เคยรู้ความลับของข้าแม้แต่น้อย ว่าไปข้าก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะพี่สาม ข้าได้แต่กล่าวอยู่ในใจ แต่เชื่อเถอะว่าข้าจะเคียงข้างท่าน            “ท่านพี่มาหาข้ามีเรื่องอันใดกันหรือ”            ข้าเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ แม้พี่สามชอบแวะมาหาข้าบ่อยครั้งแต่สายข่าวที่ข้าได้รับมาคงจะเกี่ยวข้องกันไม่มากก็น้อย อ๋อข้าลืมบอกไปว่าแม่ทัพซ้ายลู่เสียนเป็นกำลังรบให้ข้าอย่างเงียบๆ            หลังจากที่เข้ามาหาข้าในคืนนั้นและทำให้ข้าได้รู้ว่ายังมีญาติทางมารดาเหลืออยู่ ที่ไม่มีความทรงจำมาก่อนเพราะลู่เสียนถูกส่งไปประจำอยู่ชายแดนตั้งแต่ข้าได้ 2 ขวบปี            “เย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับท่านอ๋องของแคว้นฉิน ข้าอยากให้เจ้าไปร่วมด้วย”            คำพูดของพี่สามทำให้ข้าหันไปมองอย่างแปลกใจ เพราะเฟยหยางรู้ดีว่าข้าไม่เคยเข้าร่วมงานใดๆ มาก่อนเนื่องจากทุกคนเห็นว่าร่างกายอ่อนแอ จึงไม่มีใครสนใจ แต่ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ข่าววงใน            “เหตุใดท่านพี่ถึงอยากให้ข้าร่วมงานด้วยเล่า”            “ข้าอยากให้เจ้าเปิดหูเปิดตาบ้าง เจ้าไม่ค่อยไปหาที่น้องคนอื่นนานมากแล้ว และที่สำคัญองค์รัชทายาทก็อยู่ร่วมงานด้วย พี่คิดว่าเจ้าสายตากว้างไกลอาจมองเห็นในสิ่งที่พี่ไม่เห็นได้”            เฟยหยางบอกเหตุผลให้น้องห้าที่เขารักและผูกพันมากที่สุด แม้จะถูกกักกันเพราะว่าร่างกายอ่อนแอ ทว่าแววตาที่มีประกายแห่งปัญญาทำให้เขาเชื่อมั่นในความสามารถของน้องชาย            “หากพี่สามต้องการเช่นนั้นข้าก็จะไป”            ข้าบอกพร้อมยกยิ้มที่มุมปากแววตาประกายวาบเมื่อเรื่องสนุกๆ กำลังมาหาถึงที่และตอนนี้อวิ้นอวี้ก็ได้เป็นรัชทายาทอันดับหนึ่ง            ซู่เมิ่งได้ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทอันดับสาม และพี่สามที่ถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทอันดับสอง ไว้เช่นกัน            เฟยหยางหรี่สายตามองน้องชายอย่างครุ่นคิดแววตาแบบนั้นหวังว่าไม่ก่อเรื่องนะ แม้จะรู้ว่าน้องชายไม่เคยก่อเรื่องมาก่อน ทว่าทำไมรู้สึกว่ามันต้องเกิดเรื่องกันนะ                        เมื่อถึงช่วงเย็นข้าก็เดินผ่านตำหนักน้อยใหญ่มาเรื่อยๆ อย่างสบายอารมณ์ไม่ได้รีบเร่งอะไร ตามติดด้วยองครักษ์ฝาแฝดซึ่งเจียงหั่วข้าสั่งให้ไปทำงานสำคัญ            ในมือตอนนี้มีพัดลายมังกรสีขาวขอบทองเข้ากับชุดสีขาวสีประจำตัวของข้า ข้าเดินสะบัดพัดเบาๆ ตามอารมณ์และเพียงไม่นานก็มาถึงท้องพระโรง สายตามากมายต่างจับจ้องข้า            ใช่สิ ก็พวกเขาไม่ค่อยเห็นข้า บางคนอาจจำข้าไม่ได้ด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะขุนนางทั้งหลาย            “น้องห้า ข้าคิดว่าเจ้าจะเบี้ยวพี่เสียแล้ว”          พี่สามเอ่ยทักทายพร้อมพาข้าไปนั่งประจำที่ แต่ก่อนจะไปนั่งข้าก็ก้มหน้าทำความเคารพบรรดาผู้สูงศักดิ์ตามพิธีเสียก่อน            “ถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ถวายบังคมไทเฮาพ่ะย่ะค่ะขอให้พวกท่านมีพระชนมายุยืนยาวพ่ะย่ะค่ะ”          หลังจากนั้นข้าก็ทักทายบรรดาพระสนมของเสด็จพ่อรวมทั้งพระชายา คิดไปแล้วเหนื่อยแทนเสด็จพ่อจริงๆ เมียหลายคนขนาดนี้ไม่เบื่อหน่ายบ้างหรือไง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD