เวลา 19.23 น.
“เอาไงดีนะ” ฉันเริ่มพูดกับตัวเองแบบนี้มาได้สักพักแล้ว ตั้งแต่ที่ขึ้นห้องมาผ่านไปไม่นานฉันก็ตัดเรื่องพี่เคลิ้มออก แล้วก็เกิดความพะวงถึงพี่ชอปเปอร์ที่อยู่ ๆ เขาก็เจ็บตัว
ฉันนั่งกดแชตเข้าแชตออกที่หน้าแชตของพี่เขาอยู่สักพักแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที
(WHITE: มีเรื่องปรึกษา อยู่ไหมอ่า)
นี่ไงทางเลือก ฉันเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนคนนี้ของฉัน
(BLACK: อยู่ ๆ ว่ามา)
(WHITE: คือเรากำลังกังวลใจ)
(BLACK: เรื่องอะไร ไหนพูด)
(WHITE: เอาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมนะ)
(BLACK: ครับ รอฟัง)
(WHITE: มีพี่คนนึงเจ็บตัวเพราะเรา เราควรทักถามเขาดีไหมว่าเขาเป็นยังไงบ้าง)
(BLACK: เป็นห่วงเหรอ หรือว่าแค่สงสาร)
(WHITE: เป็นห่วงน่ะสิ)
(BLACK: เป็นห่วงก็ทักไปดิ)
(WHITE: กลัวพี่เขาอยู่กับแฟน กลัวพี่เขารำคาญ กลัวขัดจังหวะเขา)
(BLACK: ทำอย่างกับจะไปจีบเขา ก็แค่ทักถามเพราะไวท์เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บ ก็แค่นั้น หรือถ้าจะพูดตามความจริงก็ทำเฉยไปเลยก็ได้นะ ไม่ต้องสนใจ เขาก็คงไม่เป็นไรมากหรอก ถ้าเป็นหนักก็คงอยู่โรงพยาบาลแล้ว)
(WHITE: อืม)
ฉันพิมพ์กลับไปแค่นั้นเพราะดูเหมือนแบล็คจะอารมณ์ไม่ดี ฉันดูจากการที่เขาพิมพ์มานะ
คือแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตัวอักษร แต่กับบางคนที่คุยกันทุกวัน คุยกันเป็นปี เราจะรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน
เอาจริงฉันก็เอาความรู้สึกของฉันเป็นหลักนั่นแหละ
(BLACK: โทษที พอดีแมวที่บ้านมีแมวหนุ่มมาติดน่ะ ก็เลยอารมณ์ไม่ดี)
นั่นไง บางทีก็เหมือนเขารู้ว่าฉันคิดอะไร คือมันคุยกันจนรู้สึกได้ไง
(WHITE: ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวถ้าอารมณ์ดีก็ทักมานะ)
(BLACK: สรุปเอาไง)
(WHITE: เดี๋ยวเล่าให้ฟังแล้วกัน)
(BLACK: แบบนั้นก็ได้)
(WHITE: จ้า)
ฉันวางโทรศัพท์มือถือเครื่องที่คุยกับแบล็คไว้ แล้วจากนั้นก็เอาอีกเครื่องมากดเข้าแชตของพี่ชอปเปอร์อีกครั้ง
“ถามดีไหมนะ” แล้วก็เกิดความลังเลเหมือนเดิม
“ก็ถามไปเถอะ มันคงไม่เป็นไรหรอก” นี่คือผลดีของการพูดคนเดียว คิดเองเออเอง เห็นดีเอง ทำเองหมด
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง…
เสียงแจ้งเตือนของฉันดังพร้อมกับข้อความที่เด้งหน้าจอว่ามาจากใคร ฉันเลือกที่จะไม่สนใจคนที่ส่งเข้ามา แล้วกดพิมพ์ข้อความไปหาพี่ชอปเปอร์แทน
(NUMNIM: อยู่ไหน)
(NUMNIM: เจ็บมากไหม ทำแผลรึยัง)
(NUMNIM: ไปหาหมอรึเปล่า)
เป็นการถามที่รัวคำถามมาก ก็มันตื่นเต้น ตื่นกลัวยังไงไม่รู้ กลัวเขาจะอยู่กับแฟนของเขา ซึ่งพี่ชายของฉันบอกว่าเขาผู้หญิงเยอะ
ติ๊ง!
(CHOPPER: ยังไม่ทำ)
(CHOPPER: มาทำให้หน่อยดิ ทำไม่ถนัด)
(NUMNIM: ทำอะไร บ้ารึเปล่า)
(CHOPPER: บ้าอะไร ตอนนี้พี่อยู่ปากซอยบ้านนุ่ม จะมาทำให้ไหม คนละครึ่งทาง สวนสาธารณะหมู่บ้าน รับผิดชอบหน่อยดิ แฟนนุ่มทำพี่เจ็บนะ)
(NUMNIM: ไม่ใช่แฟน)
(CHOPPER: ไม่ใช่แฟน? แต่มีเกียร์มันเนี่ยนะ)
(NUMNIM: แค่เพื่อนพี่ชาย คนอย่างเขาเนี่ยนะจะมาสนใจนิ่ม ผู้หญิงของเขาบานเบอะ)
(CHOPPER: จะไปรู้เหรอ มีเกียร์กันใคร ๆ ก็คิดแล้วไหม)
(NUMNIM: โอ๊ย ช่างมันเถอะ)
(NUMNIM: ว่าแต่มาทำอะไรที่ปากซอยบ้านนิ่ม)
(CHOPPER: ธุระ สรุปจะมาไหม)
(NUMNIM: โดนต่อยขนาดนั้นยังจะมีเวลาสนใจธุระ)
(CHOPPER: อย่าบ่นดิ จะมาไหม พี่ขับรถมารอแล้วเนี่ย)
(NUMNIM: ถ้าขับรถได้ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ)
(CHOPPER: เจ็บมือพิมพ์ไม่ไหวแล้ว แค่นี้นะ)
(CHOPPER: พี่รอที่สวนสาธารณะ)
(NUMNIM: เอ้า? ยังไม่ได้ว่าจะไป)
เงียบ ไม่อ่าน ไม่ตอบ แล้วบอกว่ารอ จะรอจริงไหมนะ หรือแค่แกล้งกัน
หลายนาทีต่อมา…
“ไปไหนคะคุณหนูเล็ก” แม่บ้านร้องถามเมื่อเห็นฉันเดินออกจากบ้านแล้วคว้าจักรยานคู่ใจ
“กินข้าวหมูแดงค่ะ” ฉันตะโกนบอกไปพร้อมกับถีบจักรยานออกจากบ้าน โดยที่ตะแกรงหน้ารถจักรยานมีชุดทำแผลเล็ก ๆ ที่ฉันแอบหยิบมา
ด้านพี่ชายของฉันทั้งสองคงอยู่บนห้องแหละมั้ง หรือไม่ก็คงออกไปหาเพื่อนหาฝูงออกล่าเหยื่อตามประสาผู้ชายหล่อ
แล้วฉันก็ปั่นจักยานมาจนถึงสวนสาธารณะซึ่งตอนนี้แทบไม่มีคน ไม่เหมือนตอนเย็นที่มีผู้คนมาออกกำลังกายและนั่งคุยกัน ตอนนี้มีแค่แสงไฟสาดส่องตามทาง ฉันมองเห็นรถยนต์จอดอยู่หนึ่งคัน คงจะเป็นของพี่ชอปเปอร์ ฉันจำป้ายทะเบียนได้
มองหาเขาตามเก้าอี้ที่อยู่ในสวนสาธารณะ แล้วก็เห็นผู้ชายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสระน้ำ น่าจะใช่เขานะ เพราะในที่ตรงนี้ไม่มีใครเลย
(NUMNIM: นั่งอยู่ตรงไหน)
ฉันเลือกจะพิมพ์ข้อความไปถาม แล้วเขาก็เปิดอ่านง่าย ๆ ทั้งที่ข้อความก่อนหน้าเขาไม่เปิดอ่านมันเลย
อะไรของเขากันนะ
(CHOPPER: เดินมาดิ ริมสระไงนั่งอยู่เนี่ย) ฉันจอดจักรยานแล้วก็หยิบอุปกรณ์ทำแผลจากหน้าตะแกรงเดินไปหาเขา
ทำไมถึงมาน่ะเหรอ
ก็กลัวเขารอไง
ไม่รู้สิ ฉันแค่คิดเล่น ๆ ว่าถ้าเขารออยู่ เขาก็คงจะหนาวมาก เพราะตอนนี้อากาศมันเย็น ไหนจะแผลที่เขาบอกว่ายังไม่ได้ทำอีก
“นึกว่าหลอกซะอีก” ฉันเดินมานั่งข้าง ๆ เขา พร้อมกับวางอุปกรณ์ทำแผลไว้ที่ตัก
“พี่พูดคำไหนคำนั้น หนาวไหม” พี่ชอปเปอร์หันมาถาม ใบหน้าของเขามันเกิดรอยแผล คิ้วแตก และจมูกเหมือนจะมีแผลตรงสันดั้ง ปากแตกและเหมือนกำลังจะเจ่อ โหนกแก้มก็แตก
“สภาพแบบนี้น่าจะไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มานั่งอยู่ริมสระแบบนี้” ฉันบอกและแกะอุปกรณ์ทำแผล
“ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไม่หล่อเลย ยังชอบอยู่ไหม” พี่ชอปเปอร์ยื่นหน้ามาใกล้ฉันมาก แล้วคือฉันทำยังไงน่ะเหรอ ก็ตกใจไง ใจเต้นตึกตักเลยล่ะ
ใจของฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว ทำไมมันเต้นแรงกับพี่เคลิ้มและผู้ชายคนนี้
“เอ้า เป็นไรนุ่ม” พี่ชอปเปอร์ยกมือขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้าฉัน
“เปล่า ๆ มาทำแผลเถอะ นิ่มจะได้กลับบ้าน” ฉันดึงสติกลับมา
“บอกว่าถ้าเราคุยกันให้แทนตัวเองว่านุ่ม พี่ไม่อยากให้พูดกับพี่เหมือนพูดกับคนอื่น พี่อยากเป็นคนพิเศษ เหมือนที่พี่บอกให้นุ่มเรียกพี่ว่า ‘ชอป’ คำนี้ก็ไม่มีใครเรียก เพราะพี่ให้คนพิเศษของพี่เท่านั้นที่เรียก เรามาเป็นคนพิเศษของกันได้ไหม” พอประโยคนี้เข้ามาในหูฉันแล้วเป็นยังไงน่ะเหรอ ?
ก็…นั่งกะพริบตามองคนตรงหน้าไง เขามาพูดบ้าอะไร ไหนพี่ชายฉันบอกว่าเขาชอบเงียบ
“ว่าไงนุ่ม” พี่ชอปเปอร์ถามย้ำ
“สติพี่เลอะเลือนตอนที่พี่เคลิ้มมันผลักล้มพื้นรึเปล่า นิ่มว่าพี่เงียบปากดีกว่า ขยับปากมากไม่ดีนะ” ฉันทำเฉยกับเรื่องที่เขาถาม แล้วจากนั้นก็หยิบสำลีขึ้นมาแล้วบีบน้ำเกลือใส่ และเริ่มเช็ดที่รอยแผลตามใบหน้าของพี่ชอปเปอร์
“ทำไมถึงมา” ปากที่บอกให้หุบคือพี่เขาไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะ
“กลัวพี่จะรอ” ฉันบอกแล้วเอาสำลีอันใหม่มาบีบน้ำเกลือใส่แล้วเช็ดที่หน้าพี่เขาอีกรอบ
“พี่ก็จะรอจริง ๆ นั่นแหละ รอจนกว่านุ่มจะมา” ฉันว่าฉันมองไม่ผิดนะ ฉันเห็นรอยยิ้มของพี่ชอปเปอร์
“บ้ารึเปล่า นิ่มอาจจะไม่มาก็ได้” ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็หยิบสำลีก้อนใหม่ชุบแอลกอฮอล์ขึ้นมาเพื่อล้างแผล
“พี่เชื่อว่านุ่มจะมา โอ๊ย! แสบ ไม่เอาแอลกอฮอล์ พี่ไม่ชอบ” ถึงขั้นร้องลั่นเมื่อฉันจิ้มสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ไปที่หัวคิ้วที่แตก พี่ชอปเปอร์จับมือที่ถือสำลีของฉันไว้
“ไม่ชอบก็ต้องอดทน แผลเยอะขนาดนี้โรงพยาบาลก็ไม่ไป จะไม่เช็ดออกได้ไงเผื่อติดเชื้อขึ้นมาจะแย่ แล้วนี่บ้ารึเปล่า ขับรถมาถึงนี่ แทนที่จะแวะโรงพยาบาล” ฉันใช้มืออีกข้างจับมือพี่ชอปเปอร์ข้างที่จับมือฉันไว้ออก แล้วจากนั้นก็ค่อย ๆ จิ้มไปที่แผลของพี่เขาอีกครั้ง
ระหว่างที่ฉันทำแผล ฉันก็เริ่มรู้สึกว่ามือข้างที่จับมือพี่ชอปเปอร์ออกนั้น ตอนนี้มือเราสองคนมันประสานกัน
“อะไรของพี่เนี่ย ปล่อย” ฉันบอกแล้วพยายามดึงมือออก แต่พี่ชอปเปอร์เขาจับไว้แน่นมาก
“โทษที พี่หนาวน่ะ จับมือกันแล้วรู้สึกอุ่น” นั่นไง พอพูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาอีก
ฉันเกลียดความเป็นนางเอกตัวเองเหลือเกิน
“ก็เอามือซุกไว้ในเสื้อสิ หรือไม่ก็จับมือตัวเอง” ฉันแนะนำแล้วจากนั้นก็เริ่มทาเบตาดีนให้พี่เขา
“จับมือตัวเองไม่อุ่นเท่าจับกับคนที่อยากจับ”
“งั้นพี่ก็คงขาดความอบอุ่น เพราะนิ่มก็เห็นพี่จับมือผู้หญิงทุกคน”
“พี่ไม่เคยจับใครก่อน มีแต่ผู้หญิงพวกนั้นที่มาจับพี่”
“ก็พี่หล่อไง”
“แต่ตอนนี้พี่ไม่หล่อแล้วนะ ยังชอบพี่อยู่ไหม”
“เสร็จแล้วค่ะ ถ้ายังไงพี่ก็กินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนะ นี่นิ่มเอามาให้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาล” ฉันบอกแล้วก็ยัดยาใส่มือให้พี่ชอปเปอร์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเตรียมทุกอย่างให้พี่เขาขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีทั้งยาและอุปกรณ์ทำแผลมันก็มาอยู่ในมือฉันแล้ว
“งั้นนิ่มกลับบ้านก่อนนะ ส่วนพี่ก็ขับกลับดี ๆ ถ้าปวดหัวก็กินยาแล้วนอนพักก่อน” ฉันเก็บของแล้วลุกขึ้น เมื่อพี่ชอปเปอร์ไม่ทำอะไรนอกจากมองยาในมือแล้วก็มองหน้าฉัน
“คบกันไหม” พี่ชอปเปอร์คว้ามือฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านเขา
“อะไรของพี่เนี่ย เล่นบ้าอะไร ถ้าจะมาเล่นกับความรู้สึกของนิ่ม นิ่มไม่เล่นด้วยหรอกนะ กลับบ้านพี่ไปได้แล้ว” ฉันพูดด้วยความไม่พอใจ ตอนแรกก็ไม่ถือสา ไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้ แต่พอพูดไม่เลิกฉันก็เริ่มจะหงุดหงิดแล้วไง
ทำไมต้องเอาความรู้สึกของฉันไปเล่น ต้องการอะไรจากคนอย่างฉัน
“พี่ไม่ได้เล่น พี่พูดจริง พี่ไม่เคยขอคบใคร” พี่ชอปเปอร์ทำหน้าจริงจัง
“พี่จะพูดแบบนี้กับใครก็ได้ แต่อย่ามาพูดกับนิ่ม เพราะนิ่มรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช คือสภาพนิ่มมันไม่ได้เหมาะสมที่คนอย่างพี่จะมาขอคบเลย ดูสภาพนิ่มกับพี่ดิ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกคนพี่ชอปเปอร์” ฉันแกะมือพี่ชอปเปอร์ออก แล้วเลือกจะเดินมาตรงที่จอดจักรยานไว้
ทว่าพี่ชอปเปอร์ดึงฉันเข้าไปกอด แล้วก็พูด “พี่รักนุ่มจริง ๆ พี่ไม่เคยคิดจะเล่นกับความรู้สึกนุ่ม พี่ไม่เคยพูดคำว่ารักกับผู้หญิงคนไหน มันเพียงพอที่จะเชื่อพี่สักนิดได้ไหม แล้วอย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น เพราะพี่รักนุ่มที่จิตใจของนุ่ม ไม่ใช่รูปร่าง พี่ไม่ชอบโกหก ทุกอย่างที่พี่พูดมันคือความรู้สึกจริง ๆ ของพี่”
นี่มันวันอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนะ หรือว่าฉันจะฝัน ใช่ ! ฉันคงแค่ฝัน
“คบกันนะ คบกันเถอะ จะให้พี่เปิดเผยกับใครก็ได้ แค่นุ่มตอบตกลงพี่พร้อมจะชัดเจน” พี่ชอปเปอร์ผละกอดออกแล้วมองหน้าฉัน
ครืด ครืด ครืด…
ยกมือขึ้นดันพี่ชอปเปอร์ออกแล้วก็ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู
“อย่ารับ” พี่ชอปเปอร์รีบพูด เมื่อมองเห็นหน้าจอของฉันว่าใครคือคนที่โทรเข้ามา
สายที่โทรเข้ามาคือเพื่อนสนิทของพี่ชาย ที่บอกว่าทำดีกับฉันเพราะสงสารฉัน กลัวว่าฉันจะโดนเหมือนน้องสาวของเขา
“ขอร้อง…อย่ารับ”
ฉันควรจะเชื่อพี่ชอปเปอร์ หรือควรจะกดรับสายดี…