10 คนพิเศษ

2193 Words
เวลา 19.23 น. “เอาไงดีนะ” ฉันเริ่มพูดกับตัวเองแบบนี้มาได้สักพักแล้ว ตั้งแต่ที่ขึ้นห้องมาผ่านไปไม่นานฉันก็ตัดเรื่องพี่เคลิ้มออก แล้วก็เกิดความพะวงถึงพี่ชอปเปอร์ที่อยู่ ๆ เขาก็เจ็บตัว ฉันนั่งกดแชตเข้าแชตออกที่หน้าแชตของพี่เขาอยู่สักพักแล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้สักที (WHITE: มีเรื่องปรึกษา อยู่ไหมอ่า) นี่ไงทางเลือก ฉันเลือกที่จะปรึกษาเพื่อนคนนี้ของฉัน (BLACK: อยู่ ๆ ว่ามา) (WHITE: คือเรากำลังกังวลใจ) (BLACK: เรื่องอะไร ไหนพูด) (WHITE: เอาตรง ๆ ไม่อ้อมค้อมนะ) (BLACK: ครับ รอฟัง) (WHITE: มีพี่คนนึงเจ็บตัวเพราะเรา เราควรทักถามเขาดีไหมว่าเขาเป็นยังไงบ้าง) (BLACK: เป็นห่วงเหรอ หรือว่าแค่สงสาร) (WHITE: เป็นห่วงน่ะสิ) (BLACK: เป็นห่วงก็ทักไปดิ) (WHITE: กลัวพี่เขาอยู่กับแฟน กลัวพี่เขารำคาญ กลัวขัดจังหวะเขา) (BLACK: ทำอย่างกับจะไปจีบเขา ก็แค่ทักถามเพราะไวท์เป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บ ก็แค่นั้น หรือถ้าจะพูดตามความจริงก็ทำเฉยไปเลยก็ได้นะ ไม่ต้องสนใจ เขาก็คงไม่เป็นไรมากหรอก ถ้าเป็นหนักก็คงอยู่โรงพยาบาลแล้ว) (WHITE: อืม) ฉันพิมพ์กลับไปแค่นั้นเพราะดูเหมือนแบล็คจะอารมณ์ไม่ดี ฉันดูจากการที่เขาพิมพ์มานะ คือแม้ว่ามันจะเป็นแค่ตัวอักษร แต่กับบางคนที่คุยกันทุกวัน คุยกันเป็นปี เราจะรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน เอาจริงฉันก็เอาความรู้สึกของฉันเป็นหลักนั่นแหละ (BLACK: โทษที พอดีแมวที่บ้านมีแมวหนุ่มมาติดน่ะ ก็เลยอารมณ์ไม่ดี) นั่นไง บางทีก็เหมือนเขารู้ว่าฉันคิดอะไร คือมันคุยกันจนรู้สึกได้ไง (WHITE: ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวถ้าอารมณ์ดีก็ทักมานะ) (BLACK: สรุปเอาไง) (WHITE: เดี๋ยวเล่าให้ฟังแล้วกัน) (BLACK: แบบนั้นก็ได้) (WHITE: จ้า) ฉันวางโทรศัพท์มือถือเครื่องที่คุยกับแบล็คไว้ แล้วจากนั้นก็เอาอีกเครื่องมากดเข้าแชตของพี่ชอปเปอร์อีกครั้ง “ถามดีไหมนะ” แล้วก็เกิดความลังเลเหมือนเดิม “ก็ถามไปเถอะ มันคงไม่เป็นไรหรอก” นี่คือผลดีของการพูดคนเดียว คิดเองเออเอง เห็นดีเอง ทำเองหมด ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง… เสียงแจ้งเตือนของฉันดังพร้อมกับข้อความที่เด้งหน้าจอว่ามาจากใคร ฉันเลือกที่จะไม่สนใจคนที่ส่งเข้ามา แล้วกดพิมพ์ข้อความไปหาพี่ชอปเปอร์แทน (NUMNIM: อยู่ไหน) (NUMNIM: เจ็บมากไหม ทำแผลรึยัง) (NUMNIM: ไปหาหมอรึเปล่า) เป็นการถามที่รัวคำถามมาก ก็มันตื่นเต้น ตื่นกลัวยังไงไม่รู้ กลัวเขาจะอยู่กับแฟนของเขา ซึ่งพี่ชายของฉันบอกว่าเขาผู้หญิงเยอะ ติ๊ง! (CHOPPER: ยังไม่ทำ) (CHOPPER: มาทำให้หน่อยดิ ทำไม่ถนัด) (NUMNIM: ทำอะไร บ้ารึเปล่า) (CHOPPER: บ้าอะไร ตอนนี้พี่อยู่ปากซอยบ้านนุ่ม จะมาทำให้ไหม คนละครึ่งทาง สวนสาธารณะหมู่บ้าน รับผิดชอบหน่อยดิ แฟนนุ่มทำพี่เจ็บนะ) (NUMNIM: ไม่ใช่แฟน) (CHOPPER: ไม่ใช่แฟน? แต่มีเกียร์มันเนี่ยนะ) (NUMNIM: แค่เพื่อนพี่ชาย คนอย่างเขาเนี่ยนะจะมาสนใจนิ่ม ผู้หญิงของเขาบานเบอะ) (CHOPPER: จะไปรู้เหรอ มีเกียร์กันใคร ๆ ก็คิดแล้วไหม) (NUMNIM: โอ๊ย ช่างมันเถอะ) (NUMNIM: ว่าแต่มาทำอะไรที่ปากซอยบ้านนิ่ม) (CHOPPER: ธุระ สรุปจะมาไหม) (NUMNIM: โดนต่อยขนาดนั้นยังจะมีเวลาสนใจธุระ) (CHOPPER: อย่าบ่นดิ จะมาไหม พี่ขับรถมารอแล้วเนี่ย) (NUMNIM: ถ้าขับรถได้ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ) (CHOPPER: เจ็บมือพิมพ์ไม่ไหวแล้ว แค่นี้นะ) (CHOPPER: พี่รอที่สวนสาธารณะ) (NUMNIM: เอ้า? ยังไม่ได้ว่าจะไป) เงียบ ไม่อ่าน ไม่ตอบ แล้วบอกว่ารอ จะรอจริงไหมนะ หรือแค่แกล้งกัน หลายนาทีต่อมา… “ไปไหนคะคุณหนูเล็ก” แม่บ้านร้องถามเมื่อเห็นฉันเดินออกจากบ้านแล้วคว้าจักรยานคู่ใจ “กินข้าวหมูแดงค่ะ” ฉันตะโกนบอกไปพร้อมกับถีบจักรยานออกจากบ้าน โดยที่ตะแกรงหน้ารถจักรยานมีชุดทำแผลเล็ก ๆ ที่ฉันแอบหยิบมา ด้านพี่ชายของฉันทั้งสองคงอยู่บนห้องแหละมั้ง หรือไม่ก็คงออกไปหาเพื่อนหาฝูงออกล่าเหยื่อตามประสาผู้ชายหล่อ แล้วฉันก็ปั่นจักยานมาจนถึงสวนสาธารณะซึ่งตอนนี้แทบไม่มีคน ไม่เหมือนตอนเย็นที่มีผู้คนมาออกกำลังกายและนั่งคุยกัน ตอนนี้มีแค่แสงไฟสาดส่องตามทาง ฉันมองเห็นรถยนต์จอดอยู่หนึ่งคัน คงจะเป็นของพี่ชอปเปอร์ ฉันจำป้ายทะเบียนได้ มองหาเขาตามเก้าอี้ที่อยู่ในสวนสาธารณะ แล้วก็เห็นผู้ชายนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมสระน้ำ น่าจะใช่เขานะ เพราะในที่ตรงนี้ไม่มีใครเลย (NUMNIM: นั่งอยู่ตรงไหน) ฉันเลือกจะพิมพ์ข้อความไปถาม แล้วเขาก็เปิดอ่านง่าย ๆ ทั้งที่ข้อความก่อนหน้าเขาไม่เปิดอ่านมันเลย อะไรของเขากันนะ (CHOPPER: เดินมาดิ ริมสระไงนั่งอยู่เนี่ย) ฉันจอดจักรยานแล้วก็หยิบอุปกรณ์ทำแผลจากหน้าตะแกรงเดินไปหาเขา ทำไมถึงมาน่ะเหรอ ก็กลัวเขารอไง ไม่รู้สิ ฉันแค่คิดเล่น ๆ ว่าถ้าเขารออยู่ เขาก็คงจะหนาวมาก เพราะตอนนี้อากาศมันเย็น ไหนจะแผลที่เขาบอกว่ายังไม่ได้ทำอีก “นึกว่าหลอกซะอีก” ฉันเดินมานั่งข้าง ๆ เขา พร้อมกับวางอุปกรณ์ทำแผลไว้ที่ตัก “พี่พูดคำไหนคำนั้น หนาวไหม” พี่ชอปเปอร์หันมาถาม ใบหน้าของเขามันเกิดรอยแผล คิ้วแตก และจมูกเหมือนจะมีแผลตรงสันดั้ง ปากแตกและเหมือนกำลังจะเจ่อ โหนกแก้มก็แตก “สภาพแบบนี้น่าจะไปโรงพยาบาล ไม่ใช่มานั่งอยู่ริมสระแบบนี้” ฉันบอกและแกะอุปกรณ์ทำแผล “ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น แต่ตอนนี้ไม่หล่อเลย ยังชอบอยู่ไหม” พี่ชอปเปอร์ยื่นหน้ามาใกล้ฉันมาก แล้วคือฉันทำยังไงน่ะเหรอ ก็ตกใจไง ใจเต้นตึกตักเลยล่ะ ใจของฉันมันเต้นแรงอีกแล้ว ทำไมมันเต้นแรงกับพี่เคลิ้มและผู้ชายคนนี้ “เอ้า เป็นไรนุ่ม” พี่ชอปเปอร์ยกมือขึ้นมาโบกไปมาตรงหน้าฉัน “เปล่า ๆ มาทำแผลเถอะ นิ่มจะได้กลับบ้าน” ฉันดึงสติกลับมา “บอกว่าถ้าเราคุยกันให้แทนตัวเองว่านุ่ม พี่ไม่อยากให้พูดกับพี่เหมือนพูดกับคนอื่น พี่อยากเป็นคนพิเศษ เหมือนที่พี่บอกให้นุ่มเรียกพี่ว่า ‘ชอป’ คำนี้ก็ไม่มีใครเรียก เพราะพี่ให้คนพิเศษของพี่เท่านั้นที่เรียก เรามาเป็นคนพิเศษของกันได้ไหม” พอประโยคนี้เข้ามาในหูฉันแล้วเป็นยังไงน่ะเหรอ ? ก็…นั่งกะพริบตามองคนตรงหน้าไง เขามาพูดบ้าอะไร ไหนพี่ชายฉันบอกว่าเขาชอบเงียบ “ว่าไงนุ่ม” พี่ชอปเปอร์ถามย้ำ “สติพี่เลอะเลือนตอนที่พี่เคลิ้มมันผลักล้มพื้นรึเปล่า นิ่มว่าพี่เงียบปากดีกว่า ขยับปากมากไม่ดีนะ” ฉันทำเฉยกับเรื่องที่เขาถาม แล้วจากนั้นก็หยิบสำลีขึ้นมาแล้วบีบน้ำเกลือใส่ และเริ่มเช็ดที่รอยแผลตามใบหน้าของพี่ชอปเปอร์ “ทำไมถึงมา” ปากที่บอกให้หุบคือพี่เขาไม่เข้าใจที่ฉันพูดสินะ “กลัวพี่จะรอ” ฉันบอกแล้วเอาสำลีอันใหม่มาบีบน้ำเกลือใส่แล้วเช็ดที่หน้าพี่เขาอีกรอบ “พี่ก็จะรอจริง ๆ นั่นแหละ รอจนกว่านุ่มจะมา” ฉันว่าฉันมองไม่ผิดนะ ฉันเห็นรอยยิ้มของพี่ชอปเปอร์ “บ้ารึเปล่า นิ่มอาจจะไม่มาก็ได้” ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วจากนั้นก็หยิบสำลีก้อนใหม่ชุบแอลกอฮอล์ขึ้นมาเพื่อล้างแผล “พี่เชื่อว่านุ่มจะมา โอ๊ย! แสบ ไม่เอาแอลกอฮอล์ พี่ไม่ชอบ” ถึงขั้นร้องลั่นเมื่อฉันจิ้มสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์ไปที่หัวคิ้วที่แตก พี่ชอปเปอร์จับมือที่ถือสำลีของฉันไว้ “ไม่ชอบก็ต้องอดทน แผลเยอะขนาดนี้โรงพยาบาลก็ไม่ไป จะไม่เช็ดออกได้ไงเผื่อติดเชื้อขึ้นมาจะแย่ แล้วนี่บ้ารึเปล่า ขับรถมาถึงนี่ แทนที่จะแวะโรงพยาบาล” ฉันใช้มืออีกข้างจับมือพี่ชอปเปอร์ข้างที่จับมือฉันไว้ออก แล้วจากนั้นก็ค่อย ๆ จิ้มไปที่แผลของพี่เขาอีกครั้ง ระหว่างที่ฉันทำแผล ฉันก็เริ่มรู้สึกว่ามือข้างที่จับมือพี่ชอปเปอร์ออกนั้น ตอนนี้มือเราสองคนมันประสานกัน “อะไรของพี่เนี่ย ปล่อย” ฉันบอกแล้วพยายามดึงมือออก แต่พี่ชอปเปอร์เขาจับไว้แน่นมาก “โทษที พี่หนาวน่ะ จับมือกันแล้วรู้สึกอุ่น” นั่นไง พอพูดแบบนี้ฉันก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมาอีก ฉันเกลียดความเป็นนางเอกตัวเองเหลือเกิน “ก็เอามือซุกไว้ในเสื้อสิ หรือไม่ก็จับมือตัวเอง” ฉันแนะนำแล้วจากนั้นก็เริ่มทาเบตาดีนให้พี่เขา “จับมือตัวเองไม่อุ่นเท่าจับกับคนที่อยากจับ” “งั้นพี่ก็คงขาดความอบอุ่น เพราะนิ่มก็เห็นพี่จับมือผู้หญิงทุกคน” “พี่ไม่เคยจับใครก่อน มีแต่ผู้หญิงพวกนั้นที่มาจับพี่” “ก็พี่หล่อไง” “แต่ตอนนี้พี่ไม่หล่อแล้วนะ ยังชอบพี่อยู่ไหม” “เสร็จแล้วค่ะ ถ้ายังไงพี่ก็กินยาแก้ปวดกับแก้อักเสบนะ นี่นิ่มเอามาให้ แต่ถ้าไม่ไหวก็ไปโรงพยาบาล” ฉันบอกแล้วก็ยัดยาใส่มือให้พี่ชอปเปอร์ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเตรียมทุกอย่างให้พี่เขาขนาดนี้ รู้ตัวอีกทีทั้งยาและอุปกรณ์ทำแผลมันก็มาอยู่ในมือฉันแล้ว “งั้นนิ่มกลับบ้านก่อนนะ ส่วนพี่ก็ขับกลับดี ๆ ถ้าปวดหัวก็กินยาแล้วนอนพักก่อน” ฉันเก็บของแล้วลุกขึ้น เมื่อพี่ชอปเปอร์ไม่ทำอะไรนอกจากมองยาในมือแล้วก็มองหน้าฉัน “คบกันไหม” พี่ชอปเปอร์คว้ามือฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านเขา “อะไรของพี่เนี่ย เล่นบ้าอะไร ถ้าจะมาเล่นกับความรู้สึกของนิ่ม นิ่มไม่เล่นด้วยหรอกนะ กลับบ้านพี่ไปได้แล้ว” ฉันพูดด้วยความไม่พอใจ ตอนแรกก็ไม่ถือสา ไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดมาก่อนหน้านี้ แต่พอพูดไม่เลิกฉันก็เริ่มจะหงุดหงิดแล้วไง ทำไมต้องเอาความรู้สึกของฉันไปเล่น ต้องการอะไรจากคนอย่างฉัน “พี่ไม่ได้เล่น พี่พูดจริง พี่ไม่เคยขอคบใคร” พี่ชอปเปอร์ทำหน้าจริงจัง “พี่จะพูดแบบนี้กับใครก็ได้ แต่อย่ามาพูดกับนิ่ม เพราะนิ่มรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพช คือสภาพนิ่มมันไม่ได้เหมาะสมที่คนอย่างพี่จะมาขอคบเลย ดูสภาพนิ่มกับพี่ดิ อย่าล้อเล่นกับความรู้สึกคนพี่ชอปเปอร์” ฉันแกะมือพี่ชอปเปอร์ออก แล้วเลือกจะเดินมาตรงที่จอดจักรยานไว้ ทว่าพี่ชอปเปอร์ดึงฉันเข้าไปกอด แล้วก็พูด “พี่รักนุ่มจริง ๆ พี่ไม่เคยคิดจะเล่นกับความรู้สึกนุ่ม พี่ไม่เคยพูดคำว่ารักกับผู้หญิงคนไหน มันเพียงพอที่จะเชื่อพี่สักนิดได้ไหม แล้วอย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น เพราะพี่รักนุ่มที่จิตใจของนุ่ม ไม่ใช่รูปร่าง พี่ไม่ชอบโกหก ทุกอย่างที่พี่พูดมันคือความรู้สึกจริง ๆ ของพี่” นี่มันวันอะไร มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันนะ หรือว่าฉันจะฝัน ใช่ ! ฉันคงแค่ฝัน “คบกันนะ คบกันเถอะ จะให้พี่เปิดเผยกับใครก็ได้ แค่นุ่มตอบตกลงพี่พร้อมจะชัดเจน” พี่ชอปเปอร์ผละกอดออกแล้วมองหน้าฉัน ครืด ครืด ครืด… ยกมือขึ้นดันพี่ชอปเปอร์ออกแล้วก็ล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “อย่ารับ” พี่ชอปเปอร์รีบพูด เมื่อมองเห็นหน้าจอของฉันว่าใครคือคนที่โทรเข้ามา สายที่โทรเข้ามาคือเพื่อนสนิทของพี่ชาย ที่บอกว่าทำดีกับฉันเพราะสงสารฉัน กลัวว่าฉันจะโดนเหมือนน้องสาวของเขา “ขอร้อง…อย่ารับ” ฉันควรจะเชื่อพี่ชอปเปอร์ หรือควรจะกดรับสายดี…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD