12
1529 Words
12
เอกบุรีมาถึงคลับเอสเกือบสองทุ่ม เขาเดินเข้าไปในสถานบันเทิงอย่างคุ้นเคย ทักทายเพื่อนร่วมงานและพนักงานในคลับตามประสา ก่อนจะมุ่งตรงไปยังห้องทำงานของอารยาที่อยู่บนชั้นสี่ของอาคาร พอเปิดประตูแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องก็พบว่า วันนี้อารยาไม่ได้อยู่ตามลำพัง ยังมีแขกอีกสามคนนั่งอยู่ด้วย ยังมีบุคคลที่เขานับถืออีกสามคนนั่งอยู่ด้วย
“สวัสดีครับพี่เปิ้ล พี่จ๋า พี่นัน พี่เกียรติ” เอกบุรีกล่าวสวัสดีคนที่นั่งอยู่ในห้อง
“เข้าไปคุยข้างในดีกว่านะ”
อารยาพูด เธอลุกขึ้นยืนเดินไปยังชั้นวางหนังสือติดฝาผนัง ดึงหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่ชั้นสามออกมาครึ่งหนึ่ง อึดใจต่อมาชั้นวางหนังสือก็แยกออก เผยให้เห็นช่องทางเดินยาวประมาณสิบห้าเมตร เป็นทางเชื่อมต่อไปยังห้องลับที่น้อยคนจะรู้
“มีอะไรคืบหน้าบ้างเอก”
ร้อยตำรวจเอกหรือสารวัตรเกียรติศักดิ์ถามเอกบุรี เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องลับที่ไม่มีใครได้ยินการสนทนาของพวกเขานับจากนี้
“พูดมาเลย พวกพี่รอฟังอยู่” อารยาเอ่ย
“ได้เรื่องมากเลยครับ ตอนนี้คุณดุจไว้ใจผมแล้ว ให้ผมรู้เรื่องธุรกิจมืดของเธอ วันนี้พี่ดุจพาผมไปแมนชั่นของเธอแถวมีนบุรี แมนชั่นแห่งนี้จะมีนิติบุคคลดูแลอยู่ ซึ่งก็เหมือนกับทั่วๆ ไป แต่ที่ต่างกันคือ พนักงานในนิติบุคคลไม่ใช่แค่คนดูแลแมนชั่น พวกเขายังเป็นลูกน้องที่ดูแลธุรกิจผิดกฎหมายของเธอด้วย เวลาจะพูดคุยเรื่องงานหรือมีปัญหา พวกเขาก็จะมาคุยกันที่นี่ คนอื่นที่เห็นก็จะไม่ผิดสังเกต เพราะคิดว่าพี่ดุจมาตรวจดูความเรียบร้อยของแมนชั่นตามประสาคนเป็นเจ้าของ”
แท้จริงแล้วเอกบุรีไม่ได้เป็นแค่ผู้ชายป้ายเหลืองเพียงอย่างเดียว เขาเป็นสายลับหนุ่มที่เพิ่งเข้ามาทำงานเป็นครั้งแรก งานสายลับเป็นงานที่หนุ่มโฮสต์ไม่คิดว่าจะได้ทำ หากไม่เป็นเพราะน้องชายเพียงคนเดียวของเขาต้องจบชีวิตลงด้วยการถูกฆ่าตัดตอนจากขบวนการค้ายาเสพติด เขาคงไม่มีโอกาสได้ทำงานนี้
เดิมทีเอกบุรีคิดว่า การตายของน้องชายมีสาเหตุมาจากถูกคู่อริตามมาแก้แค้น เนื่องจากน้องชายเขามีนิสัยคล้ายนักเลง อยู่กับพวกคนไม่ดีตั้งแต่วัยรุ่น ซึ่งเขาก็ออกปากเตือนนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าน้องชายก็ไม่ฟัง ทำตัวเกเรมาตลอด สร้างปัญหาให้เขาไม่รู้จักหยุดหย่อน แต่ทำบอกเล่าจากปากเพื่อนสนิทน้องชายทำให้เขาถึงกับตัวชา ความเสียใจมาพร้อมกับความโกรธ
“ไอ้โตมันถูกฆ่าตัดตอนน่ะพี่เอก มันไปเป็นคนส่งยาให้เจ๊ใหญ่มาสองสามปีแล้ว มันคิดจะเลิกเพราะมันอยากบวชให้พี่ พอเจ๊รู้ว่ามันจะเลิกทำ เจ๊ก็เลยสั่งฆ่าซะ ไอ้โตมันรู้ความลับของเจ๊เยอะ เจ๊ไม่เอามันไว้หรอก เจ๊คงกลัวไอ้โตหลุดปากพูดกับใครเข้าก็เลยฆ่าทิ้ง เจ๊พูดเสมอว่า คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้”
เอกบุรีจึงรู้ว่า นอกจากเอกวัตรจะเป็นนักเลงคุมบ่อน ยังเป็นเอเย่นส่งยาเสพติดให้เจ๊ใหญ่ พอรู้ความจริง เขาเข้าแจ้งความกับตำรวจ ให้กฎหมายบ้านเมืองตามตัวคนผิดมาลงโทษ ทว่าเขาคิดผิดที่ทำเช่นนั้น วันที่เขาเข้าแจ้งความเป็นวันที่ตำรวจในพื้นที่ปิดคดี และไม่รับเรื่องร้องทุกข์จากเขา เอกบุรีโกรธมาก กำลังจะโวยวาย แต่มีเสียงหนึ่งห้ามไว้แล้วเรียกเขาเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว บุคคลที่ห้ามเอกบุรีก็คือ ร้อยตำรวจเอกเกียรติศักดิ์ที่ทั้งพูดและหว่านล้อมให้เขาร่วมมือกันขยายผลจับกุมเจ๊ใหญ่อย่างเงียบๆ เอกบุรีตอบตกลงโดยไม่คิด เพราะมีความต้องการให้คนผิดถูกลงโทษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
จากข้อมูลในมือของสารวัตรเกียรติศักดิ์ เจ๊ใหญ่ที่กล่าวมาคือดุจดารา เศรษฐีนีสามีตายที่ทิ้งมรดกไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แหล่งที่มาของเงินได้ของอดีตสามีคือ อพาร์ตเม้นต์ แมนชั่นและคอนโดให้เช่า ที่มีอยู่ยี่สิบที่กระจายทั่วกรุงเทพมหานคร รายได้จากส่วนนี้ต่อเดือนหลายล้านบาท มองผิวเผินความร่ำรวยของดุจดาราไม่ได้เป็นที่จับตามอง หากไม่เป็นเพราะในระยะเวลาสามปีทีผ่านมา ดุจดาราร่ำรวยผิดปกติ และมีข่าวจากวงในระดับลับสุดยอดออกมาเปิดเผยว่า นางผันตัวเองจากเจ้าแม่ห้องเช่ามาเป็นเจ้าแม่ยาเสพติด
การสืบหาเบาะแสเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น โดยมีผู้กำกับชัชวาลเป็นหัวหน้าชุดสืบสวนพิเศษ เกียรติศักดิ์เป็นผู้ช่วยและเป็นคนประสานงานกับอารยา เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังที่ให้ความร่วมมือกับเกียรติศักดิ์และทีมสืบสวนเป็นอย่างดี เพราะเธอก็มีเป้าหมายเดียวกันกับเอกบุรีที่ว่า ต้องการให้ขบวนการนรกหมดไปจากผืนแผ่นดินไทย ไม่ต้องการให้ใครตายเพราะมันอีก บิดาเธอเป็นนายตำรวจมือสะอาด ทำงานด้วยความตั้งใจ แต่ต้องมาจบชีวิตลงเพราะความตงฉิน ไม่ยอมให้อำนาจเงินจากมือคนสกปรกครอบคลุมจิตใจ เมื่อไม่ให้ความร่วมมือกับนักค้าอาวุธเถื่อน มันจึงสั่งสังหารบิดาเธอ
การฟื้นฟูกิจการคลับเอสจึงเกิดขึ้น เพราะสถานที่แห่งนี้เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นหน่วยลับในการค้นหาข้อมูลของเป้าหมาย ตบตาคนภายนอกได้เป็นอย่างดี ส่วนใหญ่สถานบันเทิงย่านนี้มักจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น มากน้อยแล้วแต่ความใหญ่โตของสถานที่ และบ่อยครั้งที่คนรับส่วยจะมาหาความสุขในสถานที่ที่ตนเองได้รับเงิน
คลับเอสจึงต้องทำให้แนบเนียน อารยาจ่ายส่วยให้ตำรวจในพื้นที่ ซึ่งตำรวจที่ว่านั้นคือเกียรติศักดิ์ ที่ทำตัวแนบเนียนไม่แพ้กัน แวะเวียนมาหาความสุขความสำราญในคลับเอสบ่อยครั้ง แล้วยังไปสถานบันเทิงอื่นในละแวกเดียวกันเนืองๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย จึงไม่มีใครคิดว่าสถานบันเทิงชื่อดังจะมีนัยยะแอบแฝง ซ่อนเร้นความจริงบางอย่างไว้
และดูเหมือนว่า ทุกอย่างจะอำนวยในการทำงานเป็นสายลับมือใหม่ เป็นเพราะเอกบุรีมีอาชีพเป็นผู้ชายอย่างว่า ที่สำคัญดุจดาราเป็นสตรีขี้เหงา ใช้เงินซื้อความสุขทางกายเสมอ และสถานที่ที่นางมักไปหาความสุขคือ คลับเอส เอกบุรีจึงย้ายสถานที่ทำงานมาคลับเอส เพื่อสะสางบัญชีแค้น
ทางทีมสืบสวนไม่ได้หวังให้ดุจดาราซื้อเอกบุรีแบบเหมารายอาทิตย์หรือรายเดือน เพราะคิดว่าเป็นเรื่องยากและอาจเป็นไปไม่ได้ จากประวัติที่สืบทราบมา ดุจดาราระวังตัวมาก ไม่เลี้ยงดูผู้ชายเป็นตัวเป็นตน จ่ายเงินซื้อความสุข เมื่อทุกอย่างจบก็แยกจากกัน ทีมสืบต้องการเพียงให้เอกบุรีเป็นคู่ขาประจำของดุจดารามากกว่า ทว่าผลที่ออกมาดีเกินคาด
“แล้วไงต่อ” อารยาเป็นคนถาม
“วันนี้ที่พี่ดุจไปหาลูกน้องเธอ เพราะสินค้าที่กำลังส่งเข้ามาในเมืองไทยล็อตใหม่เกิดปัญหา ปัญหาที่ว่านี้คือ พวกมดส่งของชุดเดิมถูกตำรวจตระเวนชายแดนจับกุม ถูกจับพร้อมของกลางพันกว่าเม็ด พวกมันถูกสอบสวนอย่างหนักเพื่อให้ได้ตัวหัวหน้าขบวนการ แต่ก่อนที่จะหลุดปากพูดอะไรก็ถูกเก็บซะก่อน ปัญหาจึงตามมาว่า ไม่มีมดส่งของให้ ทำให้การส่งของล่าช้า ต้องรอให้ทางโน้นจัดการหามดชุดใหม่ และรอเรื่องซาลงก่อนถึงจะเริ่มส่งของให้พี่ดุจครับ”
เอกบุรีทำตัวเหมือนนักแสดงมืออาชีพ เขาแสร้งทำเป็นตกใจเมื่อรู้ว่า ดุจดาราคือเจ้าแม่นักค้ายาเสพติด ไม่ใช่แค่มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า รายได้หลักเพียงอย่างเดียว ยังมีธุรกิจมืดที่ทำรายได้มหาศาลให้นางอีกด้วย รับปากนางเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะให้ความลับนี้ตายไปพร้อมกับตน อีกทั้งยังเอ่ยปากรับคำจะช่วยดุจดาราทำงานให้สมกับที่นางไว้ใจ
“แล้วดุจจะทำไงต่อล่ะ ฉันได้ข่าวมาว่า ของที่เจ๊ใหญ่สั่งเข้ามาล็อตนี้มากโขเลยนะ ถ้าไม่มีส่งให้ลูกค้ารายใหญ่จะทำยังไง” เกียรติศักดิ์ถาม
“พี่ดุจใช้วิธี เอาคนของเธอไปขนสินค้าเองครับ โดยเข้ามาทางชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะจุดนั้นพี่ดุจให้ส่วยเจ้าหน้าที่ชายแดนไว้เยอะ สะดวกกับการขนที่สุดครับ” สายลับหนุ่มตอบ
“ขนเมื่อไหร่” นันทภัคถาม
“จะขนมะรืนนี้ครับ”
“มีความคืบหน้าแล้ว จะวางแผนจับเจ๊ใหญ่เลยหรือเปล่าคะ” เบญญาภาเอ่ยถาม
- Writer
