10

1984 Words
10 “นั่นมันเป็นปัญหาของเธอ เธอจะหาได้หรือไม่ได้ฉันก็ไม่เดือดร้อน” สบโชคหยักไหล่เวลาพูด นัยน์ตาเขามองเบญญาภาอย่างจาบจ้วง มองนานเป็นพิเศษตรงทรวงอกอวบอั๋น คนถูกมองเริ่มใจคอไม่ดีเพราะรู้ความคิดอดีตสามี “เธอสวยขึ้นนะจ๋า สวยจนฉันอยากจะ...” “แกอย่าทำอะไรบ้าๆ นะ ฉันแทงแกด้วยกรรไกรจริงๆ ด้วย” เธอขู่ หยิบกรรไกรขึ้นมาไว้ในมืออีกหน สายตาหวาดกลังจ้องมองอดีตสามี “เธอคิดเหรอว่า กรรไกรอันนี้มันจะช่วยเธอได้ ถ้าฉันคิดจะนอนกับเมียตัวเอง” สบโชคไม่กลัว เขายิ้มเยาะ ก้าวเดินมาหาสาวร่างสวย “อย่าลืมสิว่าในทางนิตินัยเรายังเป็นผัวเมียกันอยู่ แล้วฉันจะทำอะไรกับเมียตัวเองก็ได้” “ฉันไม่ใช่เมียแก ไอ้วิปริต” ความกลัวของเบญญาภาอาบไปทั่วจิตใจ กลัวเสียจนคิดอะไรไม่ออก แม้แต่หาทางเอาตัวรอด ยิ่งภาพในวันเข้าหอวนเวียนในหัว เธอเหมือนคนฟุ้งซ่าน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กรุ๊งกริ๊ง...กรุ๊งกริ๊ง เสียงโมบายดังขึ้น เปรียบเสมือนเสียงจากสวรรค์ เป็นระฆังช่วยชีวิตเบญญาภา เจ้าของร้านหันไปมองต้นเสียง เธอรู้สึกราวกับว่าความรู้สึกทั้งหลายก่อนหน้านี้ ถูกสายน้ำพลังมหาศาลชะล้าง มันหายไปหมดสิ้น สบโชคถอยเท้าที่กำลังก้าวเดินไปหาเบญญาภา เมื่อมีบุรุษร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาในร้าน สบโชคหันมองเจ้าของร้าน ก่อนจะเดินออกไปจากร้านทันที โดยมีสายตาของกันต์ธีร์มองตามไปอย่างจับพิรุธ “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณจ๋า ผู้ชายคนนั้นทำอะไรคุณครับ ท่าทางเขาแปลกๆ” กันต์ธีร์ถาม เดินไปหาเบญญาภาที่หัวใจยังคงเต้นเร็ว แม้ว่าความกลัวจะหมดไป กำกรรไกรไว้แน่น “อ๋อ ไม่เป็นอะไรค่ะ” เธอตอบเสียงสั่น วางกรรไกรลงบนเคาน์เตอร์ “ผมคิดว่าไม่น่าใช่ หน้าตาคุณตอนนี้บอกให้ผมรู้ว่า มันมีอะไร” กันต์ธีร์เป็นคนช่างสังเกต ตอนที่เดินเข้ามาเขาเห็นความผิดปกติบางอย่าง เหมือนกับว่าเบญญาภากำลังมีปัญหากับชายคนนั้น ซึ่งกันต์ธีร์รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น พอเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาชายที่ตนไม่ชอบหน้าก็รีบเดินออกไปจากร้านทันที และสีหน้าเบญญาภาก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เขาจับสังเกตได้ “จ๋าไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” เบญญาภาฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความรู้สึก “คุณกันต์มารับดอกไม้ใช่ไหมคะ รอสักครู่ค่ะ เดี๋ยวจ๋าไม่หยิบมาให้ค่ะ” เบญญาภาวางกรรไกรลงที่เดิม รีบเดินไปหยิบช่อดอกไม้ที่กันต์ธีร์สั่งไว้ ช่วงเวลาที่จับช่อดอกลิลลี่ที่เธอจัดแต่งอย่างสวยงาม เธอรู้สึกอิจฉาผู้หญิงที่จะได้รับช่อดอกไม้ช่อนี้ ใจสาวห่อเหี่ยวเศร้าหมองอย่างบอกไม่ถูก เบญญาภาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันแปลกเหลือเกิน เหตุใดจิตใจเหมือนคนกำลังถูกหักอก เป็นเวลาชั่วครู่ กว่าเธอจะดึงสติกลับมา หมุนตัวเดินไปหาเจ้าของดอกไม้ที่สั่งไว้ “ได้แล้วค่ะ การ์ดจ๋าไม่ได้แกะจากซองนะคะ ห้อยไว้ตรงโบว์ค่ะ” เธอเอ่ยเสียงหวาน พร้อมรอยยิ้มบางๆ “หน้าคุณตอนนี้ดูเศร้าจังเลยครับ คุณจ๋าไม่ได้เป็นอะไรแน่นะครับ ผู้ชายคนนั้นเขามีปัญหากับคุณใช่ไหมครับ” กันต์ธีร์ถามด้วยความเป็นห่วง ใจเขาไม่ดีเลยที่เห็นหน้าตาสะสวยเป็นแบบนี้ “จ๋าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ ที่ดูหน้าเศร้าอาจเป็นเพราะก่อนหน้าที่คุณกันต์จะเข้ามา จ๋าดูหนังดราม่าอยู่ค่ะ เศร้าตามหนังที่ดู ส่วนเรื่องผู้ชายคนนั้นก็ไม่มีอะไรค่ะ คุณกันต์อย่าเก็บมาใส่ใจเลยค่ะรกสมองเปล่าๆ” “แน่นะครับ ถ้ามีอะไรบอกผมได้ ผมจัดการให้” “แน่สิคะ ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ” เธอยืนยันกับเขา “ค่าดอกไม้หนึ่งพันบาทค่ะ” กันต์ธีร์มองหน้าเธอนิ่ง เขาไม่เชื่อคำพูดของเบญญาภา แต่ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เขารู้ ชายหนุ่มก็ไม่คาดคั้น ควักเงินหนึ่งพันบาทจ่ายเป็นค่าดอกไม้ช่อสวย “คุณจัดดอกไม้สวยจังนะครับ แค่ดอกเดียวยังจัดได้สวยขนาดนี้ ถ้าจัดเป็นช่อใหญ่คงสวยน่าดู” กันต์ธีร์เอ่ยชมจากใจจริง “ขอบคุณค่ะ จ๋าจัดตามที่เจ้าของร้านเดิมสอนน่ะคะ อาศัยดูในเน็ตบ้าง ในหนังสือบ้าง เสริมความรู้ค่ะ” เธอบอกอย่างไม่ปิดบัง สมัยนี้หาที่เรียนรู้ได้ง่าย แค่หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็ได้รู้เรื่องที่อยากรู้ “จ๋าจัดดอกไม้ให้คุณเต็มที่ค่ะ รับรองว่าผู้หญิงที่คุณมอบดอกไม้ให้จะต้องชอบและพอใจแน่ๆ” หัวใจสาวปกคลุมไปด้วยความเศร้าเมื่อพูดประโยคนี้ เบญญาภาพยายามขจัดความรู้สึกนี้ออกไป ทว่ามันยากเย็นที่จะทำ เสมือนมันฝังแน่นก็ไม่ปาน และมีความอิจฉาผู้หญิงคนนั้นไปในทีอีกด้วย “เขาจะชอบหรือไม่ชอบ คุณจ๋าถามเขาเองดีกว่าครับ แต่ผมคิดว่า ต้องชอบแน่ๆ ครับ” เบญญาภาเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจความหมายของกันต์ธีร์ “เพราะช่อดอกไม้ช่อนี้ ผมตั้งใจมอบให้คุณครับ” กันต์ธีร์ยื่นช่อดอกไม้ให้สาวตรงหน้า เบญญาภาตกอยู่ในอาการอึ้ง ความรู้สึกอิจฉา เจ็บแปลบในหัวใจเปลี่ยนเป็นความตกใจ มองหน้าบุรุษรูปงามที่ยื่นดอกไม้ให้นิ่ง ทำอะไรแทบไม่ถูก ไม่คิดว่า ช่อดอกไม้ช่อนี้จะเป็นของตน “ผมตั้งใจมอบให้คุณจ๋าครับ” เขาพูดอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายตกอยู่ในอาการนิ่งงัน “เอ่อ...จ๋าคงรับไว้ไม่ได้ค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ” เธอปฏิเสธเสียงเบา ทั้งที่ใจอยากจะเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้ อีกทั้งหัวใจยังเต้นแรงผิดจังหวะ มือชื้นเหงื่อ “ทำไมล่ะครับ ผมตั้งใจมอบให้คุณจ๋า หรือว่าคุณจ๋ารังเกียจผมถึงได้ไม่รับดอกไม้ช่อนี้ ” คนที่ไม่เคยถูกผู้หญิงปฏิเสธยิงคำถามใส่ น้ำเสียงเขาไม่มีความโกรธเคืองหรือไม่พอใจ แต่กลับเป็นความสงสัยมากกว่า “ไม่ใช่เรื่องรังเกียจค่ะ แต่คุณจะให้ดอกไม้จ๋าในฐานะอะไรคะ ถ้าในฐานะเพื่อน จ๋ายินดีรับมันไว้ แต่ถ้าคุณกันต์คิดกับจ๋ามากกว่าเพื่อน จ๋าไม่ขอรับมันไว้ค่ะ และต้องขอโทษที่พูดตรงๆ” มีผู้ชายหลายคนเข้ามาจีบเบญญญาภา แต่เธอก็ไม่สานต่อความสัมพันธุ์ตั้งแต่ชายคนนั้นเริ่มต้น เบญญาภาไม่ต้องการสานต่อความรู้สึกใดๆ กับชายใดทั้งสิ้น เธอยังเข็ดขยาดกับรักเก่าที่ฝังแน่นในจิตใจ ไม่ใช่เพราะเลิกรักสบโชคไม่ได้ เป็นเพราะหญิงสาวหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างต่างหาก กลัวจนไม่กล้ารักใคร... “ผมชอบคนพูดตรงๆ ครับ และผมก็เป็นคนพูดตรงๆ เหมือนกัน ผมรู้สึกยังไงก็จะบอกออกไปอย่างนั้น ผมตั้งใจจะจีบคุณ ผมชอบคุณครับ” กันต์ธีร์เอ่ยจากใจ ไม่ปิดบังอ้อมค้อมให้เสียเวลา แล้วคำพูดตรงราวกับไม่บรรทัดของเขาทำให้หัวใจสาวเต้นผิดจังหวะ เธอรู้สึกตื่นเต้นกับคำว่า ‘ผมชอบคุณ’ ประหนึ่งอยู่ในวัยแตกเนื้อสาว ถูกชายหนุ่มชอบพอเป็นครั้งแรกก็ไม่ปาน ทั้งที่เบญญาภาเคยผ่านช่วงเวลาถูกจีบมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอจะเป็นเช่นนี้ แม้แต่ตอนที่ถูกสบโชคจีบ แววตาของผู้พูดก็จริงใจเสียเหลือเกิน ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เธอต้องรีบกันเขาออกไปจากชีวิต เหมือนผู้ชายรายอื่น “ขอบคุณนะคะที่พูดตรงๆ จ๋าก็จะบอกคุณตรงๆ ไม่ปิดบังเหมือนกันค่ะ” เธอใช้ไม้นี้ได้ผลเสมอ ผู้ชายที่เข้ามาขายขนมจีบ หากรู้ว่า เธอผ่านการแต่งงานมาก่อน มักถอยหนีทุกราย กันต์ธีร์ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น “จ๋าจะบอกคุณว่า จ๋าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ผุดผ่อง จ๋าแต่งงานแล้ว และผู้ชายที่ออกไปจากร้านเมื่อกี้ก็เป็นอดีตสามีของจ๋าค่ะ จ๋าไม่อยากให้คุณเสียเวลากับจ๋า เพราะจ๋าไม่คิดจะแต่งงานเป็นครั้งที่สองค่ะ พูดแค่นี้คุณกันต์คงเข้าใจนะคะ” เป็นความจริงที่เรียกอาการอึ้งให้กับกันต์ธีร์ไปชั่วขณะหนึ่ง มองหน้าสาวสวยที่มัดใจตนได้อยู่หมัดตั้งแต่แรกเห็นนิ่ง คล้ายกับว่ากำลังประเมินบางอย่างในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เบญญาภารู้สึกเสียใจที่บอกความจริงกับชายตรงหน้า แต่เธอต้องทำเพราะไม่อยากผิดหวังและพลาดพลั้งซ้ำสอง การมองคนผิด ทั้งที่แน่ใจแล้วว่าสบโชคเป็นคนดี เป็นคนที่เธอฝากชีวิตไว้กับเขาได้ แต่ไม่เลย...เธอไม่รู้จักสบโชคเลยสักนิดเดียว เบญญาภารู้จักเพียงแค่เปลือกนอกของเขา พอรู้จักเปลือกในก็ในวันที่สายเกินไป หญิงสาวจึงปิดกั้นตัวเองกับผู้ชายทุกคนที่หมายปองเธอ แม้แต่กันต์ธีร์ ชายหนุ่มดูอบอุ่น อ่อนโยนก็ไม่เว้น “ก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่ครับ เท่าเทียมดีออก” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เป็นยิ้มจริงใจ “คุณบอกว่าคุณไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชายบริสุทธิ์เหมือนกัน ผมนอนกับผู้หญิงมากหน้าหลายตานับครั้งไม่ถ้วน เห็นไหมว่า เราเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นผมจะจีบคุณต่อไป” เบญญาภาถึงกับไปไม่เป็น ตกใจจนพูดไม่ออก ไม่คิดว่าเขาจะไม่ล้มความตั้งใจ แถมเดินหน้าต่อไปอีกด้วย ยิ่งได้ฟังประโยคต่อมา ยิ่งทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ หัวใจหมองเศร้าที่เกาะกินมานานมีชีวิตชีวา ไม่แห้งแล้งไม่ต่างกับมีน้ำทิพย์ชโลมใจ “ผมไม่อยากให้คุณดูถูกตัวเอง คิดว่าถ้าหากบอกความจริงออกไปแล้วจะทำให้ผมล่าถอย คุณคิดผิดนะครับ มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ย่อมมีข้อดีและข้อเสียด้วยกันทุกคน การที่คุณจ๋าผ่านการแต่งงานมาแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องใหญ่ที่จะทำให้ผมเลิกล้มความตั้งใจ ผมรักใคร ผมรักที่หัวใจ ไม่สนใจอดีตว่าเป็นยังไง ผมสนใจแต่ปัจจุบันเท่านั้นครับ” กันต์ธีร์มองสบตาเบญญาภาระหว่างพูด ให้เธอเห็นความจริงใจจากแววตาของตน ที่ทำให้คนมองเห็นใจสั่น “วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะมาหาคุณจ๋าใหม่ และจะมาทุกวันจนกว่าคุณจ๋าจะรับรักผม สวัสดีครับ” กันต์ธีร์วางช่อดอกไม้ลงบนเคาน์เตอร์ เขาส่งยิ้มให้เจ้าของร้านที่ยืนอึ้ง ไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่ยืนมองเขาอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังประตูร้าน เบญญาภาใจเต้นระรัวกับคำพูดทิ้งท้ายของกันต์ธีร์ เธอมองเห็นความตั้งใจ มุ่งมั่นในสายตาเขาแล้วนึกหวั่นใจ กลัวว่ากำแพงสูงกางกั้นหัวใจจะทานรับเขาไม่ได้ เพราะแค่นี้ยังรู้สึกว่า กำแพงใจกำลังร้าว หากเขามาบ่อยๆ รุกหนักเพื่อให้ได้ความรัก มีหรือความตั้งใจที่ว่าจะไม่มีความรักเป็นครั้งที่สอง จะไม่พังครืนลงมา หญิงสาวเริ่มกลัวหัวใจตัวเอง และกำลังคิดว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD