8

1590 Words
8 อารยากับเบญญาภามองหน้ากัน ถอนหายใจพร้อมกัน ทั้งสองรู้ดีว่า นันทภัครักและกตัญญูกับเพ็ญแขมากแค่ไหน ยอมแม้กระทั่งถูกพ่อเลี้ยงทำร้าย แต่ไม่ยอมปริปากบอกเพ็ญแข เพราะไม่อยากให้มารดาคิดมากหรือเป็นทุกข์ อีกประการหนึ่งหากเพ็ญแขรู้เรื่อง ต้องไปต่อว่าอำนวย และนั่นอาจะเป็นที่มาของการทะเลาะเบาะแว้ง เพ็ญแขอาจถูกอำนวยทำร้าย ซึ่งเป็นเรื่องที่นันทภัคยอมไม่ได้ เธอจึงเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้กับตัวเอง มีอารยากับเบญญาภาเป็นที่ระบายความทุกข์ “ฉันได้ยินแกพูดอย่างนี้ ทำให้ฉันคิดว่า พ่อเลี้ยงแกกำลังขายแกกินนะ เอาตัวแกไปแลกหนี้สิน แถมได้เงินมาใช้ฟรีๆ เป็นล้าน” อารยาพูดตามตรง มองหน้าเพื่อนที่หน้าตาซีดเซียว น้ำตานองหน้าแล้วยิ่งสงสารขึ้นหลายเท่า “ฉันรู้ว่าแกรักแม่แกมาก แต่แกก็ควรรักตัวแกเองบ้างนะ การแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก มันก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น แกจะมีความสุขได้ยังไง” อารยาเห็นใจนันทภัคมาก ตลอดระยะเวลาที่รู้จักกัน เธอมักได้ยินแต่เรื่องทุกข์ใจ เศร้าหมองของนันทภัคมากกว่าความสุขที่แทบจะนับครั้งได้ เธอเคยแนะนำให้พาเพ็ญแขออกมาจากบ้านหลังนั้น มาอยู่กันตามลำพังสองคนแม่ลูก ทว่าเพ็ญแขไม่ยอมเพราะสำนึกในบุญคุณและรักอำนวยมาก อีกทั้งยังมีโซ่ทองคล้องใจกับอำนวยอีกคนคือ นันทนา เรื่องที่เธอเสนอแนะจึงไม่เป็นผล ครั้นจะให้นันทภัคย้ายออกมาอยู่กับตน เพื่อนรักก็ไม่ยอม อ้างว่าห่วงมารดา เกรงว่ายามอำนวยเมาขาดสติ จะไม่มีคนคอยกีดกันไม่ให้พ่อเลี้ยงทำร้ายแม่ตัวเอง ในเมื่อทางนั้นก็ไม่ได้ วิธีนี้ก็ไม่ได้อีก อารยาจึงปล่อยตามใจเพื่อนรัก ได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง “เปิ้ลพูดถูกนะ แกทุกข์ใจกับพ่อเลี้ยงแล้วก็น้องสาวแกมามากแล้ว แกจะต้องทนทุกข์ใจไปถึงไหน แกน่าจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความสุขของตัวเองได้แล้วนะ” เบญญาภาร่วมช่วยพูด “น้านวยก็อะไรกับแกหนักหนา น้านวยไม่รักแก ฉันก็เข้าใจในเหตุผล แต่ไม่น่าจะทำถึงขั้นลงไม่ลงมือ ที่สำคัญไม่น่าเอาตัวแกไปแลกกับหนี้ที่แกไม่ได้ก่อ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจน้านวยจริงๆ” เบญญาภาเป็นอีกหนึ่งคนที่รับรู้เรื่องราวของนันทภัค ได้รับรู้มากเท่าไหร่ ความเกลียดชัง ไม่ชอบหน้าที่มีต่ออำนวยยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่เธอคงทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นระบายออกไป “ฉันขอบใจที่แกสองคนหวังดีกับฉัน แต่ฉันทำตามที่พวกแกแนะนำไม่ได้หรอก ฉันเป็นห่วงแม่ ฉันกลัวพ่อตบตีแม่ ฉันทนทุกข์ทรมานเองดีกว่าที่จะเห็นแม่ถูกทำร้าย” นันทภัคพูดเสียงเบา “ที่ฉันเล่าให้แกสองคนฟัง ไม่ใช่เพราะต้องการหาทางออก เพียงแค่ฉันอยากจะระบายความอัดอั้นออกไปบ้าง ฉันกลัวว่าเก็บไว้คนเดียวเส้นเลือดในสมองจะแตกตาย” ทุกข์ครั้งที่นันทภัคมีเรื่องทุกข์ ซึ่งต้นเหตุของความทุกข์มีเพียงเรื่องเดียวคือ เรื่องภายในครอบครัว เธอมักจะมาปรับทุกข์กับเพื่อนรักทั้งสองเสมอ เล่าไปร้องไห้ไป ระบายความอัดอั้นที่อัดแน่นในอุราให้เบาบางลง เธอกลัวว่าหากเก็บมันไว้คนเดียว อาจเป็นโรคประสาทเข้าสักวัน “ชีวิตของแก แกเลือกเอง แกก็ต้องยอมรับผลที่แกเลือกด้วยนะ ฉันกับจ๋าเต็มใจช่วยแก ขอแค่แกอ้าปากบอก ฉันเต็มที่กับแกเสมอ แกยังมีโอกาสคิดทบทวนนะนัน ฉันอยากให้แกคิดดีๆ” อารยาอยากให้นันทภัคคิดทบทวนอีกครั้ง เพราะไม่ต้องการให้เพื่อนทุกข์ใจไปมากกว่านี้ “ฉันคิดทบทวนแล้ว ฉันไม่เปลี่ยนใจ ฉันยอมรับผลที่จะตามมา” นันทภัคตอบเสียงเบา น้ำตาหยดเคลียแก้ม “ทุกการตัดสินใจของฉัน ถ้าเป็นผลดีกับแม่ ฉันพร้อมและเต็มใจทำ แม้ว่าจะเจ็บปวดและทุกข์ใจ” ในยามร้องไห้คำตอบของนันทภัคช่างหนักแน่นเต็มไปด้วยความตั้งใจ สองสาวที่เป็นศิลาณีไม่พูดคำใดต่อ ทั้งสองเคารพในการตัดสินใจของเพื่อน และไม่เบื่อหน่ายที่จะได้รับฟังความทุกข์ของนันทภัค ที่นับต่อจากนี้คงมีเพิ่มมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่า ทางบ้านว่าที่สามีจะเป็นอย่างไร จะใจร้าย ใจดำ ทวีความทุกข์ใจให้นันทภัคหรือไม่ เสียงโมบายที่ห้อยไว้ตรงประตูร้านดังขึ้น ส่งผลให้การสนทนาของสามสาวยุติลงชั่วคราว คนเป็นเจ้าของร้านลุกขึ้นเดินออกไปต้อนรับลูกค้า ที่ทำให้เธอใจสั่นขึ้นมาทันใด “สวัสดีค่ะ” เบญญาภากล่าวคำทักทายพร้อมรอยยิ้ม “ผมชื่อกันต์ครับ” กันต์ธีร์แนะนำตัว “สวัสดีค่ะคุณกันต์” เธอทักทายอีกครั้ง และแนะนำตัวบ้าง “ดิฉันชื่อจ๋าค่ะ” “สวัสดีครับคุณจ๋า” เสียงทุ้มเอ่ย ล้วงมือหยิบเงินในกระเป๋า จากนั้นก็ยื่นให้เธอ “ผมเอาค่าดอกไม้มาให้คุณตามสัญญาครับ” “ขอบคุณมากค่ะ” “ผมอยากได้ดอกไม้สักช่อครับ” “เชิญนั่งก่อนค่ะ เราจะได้คุยรายละเอียดกัน” ทั้งคู่เดินไปนั่งบนเก้าอี้ริมร้าน มือเรียวสวยเปิดสมุดรับออเดอร์ เตรียมจดรายละเอียดลงไปในนั้น “คุณกันต์อยากได้ดอกไม้อะไรคะ แล้วให้ดิฉันจัดดอกไม้แบบไหน” “อย่าเรียกแทนตัวเองว่าดิฉันได้ไหมครับ ฟังห่างเหินยังไงบอกไม่ถูก แล้วชื่อเล่นคุณก็เพราะด้วย เรียกแทนตัวเองว่าจ๋าดีกว่าครับ” “ค่ะ ว่าแต่คุณกันต์อยากได้ดอกไม้อะไร แบบกระเช้าหรือแบบช่อดีค่ะ” เธอเอ่ยถาม “คุณชอบดอกไม้อะไรครับ” กันต์ธีร์ไม่ตอบคำถามเธอ แต่กลับยิงคำถามใส่อย่างมีเลศนัย แต่เมื่อเห็นสีหน้าของคนที่ตนถาม เขารีบพูดต่อ “คือผมไม่รู้ว่า ผู้หญิงที่ผมจะให้ดอกไม้ชอบดอกไม้อะไรครับ ผมก็เลยถามคุณดูว่า คุณจ๋าชอบดอกไม้อะไร ผมจะได้เอาเป็นบรรทัดฐานครับ” เบญญาภาใจสั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่า ผู้หญิงที่ผมจะมอบดอกไม้ให้ชอบดอกอะไร เพราะทำให้เธอคิดว่า เขากำลังแอบชอบสตรีคนหนึ่งอยู่ และหมายใจจะจีบ จึงใช้ดอกไม้เป็นการสื่อถึงความรู้สึก ความหมองเศร้าปกคลุมจิตใจอย่างน่าประหลาด “อ๋อค่ะ” เธอทำเสียงรับรู้ “จ๋าชอบดอกลิลลี่สีขาวค่ะ” “ถ้าอย่างนั้นเอาดอกลิลลี่ครับ” “คุณกันต์เอากี่ดอกดีค่ะ แล้วให้จัดแบบไหน” เธอถามต่อ “ผมขอแค่ดอกเดียวครับ จัดเป็นช่อครับ” เขาตอบ มองดูเบญญาภาจดบันทึกรายละเอียดแล้วยิ้ม “คุณกันต์ต้องการดอกไม้เมื่อไหร่คะ แต่ถ้าต้องการวันนี้ จ๋าต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีดอกลิลลี่หมด ต้องรอพรุ่งนี้ค่ะ” “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ” “ค่ะ ทางร้านมีการ์ดให้ด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าจะให้จ๋าเขียนว่าอะไรคะ หรือว่าคุณกันต์จะเขียนเองตอนนี้ก็ได้นะคะ” “ผมขอเขียนเองดีกว่าครับ” “ได้ค่ะ เดี๋ยวจ๋าไปหยิบการ์ดก่อนนะคะ” เธอลุกเดินไปหยิบของดังกล่าว ก่อนจะกลับมาพร้อมกับมัน “นี่คะคุณกันต์บอกว่าจะใช้ดอกไม้พรุ่งนี้ เห็นทีคุณกันต์ต้องมารับเองนะคะ เพราะไม่รู้ว่าพุร่งนี้คนส่งของไม่รู้จะมาทำงานได้ไหม” “ไม่มีปัญหาครับ ผมมารับเองได้ครับ” เขาพูดขณะก้มหน้าลงเขียนข้อความลงในการ์ดขนาดเล็กที่มีกลิ่นหอม เมื่อเขียนเสร็จ เขาเอ่ยบอกความต้องการอีกหนึ่งอย่าง “ผมขอซองสีขาวสักซองได้ไหมครับ” “ได้ค่ะ” เบญญาภาไม่ได้ถามว่าเขาต้องการมันไปทำไม เดินไปหยิบให้ตามคำสั่ง “ผมไม่อยากให้ใครเห็นข้อความที่ผมเขียนลงไปครับ นอกจากเจ้าของดอกไม้ที่ผมจะให้” เขาบอกเธอในขณะที่สอดมันเก็บไว้ในซองสีขาว เบญญาภาได้ยินดังนั้นจึงเดินไปหยิบเทปใสมาปิดซองไว้ “รับรองค่ะว่า จะไม่มีใครเปิดอ่านข้อความในการ์ด นอกจากผู้หญิงคนนั้นค่ะ” เธอรับรองเสียงหวาน แม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีใครนำเข็มมาทิ่มใจจนเกิดความเจ็บปวดซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่า เกิดความรู้สึกนี้ได้อย่างไร “ขอบคุณครับ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เบญญาภายิ้มให้ชายรูปงาม ก่อนจะลุกเดินไปส่งเขาตรงประตู มองดูร่างสูงใหญ่เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าร้าน ตึกตัก...ตึกตัก วินาทีที่กันต์ธีร์หันกลับมามองเบญญาภา พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้หัวใจของคนถูกมองเต้นไม่เป็นจังหวะ ดังโครมครามเสมือนมีกลองระดมตีรัวอยู่ในนั้น นัยน์ตาเขาเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ก่อให้เกิดความร้อนวูบวาบตามผิวกาย จนต้องรีบหันหลังกลับเดินเข้าไปในร้าน เดินหนีความรู้สึกบางอย่างที่แวบเข้ามาในหัวใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD