7

1602 Words
7 กรุ๊งกริ๊ง... เสียงโมบายที่ติดอยู่หน้าประตูร้านดังขึ้น บอกให้คนในร้านรู้ว่ามีคนเข้ามาในร้าน คนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้เงยหน้ามองผู้มาเยือน ก่อนจะโปรยยิ้มหวานอย่างมีมิตรไมตรี เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก มองใบหน้าสวยหวานของสาวตรงหน้านิ่ง...นิ่งราวกับถูกมนต์สะกด “สวัสดีค่ะ รับดอกไม้อะไรดีคะ” เบญญาภาเอ่ยถามลูกค้าหนุ่มรูปหล่อที่มองตนตาค้าง เธอรู้สึกร้อนผ่าวบริเวณผิวแก้มกับสายตาคู่นั้น สายตาของเขาไม่ได้หยาบโลนหรือแสดงให้เห็นว่าเจ้าชู้ใส่เหมือนชายทั่วไปที่เธอเคยเจอ แต่เป็นสายตาแห่งความชื่นชม “คุณจะรับดอกไม้อะไรคะ” คำถามที่ดังซ้ำ ทำให้กันต์ธีร์ดึงตัวเองออกมาจากมนต์สะกด ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้สวยเลิศเลอ แต่รอยยิ้มของเธอต่างหากที่สยบเขาให้เคลิบเคลิ้ม “ผมขอโทษครับที่เสียมารยาทมองคุณ” กันต์ธีร์กล่าวคำขอโทษอย่างสุภาพ พร้อมรอยยิ้ม เบญญาภาถึงกับงง เพราะไม่เคยได้ยินผู้ชายที่มองเธอแล้วเอ่ยคำขอโทษเลยสักคน มีแต่จะลามเลียทางสายตาและคำพูดมากกว่า ทว่าเธอดึงความงงออกไปจากความรู้สึกในฉับพลัน เมื่อหวนนึกถึงอดีตอันเจ็บปวด... ผู้ชายหน้าตาดี พูดดีแต่ใจชั่วมีถมไป บทเรียนก็มี จงท่องจำไว้ให้ขึ้นใจ... “ไม่เป็นไรค่ะ” เบญญาภาไม่ติดใจ “ว่าแต่คุณจะรับดอกไม้อะไรคะ” “ผมมารับกระเช้าดอกไม้ให้คุณแม่น่ะครับ ท่านสั่งเอาไว้” กันต์ธีร์ตอบ มองเธอไม่วางตา เบญญาภาเริ่มเขินมากขึ้น เพราะนัยน์ตาเขาไม่เคลื่อนย้ายไปที่ไหนเลย นอกจากใบหน้าของตน ปกติแล้วหากมีผู้ชายมองเธอนานเกินไป เธอจะรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจ แต่ทำไมกับหนุ่มแลดูอบอุ่นคนนี้ถึงได้ไม่มีความรู้สึกนั้นเลย กลับขวยเขิน พวงแก้มร้อนผะผ่าว หัวใจเต้นแรงกว่าปกติอีกด้วย “ไม่ทราบว่า คุณแม่ของคุณชื่ออะไรคะ” เจ้าของร้านขอรายละเอียดเพิ่มเติม เพราะวันนี้มีนัดลูกค้ามารับดอกไม้หลายคน เก็บงำความรู้สึกที่มีต่อชายแปลกหน้าไว้สุดกำลัง “คุณหญิงอรทัยครับ” เขาตอบและยิ้มให้ “รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปหยิบมาให้ค่ะ” เบญญาภาเดินไปยังตู้เย็นขนาดใหญ่ เธอหยิบกระเช้าดอกลิลลี่ที่จัดแต่งอย่างสวยงามตามความต้องการของลูกค้า ก่อนจะเดินกลับไปหาเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจสาว “ได้แล้วค่ะ ฝากขอโทษคุณหญิงด้วยนะคะที่ไม่สามารถไปส่งให้ที่โรงพยาบาลได้” ปกติที่ร้านจะมีบริการส่งถึงที่หมายในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทว่าวันนี้คนส่งดอกไม้ลาป่วย จึงไม่มีใครไปส่งสินค้าให้ลูกค้าได้สักราย ครั้นเธอจะไปส่งเองก็ไม่ได้เพราะต้องดูแลร้านและจัดดอกไม้ ลูกค้าจึงต้องมารับดอกไม้ด้วยตัวเอง “คุณแม่ไม่ได้ว่าอะไรครับ ท่านเข้าใจครับว่าลูกน้องคุณลาป่วยไม่มีใครไปส่งแทน” กันต์ธีร์พูดอย่างเข้าใจในเหตุผล แล้วคิดว่าเป็นการดีด้วยซ้ำไปที่ร้านดอกไม้แห่งนี้ไปส่งสินค้าให้มารดาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เจอเธอ “ว่าแต่ค่าดอกไม้เท่าไหร่ครับ” “สองพันสองร้อยบาทค่ะ” กันต์ธีร์ทำท่าจะหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “ที่นี่รับบัตรเครดิตหรือเปล่าครับ พอดีผมมีเงินสดไม่พอ” “ที่นี่ไม่รับบัตรเครดิตค่ะ” เบญญาภาตอบเสียงนุ่มนวล “ถ้าคุณมีเงินสดไม่พอก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณหญิงสั่งดอกไม้ร้านฉันประจำ คราวหน้าคุณหญิงคงทบให้เองค่ะ” คุณหญิงอรทัยเป็นลูกค้าตั้งแต่เริ่มเปิดร้านใหม่ๆ ซึ่งหากจะนับจำนวนปีก็ราวสี่ปีเห็นจะได้ อรทัยอุดหนุนร้านดอกไม้ของเธอตลอด เดือนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสองครั้ง บางเดือนเป็นสิบครั้งก็มี ฉะนั้นเรื่องเงินที่ค้างไว้ จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอสักนิดเดียว เธอทำให้ฟรียังได้ “ของซื้อของขายติดกันมันไม่ดีครับ คุณขายดอกไม้ก็ย่อมต้องการเงิน” เขาพูดอย่างเข้าใจการทำธุรกิจ “เอาเป็นว่าตอนเย็นผมจะขับรถเอาเงินมาให้คุณนะครับ ผมต้องรีบเอากระเช้าดอกไม้ไปให้คุณแม่ก่อน เจอกันตอนเย็นนะครับ” กันต์ธีร์ไม่รอให้เธอกล่าวคำใด เขาคว้ากระเช้าดอกไม้แล้วรีบเดินออกไปจากร้านทันที “เดี๋ยวค่ะคุณ โอนมาก็ได้...” เบญญาภาก้าวเดินตามร่างสูงใหญ่ไป หมายจะบอกให้เขาใช้วิธีโอนเงินเพราะสะดวกที่สุด หากเทียบกับที่เขาจะมาจ่ายด้วยตัวเอง แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ลูกค้าขาประจำอีกคนได้เดินเข้ามาในร้าน เธอจำต้องดูแลลูกค้ารายนี้ เพราะลูกค้ากล่าวเร่งเนื่องจากจอดรถในที่ห้ามจอด ภายในรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่หน้าร้านดอกไม้อัญชัน เจ้าของรถไม่ได้เคลื่อนรถออกไปยังถนนที่มีรถหนาแน่น แต่เขากลับมองไปยังร้านดังกล่าวด้วยรอยยิ้ม และยิ่งนึกถึงภาพใบหน้าของเจ้าของร้าน หัวใจเขาขยายพองและเต้นแรงผิดปกติ กันต์ธีร์ไม่คิดเลยว่า การที่เขามารับกระเช้าดอกไม้แทนลุงหมาน คนขับรถของมารดาจะทำให้พบเจอหญิงสาวแสนน่ารัก ที่มัดใจเขาได้ทันทีในแรกเห็น ส่งผลให้เขากลายเป็นชายเจ้าเล่ห์มากแผนการ กันต์ธีร์มีเงินสดในกระเป๋าพอที่จะจ่ายค่าดอกไม้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ให้ เพราะต้องการหาข้ออ้างมาหาเธออีกครั้งอย่างแนบเนียน เสียงสะอื้นเบาๆ ดังประสานกันการบอกเล่าเรื่องราวแห่งความทุกข์ คนที่นั่งฟังมีพลอยซึมเศร้าและทุกข์ใจไปกับเพื่อนด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเจ้าของความเศร้านี้ได้อย่างไร นอกจากเป็นผู้ฟังที่ดีและคอยให้คำแนะนำ เจ้าของความทุกข์คือนันทภัคที่มาหาเบญญาภาที่ร้านเพื่อปรับทุกข์ โดยนัดหมายอารยาเพื่อนสนิทอีกคนมาด้วย พออยู่กันพร้อมหน้า นันทภัคเล่าที่มาของหยาดน้ำตาหลั่งริน “ฉันอยากช่วยแกนะ เอาอย่างนี้ไหม ฉันมีเงินเก็บอยู่สองแสน แกเอาไปให้แม่แกใช้หนี้เจ๊หงส์ก่อน แล้วก็ค่อยผ่อนให้ทุกเดือน แกจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับลูกชายเจ้หงส์” เบญญภาไม่ใช่คนร่ำรวย เธอเป็นเด็กกำพร้า เคยอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่งระยะหนึ่ง ก่อนที่ยายจะมารับไปอยู่ด้วย และอยู่กับยายตั้งแต่นั้นมา ยายของเธอมีอาชีพขายขนมและมีอาชีพเสริมอีกอย่างหนึ่งคือ รับจ้างร้อยพวงมาลัยส่งตามร้านขายดอกไม้ เบญญาภาจึงพลอยมีฝีมือการร้อยพวงมาลัยและการจัดดอกไม้ไปด้วย เธอตั้งใจว่า หากเรียนจบมหาวิทยาลัยจะเป็นคนดูแลยายบ้าง เพราะยายลำบากมามากแล้ว ทว่าความตั้งใจเป็นอันสะดุดเมื่อยายจากไปหลังวันรับปริญญาเพียงสามวัน เบญญาภาจึงไม่มีสมบัติมากมายพอที่จะช่วยเหลือเพื่อน จะมีเพียงเงินเก็บก้อนนี้เท่านั้น แล้วเธอก็ยินดีมอบให้นันทภัคอย่างไม่คิดเสียดายสักนิดเดียว “แกไม่ต้องเอาที่จ๋า มาเอาที่ฉัน ฉันจะใช้หนี้แทนแม่แกเอง แกจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับผู้ชายที่แกไม่ได้รัก ฉันไม่อยากเห็นแกทุกข์ไปมากกว่านี้ แค่ที่ผ่านมามันก็เต็มกลืนแล้ว” ในบรรดาสามสาว อารยามีฐานะมากที่สุด เพียงแค่เอ่ยปาก อารยาพร้อมจะช่วยเหลือเพื่อนเสมอ ทว่าเพื่อนทั้งสองคนกลับไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือใดๆ ยิ่งเป็นเรื่องเงินด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยร้องขอ แม้ว่าตัวเองจะฝืดเคืองมากแค่ไหนก็ตาม แต่ครั้งนี้อารยาไม่รอให้นันทภัคขอความช่วยเหลือ เธอหยิบยื่นน้ำใจให้เอง “ฉันขอบใจแกสองคนมากนะ แต่ฉันคงรับไม่ได้” นันทภัคกล่าวเสียงสั่นเครือ สูดน้ำมูกเข้าไปในจมูก ใช้มือปาดน้ำตา “อีกอย่างพ่อคงไม่ยอม พ่ออยากให้ฉันแต่งงานท่าเดียว” “จะไม่ยอมได้ยังไง ในเมื่อมีเงินไปใช้หนี้” อารยาทำเสียงฉุน “หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น” “นั่นสิ แกบอกเราสองคนไม่หมดใช่ไหม” เบญญาภาคาดคั้นถาม นันทภัคทำหน้าเศร้าลงไปอีก น้ำตาไหลรินจนต้องเช็ดมันทิ้งไป “ถ้าฉันแต่งงาน พ่อกับแม่จะได้เงินอีกหนึ่งล้าน ทองอีกห้าสิบบาท ถ้าเอาเงินไปใช้หนี้ พ่อก็จะไม่ได้เงินส่วนนี้ พ่อไม่ยอมหรอกเชื่อฉันสิ” นันทภัครู้นิสัยพ่อเลี้ยงดีว่าเป็นอย่างไร คงไม่พลาดโอกาสที่จะหมดหนี้จำนวนหลายล้าน และได้เงินมาใช้ฟรีๆ แน่นอน “อีกอย่างเงินที่พ่อกับแม่ติดเจ๊หงส์ก็มากด้วย ฉันไม่อยากรบกวนแกสองคน ฉันกลัวพ่อจะทำร้ายแม่ด้วยถ้าฉันไม่ยอมหรือทำตัวงี่เง่า ฉันทนทุกข์แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักดีกว่าเห็นแม่เจ็บตัว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD