เฮือก!
เจียงลี่จูสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกที่หดหู่ ภาพในห้วงแห่งความฝันทุกอย่างยังคงฉายชัดอยู่ในโสตประสาทของเธอ แต่เหตุใดไม่รู้เหมือนกับว่าเธอได้เข้าไปอยู่ตรงนั้น ความเจ็บปวดที่เด็กสาวได้รับทำให้เธอน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
"ฮึก นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมใจร้ายขนาดนี้ ฮึก นี่มัน...."
หญิงสาวรู้สึกว่ามีบางสิ่งผิดปกติในตอนที่เธอจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตา แหวนหนึ่งวงพร้อมกับกระดาษหนึ่งใบถูกวางทิ้งไว้ที่โต๊ะข้างเตียงนอนพร้อมกับข้อความว่า... คู่มือการใช้แหวนมิติ
"สตรีผู้นั้นคือร่างที่เจ้าต้องเข้าไปอยู่และใช้ชีวิตสืบไป รวมถึงบ้านรองสกุลเมิ่งที่ถูกกดขี่มาเป็นเวลานาน เราผู้เฒ่าต้องฝากเจ้าช่วยดูแลแล้ว จงระมัดระวังในการใช้ชีวิต เจ้าต้องไปอยู่ในยุคที่บ้านเมืองเพิ่งผ่านแร้นแค้นมาได้ไม่นาน ยังไม่ถือว่าสถาณการณ์ดีขึ้นเท่าไหร่ ผู้คนอดอยากต้องกัดฟันดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอด แหวนวงนั้นเป็นแหวนมิติ เจ้าสามารถอ่านวิธีการใช้ที่เราบันทึกเอาไว้ให้ที่ด้านหลังกระดาษได้ จำเอาไว้ว่าเจ้าเหลือเวลาเพียง 2 วันก่อนที่เรื่องราวการมีอยู่ของเจ้าจะเลือนหายไปจากการเวลานี้ อย่าคิดจะหนีโชคชะตา หากเจ้าทำเช่นนั้นคงไม่มีเวลาเพียงที่จะจัดเตรียมสิ่งของ คนที่ต้องลำบากมิวายจะเป็นตัวเจ้าเอง เอาล่ะ เราผู้เฒ่าจะมารับวิญญาณของเจ้าในตอนเที่ยงคืนอีก 2 วันข้างหน้า หลังจากนั้นตัวตนของเจ้าจะสลายหายไปโดยไม่มีใครจดจำเจ้าได้"
เสียงนั้นอีกแล้ว ลี่จูจำได้ดีว่าเป็นเสียงเดียวกันที่เธอได้ยินเมื่อตอนกลางวันไม่มีผิดเพี้ยน หญิงสาวที่กำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอมองไปรอบ ๆ ห้องไม่ว่าจะเป็นบานประตูหน้าต่างก็ล้วนถูกปิดล็อกอย่างสนิท แล้วเสียงนั้นจะมาจากที่ไหนได้นอกเสียจาก...
"..."
"อย่ามัวแต่เสียเวลาไปกับความสงสัย โลกใบนี้ยังมีกาลเวลาและมิติลี้ลับอีกมากมายที่ทับซ้อนกันอยู่ เจ้าไม่ใช่คนแรกที่ได้ข้ามกาลเวลาเช่นนี้ เพียงแต่ทุกคนถูกจัดให้อยู่ต่างสถานที่เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนใกล้ตัวได้ทั่วถึงก็เท่านั้น"
"ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว"
ทันทีที่เจียงลี่จูตอบรับ สายลมเย็นเยือกพัดผ่านปะทะเข้าใบหน้าของเธอจนเส้นผมพลิ้วไหว ลมมาจากไหน? เธอไม่ได้เปิดพัดลมไม่ได้เปิดแอร์เพราะเป็นคนขี้หนาว จะเป็นสายลมจากไหนได้นอกเสียจาก... เมื่อได้รับรู้สิ่งที่กำลังจะมาถึงหญิงสาวไม่อาจนิ่งดูดายต่อไปได้
เธอหยิบโน้ตบุ๊คที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาเปิดค้นหายุคมืดตามที่ผู้เฒ่าด้ายแดงได้บอกไว้ บวกกับภาพในความฝันเธอพอจะดูออกว่าการแต่งกายและสภาพบ้านเรือนของผู้คนเหล่านั้นน่าจะเป็นยุคที่เกิดการปฏิวัติไปจนถึงยุคที่บ้านเมืองกำลังฟื้นฟู ลี่จูสั่งปริ้นเอกสารออกมาหลายชุดตามที่หาข้อมูลได้เพื่อเตรียมพร้อมสิ่งของต่าง ๆ ที่เธอต้องเตรียมไป
"แหวนมิติงั้นเหรอ ลองดูหน่อยแล้วกัน"
เมื่อหาข้อมูลได้มากพอสมควรแล้วลี่จูจึงหันมาอ่านรายละเอียดในคู่มือการใช้มิติ ก่อนที่เธอจะสวมแหวนนั้นแล้วใช้สัมผัสกับสิ่งของแล้วพูดคำว่า"เก็บ"เบา ๆ หมอนที่อยู่ตรงหน้าก็หายไปภายในพริบตา
พรึบ
"โฮ๊ะ! ทำได้จริง ๆ เหรอเนี่ย"
ยิ่งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหญิงสาวยิ่งตื่นเต้น เธอเดินไปหาสิ่งของที่เธอเก็บไว้และไม่ได้ใช้มานานแล้วเก็บเข้ามิติไปจนหมด รวมถึงเสื้อผ้าสิ่งของของแม่เธอด้วย หากจะไม่ได้กลับมาที่นี่แล้วเธอไม่อยากจะทิ้งสิ่งของของแม่ให้สูญหายเสียเปล่าไปตามสายลม
"เก็บไปเยอะแล้วนะเนี่ย ไหนลองดูตอนเปิดมิติซิ"
ลี่จูทำตามที่คู่มือบอกเอาไว้ทุกอย่าง หากเธอต้องการเข้าไปในมิติต้องเปิดผ่านบานประตูหรือสามารถระลึกเอาก็ได้ แต่หากจะนำเพียงสิ่งของเข้าออกเธอแค่แตะแหวนมิติและนึกถึงสิ่งที่เธอต้องการก็ได้แล้ว
เธอเดินไปที่บานประตูก่อนจะพูดคำว่า"เปิด"พร้อมกับใช้แหวนมิติสัมผัสกับลูกบิดประตูแล้วดันเข้าไป เดิมทีประตูบานนี้เป็นประตูห้องนอนของเธอ แต่ตอนนี้สิ่งที่อยู่หลังประตูเป็นห้องที่กว้างใหญ่และมีสิ่งของที่เธอใช้แหวนมิติสัมผัสวางอยู่ครบทุกชิ้น
เธอเดินดูรอบ ๆ ห้องกว้างแห่งนี้ ดูเหมือนว่าบริเวณกำแพงห้องจะขยายไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางที่เธอก้าวเดินไปไม่มีจุดสิ้นสุด นั่นหมายความว่าเธอสามารถกักตุนสิ่งของหลายอย่างได้ตามที่ต้องการ แต่ที่ดีกว่านั้นคือ สิ่งของที่ใช้ไปจะเพิ่มขึ้นมาในปริมาณเท่าเดิมในทุก ๆ วัน
"งั้นก็หมายความว่าเราเตรียมไปเท่าที่ต้องใช้ในแต่ละวันอย่างนั้นเหรอ?"
คิดได้เช่นนั้นลี่จูก็เดินออกจากมิติไปก่อนจะไล่เก็บของที่ชั้น 2 ทั้งหมดเข้ามิติ เหลือไว้เพียงสิ่งที่เธอจำเป็นต้องใช้เท่านั้น หลังจากนั้นลี่จูก็หากระดาษกับปากกามาจดรายการสิ่งของที่ต้องซื้อ เธอต้องเตรียมไปเยอะหน่อยเพราะไม่รู้ว่าจะทำอาชีพอะไร หาอยากเป็นแม่ค้าขายของสดก็คงต้องใช้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เยอะพอสมควรในแต่ละวัน หรือเธอจะเป็นแม่ค้าขายของชำก็ไม่อาจรู้ได้ อย่างไรก็คงต้องจัดเตรียมไปให้ครบก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีเมื่อถึงหน้างาน
ประจวบกับอีก 2 วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว ลี่จูจึงตัดสินใจจะให้ลูกน้องหยุดงานแล้วจ่ายเงินเดือนให้ในเจ้าวันรุ่งขึ้นเลย ตะกร้าซองเงินถูกยกขึ้นมาจัดเตรียมเอาไว้ พร้อมกับรวบรวมทรัพย์สินที่เหลืออยู่เพื่อเตรียมการสั่งของมาตุนไว้
"เงินเดือนลูกน้องมีครบแล้ว มีเงินสดอยู่ 1 แสนกว่าหยวน กับเงินในบัญชีอีก 1 ล้านหยวน อื้อ น่าจะพอ"
หญิงสาวจ้องมองเงินตรงหน้าสลับกับมองไปที่รายการสิ่งของที่จดไว้ เธอยังมีสร้อยทองและทองคำแท่งอีกหลายสิบบาทที่เป็นมรดกมาจากแม่และเก็บออมซื้อเอาไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ลี่จูกับแม่อยู่กันเพียงลำพังสองคนแม่ลูก หลังจากที่แม่จากไปแล้วเธอก็มุ่งมั่นทำแต่งานจนกิจการที่แม่ทิ้งไว้ให้รุ่งเรืองขึ้น ยังไม่ทันจะได้ใช้เงินเธอก็ต้องไปจากที่นี่เสียแล้ว นี่จึงเป็น 2 วันสุดท้ายที่เธอจะได้ใช้จ่ายอย่างสนุกมือ แต่ทั้งหมดก็เพื่ออนาคตของตัวเธอเอง
สิ่งแรกที่ลี่จูตัดสินใจคือการไปเดินซื้อของที่ตลาดเช้า ถึงแม้สิ่งของจำพวกเครื่องปรุงเธอสามารถโทรสั่งได้กับร้านที่ขายถั่วให้เธอเป็นประจำ แต่เรื่องของสด ผักผลไม้เธออยากเลือกดูด้วยตัวเอง หลังจากจดรายการของสดได้คร่าว ๆ หญิงสาวก็ดูนาฬิกาข้างกำแพงห้อง พอเห็นว่าเป็นเวลาตี 2 ครึ่งเธอจึงรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมออกไปซื้อของสดที่ตลาดเช้าใกล้บ้านเธอ
ช่วงเวลา ตี 3 ณ ตลาดเช้า
ลี่จูยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาเลือกซื้อหาของสดในช่วงเช้ามืด หญิงสาวหันมองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจว่าสิ่งของที่จดรายการมาอยู่ตรงไหนบ้าง เมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ที่ทิศทางใด สองเท้าเรียวเล็กก็เร่งฝีเท้าทำเวลาอย่างรวดเร็ว
"ผักสวย ๆ จ้ะน้องสาว เลือกชมได้เลยนะ ถ้าสั่งเยอะเดี๋ยวพี่ให้เด็กเอาไปส่งที่รถ"
"แถวนี้มีรถกระบะรับจ้างขนของไหมคะพี่ หนูจะซื้อของเยอะมาก เลยอยากจ้างรถขนไปที่ร้านทีเดียวเลย"
หลังจากเห็นว่าแม่ค้าที่ร้านขายผักค่อนข้างอัธยาศัยดีลี่จูจึงลองถามเรื่องรถรับจ้างไปด้วยเลย
"มีจ้ะมี เดี๋ยวพี่เรียกรถให้ รับรองว่าบริการดีราคาถูกแน่นอนจ้ะ"
"ถ้าอย่างนั้นเรียกไว้ 2 คันเลยนะคะ หนูจะไปสั่งซื้อของสดด้วย ส่วนผักที่ร้านของพี่สาวที่เป็นถุงใหญ่อย่างพวก กะหล่ำ ผักกาดขาว แครอท หัวไชท้าว แล้วก็ผักใบเขียวทุกอย่างที่มีในร้าน หนูเอาอย่างละ 3 ถุงใหญ่นะคะ พริกขี้หนู พริกชี้ฟ้า พริกหยวก เห็ดต่าง ๆ เอาอย่างละ 10 กิโล ส่วนอย่างอื่นที่มีอยู่ในร้านหนูก็เอาอย่างละ 5 กิโลนะพี่"
เนื่องจากในร้านมีผักหลายอย่างจนเธอไม่รู้จะสั่งอะไรก่อน ลี่จูจึงเลือกที่จะกวาดซื้อไปทุกอย่าง เท่าที่ดูด้วยสายตา ผักที่ร้านนี้ก็สดใหม่น่าซื้อทุกอย่าง
"ได้เลยจ้ะน้องสาว เฮง ๆ ๆ วันนี้มีคนสวยมาประเดิมให้ เป็นโชคดีของร้านพี่จริง ๆ "
"จัดของขึ้นรถแล้วก็เขียนบิลไว้เลยนะคะ เดี๋ยวหนูขอไปสั่งเครื่องปรุงที่ร้านเฮียอุ้ยก่อน"
"โอเคจ้ะ เดี๋ยวพี่จะจัดของขึ้นรถไว้รอ ถ้าน้องสาวซื้อของเสร็จก็บอกให้รถเข็นมาส่งที่ร้านผักเจ้อันได้เลยนะ"
"ได้เลยค่ะ"
หลังจากที่สั่งซื้อผักร้านแรกเสร็จ ลี่จูก็มุ่งหน้าไปที่ร้านขายเครื่องปรุงที่ส่งถั่วให้เธอเป็นประจำ
"โอ้ ดูสิว่าใครมา เชิญ ๆ วันนี้มีอะไรให้เฮียรับใช้ก็ว่ามาเลยลี่จู"
เถ้าแก่ร้านขายเครื่องปรุงเจ้าใหญ่ที่สุดในตลาดทักทายลี่จูด้วยความสนิทสนม เดิมทีลี่จูเพียงแค่โทรสั่งว่าอยากได้อะไร เฮียอุ้ยก็สั่งลูกน้องให้เอาไปส่งถึงร้านของเธอทันที
"เฮียก็พูดเกินไป เวลามีงานใหญ่ฉันก็ต้องคิดถึงร้านเฮียเป็นที่แรกอยู่แล้ว"
ลี่จูตอบกลับพร้อมกับยื่นใบรายการเครื่องปรุงที่เธอจดมา ส่งให้กับเฮียอุ้ยผู้เป็นเจ้าของร้านได้อ่านดู
"เธอจะทำอะไรลี่จู ปกติเฮียไม่เคยเห็นเธอสั่งเครื่องปรุงเยอะขนาดนี้เลยนะ"
เมื่อเห็นว่ารายการของในกระดาษมีปริมาณที่มากพอสมควร มีทั้งเครื่องปรุง ข้าวสารและอาหารกระป๋อง เฮียอุ้ยจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ฉันจะเตรียมไปเปิดร้านขายของชำจ้ะเฮีย"
หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบยังไงจึงจำใจต้องพูดเช่นนั้นไปก่อน
"ได้ ๆ เดี๋ยวเฮียจัดการให้ พอดีวันนี้เป็นวันที่ต้องไปส่งถั่วที่ร้านเต้าหู้พอดี เดี๋ยวเฮียจะให้เด็กเอาไปพร้อมกันเลยนะ"
"ค่ะเฮีย ช่วยดูรายการของให้ฉันหน่อยนะ ถ้ามีแป้งหรือเครื่องปรุงอะไรตกหล่นก็เอาไปด้วยได้เลย"
"ได้ ๆ เดี๋ยวเฮียฝากบิลไปกับเด็กส่งของนะ"
"ได้ค่ะ งั้นฉันโอนเหมือนเดิมนะเฮีย"
หลังจากที่สั่งเครื่องปรุงเสร็จลี่จูก็เดินไปที่ร้านผลไม้ต่อ และยังมีร้านข้าวสารอาหารแห้งและของสดอีกหลายร้านที่รอเธออยู่ เช่นนั้นการเลือกซื้อแต่ละร้านจึงต้องทำเวลาให้เร็วที่สุด