PROLOGUE

1381 Words
PROLOGUE          สมาร์ตโฟนในมือถูกยกขึ้นมาพิมพ์ข้อความ ‘กูมีธุระด่วนว่ะ ไว้วันหลังค่อยเจอกันนะ’ ผมพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ ทำแบบนี้วนไปวนมาอยู่หลายต่อหลายครั้ง อยากยกเลิกนัดทั้งที่ตัวผมก็นั่งอยู่ในสถานที่ที่นัดกันไว้ แถมนัดครั้งนี้ผมเป็นคนนัดเองเสียด้วย ทำใจมาเจอหน้าเธออยู่ตั้งหลายวัน คิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว แต่พอถึงเวลาจริง ๆ กลับไม่กล้า          ผมกลัว…          กลัวว่าความเป็นเพื่อนของเราจะหายไป…          “โทษที รถโคตรติด” กลอยดึงเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมออกแล้วหย่อนสะโพกนั่งลง กระเป๋าสะพายวางลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ ผมรีบกดลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์ใหม่เมื่อสักครู่นี้ แล้วเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง หันมองถุงที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วหันไปมองหน้ากลอย เธอกำลังเปิดเมนูเลือกรายการอาหาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม “มึงสั่งไรยัง ให้กูสั่งให้ปะ”          ผมพยักหน้าลงเล็กน้อย ตอบตกลงให้กลอยเป็นคนสั่งอาหารให้เหมือนเช่นทุกครั้งที่เราออกไปกินข้าวกันสองคน กลอยรู้ทุกอย่างว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร          เมื่อก่อนผมคิดว่าเป็นเพราะแก๊งเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะ ‘รู้ใจกัน’ แต่ไม่หรอก… ผมยังจำของเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ได้เลย และค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผมนัก          ก็มีแต่กลอยที่ใส่ใจผมมากเป็นพิเศษ          “วันนี้มึงดูเงียบ ๆ อะ พริตตี้ทำไรให้มึงนอยอีกอะ” กลอยสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ถามผมขึ้นมา ผมส่ายหน้าช้า ๆ ให้เป็นคำตอบ          ผมไม่ได้สนใจอะไรอุ๋มนัก เธอทักมาผมก็คุย ไม่ได้นัดกันไปไหน บางครั้งอุ๋มนัด ผมก็ปฏิเสธ ขี้เกียจออกไปหา ไม่ได้อยากเจอหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอุ๋มอีกแล้ว          “ก็ดี กูไม่ชอบเห็นมึงซึม” กลอยพูดไปยิ้มไป เธอหันไปขอบคุณพนักงานที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ แล้วเลื่อนแก้วชามะนาวมาตรงหน้าผม “ชามะนาวของโปรดมึง”          “กูถามหน่อยดิ ทำไมที่ผ่านมามึงถึงไม่มีแฟนวะ” ผมถามขณะที่กำลังรินน้ำอัดลมใส่แก้วให้กลอย ถ้าหากว่าไม่ถูกใจไอ้เอฟ ก็แล้วทำไมไม่หาใหม่          “หาง่ายมากมั้ง” คำตอบยอดฮิต… เมื่อก่อนพวกสาว ๆ ในแก๊งจะตอบแบบนี้กันทั้งนั้น แต่ปัจจุบันแต่ละคนก็มีแฟนกันหมดแล้ว เหลือกลอยคนเดียวที่ยังใช้คำตอบนี้อยู่ “อย่างพวกมึงต้องหาด้วย?”          “ก็แต่ละคนที่เข้ามา ไม่ถูกใจเลยนี่หว่า”          “แล้วแบบไหนมึงถึงจะถูกใจ” อยากถามต่อว่า ‘แบบกูหรือเปล่าที่มึงถูกใจ’ แต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้ เพื่อดูท่าทีของกลอยก่อน          กลอยชะงักไป เธอไม่ตอบคำถามของผม แล้วชะเง้อมองไปทางด้านหลัง ยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าพนักงานกำลังนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ          ผมปล่อยให้กลอยได้มีความสุขกับการกินอาหารอร่อย ๆ ไปก่อน แล้วค่อยชวนคุยต่อ หากคุยกันตอนนี้เลยก็กลัวว่ากลอยจะกินไม่ลงแล้ว          เผลอ ๆ ก็อาจไม่ใช่กลอยคนเดียวที่จะกินไม่ลง ผมเองก็เหมือนกัน เรื่องที่ผมจะคุยกับกลอยก็ทำให้ผมกินไม่ลง ผมเขี่ยผักสลัดที่อยู่ตรงมุมของจานอาหารไปมา และคอยมองหน้ากลอยไปด้วย เธอยังจิ้มนักเก็ตกินได้อย่างเอร็ดอร่อย          กลอยกินหมดจานแล้ว ผมเพิ่งจะหมดไปแค่ครึ่งจาน แต่จะให้กินต่อก็คงกินไม่ลง รวบส้อมกับมีดไว้คู่กัน แล้วยกแก้วน้ำมาดื่ม          “อิ่มแล้วเหรอ” กลอยมองด้วยความสงสัย ปกติจานเดียวยังแทบไม่พอกิน แต่ครั้งนี้กลับกินเหลือ          “อืม กินไม่ค่อยลง”          “มึงเป็นไรอ่า” กลอยยังแสดงท่าทางปกติ ยังเอาส้อมมาจิ้มเนื้อในจานของผมไปกินหน้าตาเฉย “ที่กูนัดมึงมาวันนี้ กูมีของจะมาคืนมึง” ผมรวบรวมความกล้า แล้วเอ่ยออกมา “คืนอะไรวะ กูลืมอะไรไว้ที่มึงเหรอ หรือมึงแอบเอาอะไรที่ห้องกูไป” กลอยย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความงง ผมเลยเอาถุงที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วดันไปตรงหน้ากลอย “เอาสมุดนี่มาคืน กูหยิบจากห้องมึงไป”          กลอยรีบเปิดถุงออก สีหน้าของเธอเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นสมุดเล่มนั้น เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย คงคิดไม่ตกว่าจะพูดอะไรกับผมต่อ แต่ครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นมา          “ได้เปิดอ่านปะ” กลอยถาม ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ          “แล้วมึง…” กลอยเงียบไป ไม่ถามอะไรต่อ          “กูขอโทษนะที่ทำให้มึงรู้สึกกับกูเกินกว่าเพื่อน” ผมเอ่ยออกมาเสียงเรียบ          ริมฝีปากของกลอยเม้มแน่น เธอมองหน้าผมแล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย เธอไม่ปริปากพูดอะไรทั้งที่ดูเหมือนว่าเธอจะมีคำถามที่อยากถาม          “กูคิดกับมึงแค่เพื่อน ไม่ได้คิดเกินกว่านั้น” ผมเลยเอ่ยออกมาเสียเอง กลอยพยักหน้าลงอีกครั้ง          “เข้าใจแล้ว” กลอยคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนยิ้มอยู่          “กลอย… มึงคิดกับกูแค่เพื่อนเถอะนะ เราเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้หรอก” ผมยื่นมือไปจับมือกลอยไว้          “ทำไมเราถึงเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้วะ ทั้งที่ทุกวันนี้เราก็สนิทกันมาก รู้ทุกเรื่องของกันและกัน เรา… เราน่าจะเป็นแฟนกันได้ไม่ยากเลยนะ”          “เป็นเพื่อนกันมาก่อน จะคบกันรอดเหรอวะ” ผมถามกลับไป รู้ไส้รู้พุงกันหมด จะอยู่ด้วยกันแบบแฟนได้จริง ๆ เหรอ          “มาร์ชกับฟองมันยังคบกันได้เลย มันแอบกิ๊กกั๊กกันตั้งแต่ปีสาม จนตอนนี้ก็จะจบปีสี่กันอยู่แล้ว ไม่เห็นมันจะมีปัญหาอะไรกันเลย”          ก็จริงอย่างที่กลอยพูด คู่นั้นท่าทางจะรักกันมากกว่าเดิม แต่ผมว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะเป็นแบบนั้น          “มึงคิดว่าคู่เราจะรักกันได้แบบคู่นั้นเหรอ ในเมื่อกูก็มีอุ๋มอยู่ด้วย” ผมถามกลับไป เอาอุ๋มขึ้นมาอ้าง เผื่อกลอยจะเปลี่ยนใจจากผม          กลอยเหยียดยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “ฟังจากคำถามของมึง กูก็มีคำตอบทันทีว่าคู่เราไม่สามารถรักกันได้แบบคู่ฟอง เพราะมึงไม่มีทางที่จะรักกู เหมือนที่กูรักมึง” กลอยพูดจบก็เดินออกไป ผมวางเงินที่โต๊ะ แล้วรีบลุกตามกลอยออกไป          “มึงอย่าพูดเหมือนกูผิดสิวะ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน พื้นที่ของมึงคือพื้นที่ของเพื่อน มึงจะกระโดดเข้ามาในพื้นที่ของคนรักได้ยังไง” ผมเอ่ยออกมา          สองขาเรียวหยุดชะงัก เจ้าของใบหน้าสวยหันกลับมามอง ดวงตากลมโตฉายแววเศร้า ริมฝีปากบางเม้มกันแน่น เธอพยักหน้ารับ แล้วเดินไปที่รถของตัวเอง          ผมคิดไว้แล้วว่าหากพูดออกไปก็คงจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ถ้าไม่พูด กลอยก็จะยังคงคิดกับผมอย่างที่เธอเขียนไว้ในไดอารี่ ผมอยากให้กลอยอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทของผมเหมือนเดิม ไม่อยากให้ก้าวขึ้นมาเป็นคนรัก หากวันหนึ่งผมทำตัวไม่ดีแล้วเราต้องเลิกกัน เราก็อาจจะไม่เหลือสถานะใด ๆ เลยก็ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD