PROLOGUE
PROLOGUE
สมาร์ตโฟนในมือถูกยกขึ้นมาพิมพ์ข้อความ ‘กูมีธุระด่วนว่ะ ไว้วันหลังค่อยเจอกันนะ’ ผมพิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบ ทำแบบนี้วนไปวนมาอยู่หลายต่อหลายครั้ง อยากยกเลิกนัดทั้งที่ตัวผมก็นั่งอยู่ในสถานที่ที่นัดกันไว้ แถมนัดครั้งนี้ผมเป็นคนนัดเองเสียด้วย ทำใจมาเจอหน้าเธออยู่ตั้งหลายวัน คิดว่าตัวเองพร้อมแล้ว แต่พอถึงเวลาจริง ๆ กลับไม่กล้า
ผมกลัว…
กลัวว่าความเป็นเพื่อนของเราจะหายไป…
“โทษที รถโคตรติด” กลอยดึงเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผมออกแล้วหย่อนสะโพกนั่งลง กระเป๋าสะพายวางลงที่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ
ผมรีบกดลบข้อความที่เพิ่งพิมพ์ใหม่เมื่อสักครู่นี้ แล้วเก็บสมาร์ตโฟนใส่กระเป๋ากางเกง หันมองถุงที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วหันไปมองหน้ากลอย
เธอกำลังเปิดเมนูเลือกรายการอาหาร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม “มึงสั่งไรยัง ให้กูสั่งให้ปะ”
ผมพยักหน้าลงเล็กน้อย ตอบตกลงให้กลอยเป็นคนสั่งอาหารให้เหมือนเช่นทุกครั้งที่เราออกไปกินข้าวกันสองคน กลอยรู้ทุกอย่างว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เมื่อก่อนผมคิดว่าเป็นเพราะแก๊งเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก น่าจะเป็นเรื่องปกติที่พวกเราจะ ‘รู้ใจกัน’ แต่ไม่หรอก… ผมยังจำของเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่ได้เลย และค่อนข้างมั่นใจว่าเพื่อนคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรผมนัก
ก็มีแต่กลอยที่ใส่ใจผมมากเป็นพิเศษ
“วันนี้มึงดูเงียบ ๆ อะ พริตตี้ทำไรให้มึงนอยอีกอะ” กลอยสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยก็ถามผมขึ้นมา ผมส่ายหน้าช้า ๆ ให้เป็นคำตอบ
ผมไม่ได้สนใจอะไรอุ๋มนัก เธอทักมาผมก็คุย ไม่ได้นัดกันไปไหน บางครั้งอุ๋มนัด ผมก็ปฏิเสธ ขี้เกียจออกไปหา ไม่ได้อยากเจอหน้าเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับอุ๋มอีกแล้ว
“ก็ดี กูไม่ชอบเห็นมึงซึม” กลอยพูดไปยิ้มไป เธอหันไปขอบคุณพนักงานที่นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ แล้วเลื่อนแก้วชามะนาวมาตรงหน้าผม “ชามะนาวของโปรดมึง”
“กูถามหน่อยดิ ทำไมที่ผ่านมามึงถึงไม่มีแฟนวะ” ผมถามขณะที่กำลังรินน้ำอัดลมใส่แก้วให้กลอย ถ้าหากว่าไม่ถูกใจไอ้เอฟ ก็แล้วทำไมไม่หาใหม่
“หาง่ายมากมั้ง”
คำตอบยอดฮิต…
เมื่อก่อนพวกสาว ๆ ในแก๊งจะตอบแบบนี้กันทั้งนั้น แต่ปัจจุบันแต่ละคนก็มีแฟนกันหมดแล้ว เหลือกลอยคนเดียวที่ยังใช้คำตอบนี้อยู่
“อย่างพวกมึงต้องหาด้วย?”
“ก็แต่ละคนที่เข้ามา ไม่ถูกใจเลยนี่หว่า”
“แล้วแบบไหนมึงถึงจะถูกใจ” อยากถามต่อว่า ‘แบบกูหรือเปล่าที่มึงถูกใจ’ แต่ก็เลือกที่จะเงียบไว้ เพื่อดูท่าทีของกลอยก่อน
กลอยชะงักไป เธอไม่ตอบคำถามของผม แล้วชะเง้อมองไปทางด้านหลัง ยิ้มแป้นเมื่อเห็นว่าพนักงานกำลังนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
ผมปล่อยให้กลอยได้มีความสุขกับการกินอาหารอร่อย ๆ ไปก่อน แล้วค่อยชวนคุยต่อ หากคุยกันตอนนี้เลยก็กลัวว่ากลอยจะกินไม่ลงแล้ว
เผลอ ๆ ก็อาจไม่ใช่กลอยคนเดียวที่จะกินไม่ลง ผมเองก็เหมือนกัน เรื่องที่ผมจะคุยกับกลอยก็ทำให้ผมกินไม่ลง ผมเขี่ยผักสลัดที่อยู่ตรงมุมของจานอาหารไปมา และคอยมองหน้ากลอยไปด้วย เธอยังจิ้มนักเก็ตกินได้อย่างเอร็ดอร่อย
กลอยกินหมดจานแล้ว ผมเพิ่งจะหมดไปแค่ครึ่งจาน แต่จะให้กินต่อก็คงกินไม่ลง รวบส้อมกับมีดไว้คู่กัน แล้วยกแก้วน้ำมาดื่ม
“อิ่มแล้วเหรอ” กลอยมองด้วยความสงสัย ปกติจานเดียวยังแทบไม่พอกิน แต่ครั้งนี้กลับกินเหลือ
“อืม กินไม่ค่อยลง”
“มึงเป็นไรอ่า” กลอยยังแสดงท่าทางปกติ ยังเอาส้อมมาจิ้มเนื้อในจานของผมไปกินหน้าตาเฉย
“ที่กูนัดมึงมาวันนี้ กูมีของจะมาคืนมึง” ผมรวบรวมความกล้า แล้วเอ่ยออกมา
“คืนอะไรวะ กูลืมอะไรไว้ที่มึงเหรอ หรือมึงแอบเอาอะไรที่ห้องกูไป” กลอยย่นคิ้วเข้าหากันด้วยความงง ผมเลยเอาถุงที่วางอยู่บนเก้าอี้ข้าง ๆ ขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วดันไปตรงหน้ากลอย
“เอาสมุดนี่มาคืน กูหยิบจากห้องมึงไป”
กลอยรีบเปิดถุงออก สีหน้าของเธอเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นสมุดเล่มนั้น เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย คงคิดไม่ตกว่าจะพูดอะไรกับผมต่อ แต่ครู่หนึ่งเธอก็เงยหน้าขึ้นมา
“ได้เปิดอ่านปะ” กลอยถาม ผมพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“แล้วมึง…” กลอยเงียบไป ไม่ถามอะไรต่อ
“กูขอโทษนะที่ทำให้มึงรู้สึกกับกูเกินกว่าเพื่อน” ผมเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
ริมฝีปากของกลอยเม้มแน่น เธอมองหน้าผมแล้วพยักหน้าลงเล็กน้อย เธอไม่ปริปากพูดอะไรทั้งที่ดูเหมือนว่าเธอจะมีคำถามที่อยากถาม
“กูคิดกับมึงแค่เพื่อน ไม่ได้คิดเกินกว่านั้น” ผมเลยเอ่ยออกมาเสียเอง กลอยพยักหน้าลงอีกครั้ง
“เข้าใจแล้ว” กลอยคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ดูก็รู้ว่ากำลังฝืนยิ้มอยู่
“กลอย… มึงคิดกับกูแค่เพื่อนเถอะนะ เราเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้หรอก” ผมยื่นมือไปจับมือกลอยไว้
“ทำไมเราถึงเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้วะ ทั้งที่ทุกวันนี้เราก็สนิทกันมาก รู้ทุกเรื่องของกันและกัน เรา… เราน่าจะเป็นแฟนกันได้ไม่ยากเลยนะ”
“เป็นเพื่อนกันมาก่อน จะคบกันรอดเหรอวะ” ผมถามกลับไป รู้ไส้รู้พุงกันหมด จะอยู่ด้วยกันแบบแฟนได้จริง ๆ เหรอ
“มาร์ชกับฟองมันยังคบกันได้เลย มันแอบกิ๊กกั๊กกันตั้งแต่ปีสาม จนตอนนี้ก็จะจบปีสี่กันอยู่แล้ว ไม่เห็นมันจะมีปัญหาอะไรกันเลย”
ก็จริงอย่างที่กลอยพูด คู่นั้นท่าทางจะรักกันมากกว่าเดิม แต่ผมว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคู่ที่จะเป็นแบบนั้น
“มึงคิดว่าคู่เราจะรักกันได้แบบคู่นั้นเหรอ ในเมื่อกูก็มีอุ๋มอยู่ด้วย” ผมถามกลับไป เอาอุ๋มขึ้นมาอ้าง เผื่อกลอยจะเปลี่ยนใจจากผม
กลอยเหยียดยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน “ฟังจากคำถามของมึง กูก็มีคำตอบทันทีว่าคู่เราไม่สามารถรักกันได้แบบคู่ฟอง เพราะมึงไม่มีทางที่จะรักกู เหมือนที่กูรักมึง” กลอยพูดจบก็เดินออกไป ผมวางเงินที่โต๊ะ แล้วรีบลุกตามกลอยออกไป
“มึงอย่าพูดเหมือนกูผิดสิวะ เราเป็นเพื่อนสนิทกัน พื้นที่ของมึงคือพื้นที่ของเพื่อน มึงจะกระโดดเข้ามาในพื้นที่ของคนรักได้ยังไง” ผมเอ่ยออกมา
สองขาเรียวหยุดชะงัก เจ้าของใบหน้าสวยหันกลับมามอง ดวงตากลมโตฉายแววเศร้า ริมฝีปากบางเม้มกันแน่น เธอพยักหน้ารับ แล้วเดินไปที่รถของตัวเอง
ผมคิดไว้แล้วว่าหากพูดออกไปก็คงจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ แต่ถ้าไม่พูด กลอยก็จะยังคงคิดกับผมอย่างที่เธอเขียนไว้ในไดอารี่ ผมอยากให้กลอยอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทของผมเหมือนเดิม ไม่อยากให้ก้าวขึ้นมาเป็นคนรัก หากวันหนึ่งผมทำตัวไม่ดีแล้วเราต้องเลิกกัน เราก็อาจจะไม่เหลือสถานะใด ๆ เลยก็ได้