1 เดือนผ่านไป
‘นายครับ คุณหนูเมามากเลยครับ’
“กินเข้าไปขนาดไหนถึงได้เมาแบบนั้น ตอนนี้ขึ้นรถมาหรือยัง”
‘ยังครับ เพื่อนของคุณหนูกำลังช่วยกันเอาน้ำล้างหน้าให้อยู่ ให้ผมไปอุ้มมาขึ้นรถเลยไหมครับ’
“ไม่ต้อง ส่งโลเคชันมาให้ฉัน เดี๋ยวฉันไปเอง”
โทรศัพท์เครื่องบางถูกวางลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนที่มือหนาปรากฏบาดแผลและริ้วรอยแห่งวัยจะยกมือขึ้นนวดขมับ
แต่ไม่นานเขาก็คว้าโทรศัทพ์เครื่องเดิมก่อนจะเดินตรงลิ่วไปที่โรงรถชั้นล่าง เมื่อได้โลเคชั่นแล้วจึงขับรถคันหรูด้วยตัวเองไปยังจุดหมาย
คราวนี้เขาไม่ได้มีบอดี้การ์ดตามเหมือนอย่างเคยเพราะความเร่งรีบ ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เดินทางมาถึงที่หมายตามสถานที่ซึ่งลูกน้องแชร์มาให้
และแม้ว่าจะเตรียมใจมาแล้วว่าต้องปวดหัวอีกแน่ๆ แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเห็นว่าเจนนิตากำลังนั่งเมาหลับแบบหมดสภาพอยู่ที่เบาะหลัง
ดวงตาคมดุหันไปมองบอดี้การ์ดสองคนซึ่งได้รับหน้าที่ให้มาเฝ้าเจนิตาที่ยืนอยู่นอกรถคันนั้นอย่างเอาเรื่อง ก่อนออกมาเขาสั่งแล้วว่าห้ามใครโดนตัวเจนิตาถ้าไม่จำเป็นจริงๆ แล้วเด็กคนนี้มานอนอยู่ในรถได้ยังไง
“เพื่อนคุณหนูช่วยพยุงมาขึ้นรถครับนาย พวกผมแค่ช่วยอำนวยความสะดวก” หนึ่งในนั้นรีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสายตาของเจ้านายตัวเอง
ไม่ต้องพูดให้มากความก็พอรู้อยู่ว่าพวกเขาจะโดนอะไรหากไปขัดคำสั่งเข้า และเมื่อได้ยินอย่างนั้นต้าเหว่ยจึงสะบัดหน้ากลับมามองคนที่ยังนอนไม่รู้เรื่องรู้ราว
โชคดีแค่ไหนที่ใส่กางเกงขาสั้น ถ้าใส่ชุดเดรสเหมือนพวกเด็กๆ ที่เขาเลี้ยงดูอยู่ป่านนี้คงเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“พวกแกสองคนเอารถกลับบ้านไป เดี๋ยวฉันพาเด็กคนนี้กลับเอง” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเหี้ยมเพราะความหงุดหงิดที่ยังอยู่ในใจ ทว่าการกระทำกลับเป็นการสอดตัวเข้าไปพยุงตัวของเจนิตาที่นอนคว่ำอยู่กับเบาะให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ
ก่อนจะอุ้มร่างของหญิงสาวออกมาจากตัวรถ แล้วพาเดินไปขึ้นรถของตัวเองโดยให้เธอนั่งที่เบาะข้างคนขับ เขาเท้าเอวมองเธอที่เริ่มสะลึมสะลืมขึ้นมามองกันก่อนจะส่ายหน้าใส่หญิงสาวอีกครั้ง
“คุณอา”
“อาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าเมามาก อนุญาตให้ไปไหนไม่ได้เลยใช่ไหม” และเมื่อเห็นว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้วเขาจึงได้ตั้งต้นบ่น
เพราะเมื่อเช้าที่เจนิตามาออดอ้อนขอไปเที่ยวกับเพื่อนนั้นเขาก็ได้พูดไปชัดเจนแล้วว่าห้ามเมาจนดูแลตัวเองไม่ได้ เด็กรุ่นนี้มันถึงวัยกำลังต่อต้านหรือยังไงถึงห้ามอะไรไม่ฟัง
“คุณอาอย่าดุหนูสิ” คนโดนดุถึงกับหน้าหงอยไป กระนั้นก็ยังอุตส่าห์ดันกายขึ้นมานั่งหลังตรง
มือขาวคว้าจับมือของเขาขณะที่ดวงตาฉ่ำน้ำช้อนขึ้นมามองกัน ออดอ้อนรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อเช้าที่เอากาแฟมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะอาหารเสียอีก
“ไม่ดุได้ยังไง ดูเธอทำตัวสิ” ถึงอย่างนั้นมุกนี้ก็ใช่ว่าจะใช้ได้ผลทุกรอบ เขาไม่ใช่พวกไอ้แก่หลงเด็กที่เธอจะชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้หรอกนะ
เขาเป็นอาและเธอก็เป็นหลานที่เป็นลูกสาวของเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย จะให้ไม่ดุด่าเวลาเธอไม่เชื่อฟังเลยมันก็ไม่ดะ...
“ไม่เอา…”
“...เธอไม่ได้มาเที่ยวเล่นอีกนานแน่ เห็นอาใจดีคิดว่าทำอะไรก็ได้เหรอ”
“คุณอาขา เจนอยากกลับบ้านแล้ว”
“...”
“พาเจนกลับบ้านก่อนได้ไหมคะ ถึงบ้านแล้วคุณอาจะดุเจนก็จะไม่ว่าเลย”
“เธอจะมีสิทธิ์อะไรมาว่าอา”
“ไม่มีค่ะ”
“นั่งดีๆ น้ำอยู่ข้างหน้าก็ดื่มซะ กลับบ้านเธอโดนแน่” ต้าเหว่ยยังคงตีสีหน้าโหดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันหน้าหนีจากใบหน้าสวยๆ ที่หยาดน้ำตาเริ่มปริ่มเพราะโดนดุ ก่อนจะปิดประตูทับไปอีกชั้นเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องเห็นอีก
ร่างสูงใหญ่ยังคงยืนปรับอารมณ์อยู่อีกชั่วครู่ ก่อนจะสาวเท้ายาวๆ ไปเปิดประตูฝั่งคนขับ จัดการสตาร์ทรถแล้วออกตัวจากร้านเหล้าที่เจนิตามาเที่ยวกับเพื่อนโดยไม่พูดไม่จา
ไม่แม้แต่จะหันไปมองคนเมาที่ตอนนี้กำลังมองเขาอย่างตัดพ้อ จะมีก็แค่หันไปดุเธอที่ไม่ยอมหยิบขวดน้ำมาเปิดกินก็เท่านั้น
ระยะเวลาที่ขับกลับมานั้นยาวนานกว่าตอนที่เขาขับออกจากบ้านมามากนัก กว่าที่จะพาเจนิตากลับมาถึงคฤหาสน์หลังงามของตัวเองเวลาก็ปาไปดึกดื่นจนเข้าเช้าวันใหม่
แถมกว่าจะพาเด็กดื้อเงียบมาส่งถึงห้องได้ก็แสนจะทุลักทุเล เดินก็ไม่ตรงทางแต่ก็ยังไม่ยอมให้เขาช่วยพยุง
“เจนเดินเองได้ค่ะ แค่นี้คุณอาก็ต้องลำบากไปรับเจนแล้ว” แม้คำพูดจะไม่ได้เชือดเฉือนเป็นเพราะเจนิตาเองไม่ใช่คนชอบเหน็บชอบแซะ เธอไม่ใช่คนฝีปากกล้าออกจะเป็นคนที่พูดอะไรตรงๆ เสียมากกว่า
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความน้อยใจในน้ำเสียง
สุดท้ายคนแก่กว่าอย่างเขาก็มองเธอเดินโซซัดโซเซไปแปะผนังด้านนี้ทีด้านนั้นทีไม่ไหว จึงต้องจัดการช้อนอุ้มร่างเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาว ก่อนจะพาเดินตรงไปที่ห้องนอนของเจ้าตัว