วันนี้เป็นวันแรกที่เธอกลับมาเรียนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นั้น โชคดีที่หลังจากวันที่เธอโดนจับตัวไปเป็นวันหยุดเพราะอย่างนั้นเจนิตาจึงได้พักผ่อนก่อนจะกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอีกครั้ง
คุณอาต้าเหว่ยเองก็ช่วยเป็นธุระจัดการกลับไปเอาข้าวของเธอที่ตกอยู่ที่บ้านหลังนั้นให้ พวกอุปกรณ์การเรียนต่างๆ และเสื้อผ้าที่ยังอยู่ที่คอนโดก็ถูกเอามาที่บ้านของคุณอาทั้งหมด
สิ่งเดียวที่เอามาแล้วไม่น่าจะได้ใช้เห็นจะมีเพียงรถส่วนตัวของเธอที่จอดทิ้งไว้ที่หน้าบ้านหลังนั้น เพราะกฎข้อแรกของการเป็นเด็กในปกครองของคุณอา
การไปกลับมหาวิทยาลัยคุณอาจะเป็นคนไปส่ง แล้วให้คนมารับตอนที่เธอเรียนเสร็จเอง
เจนิตารู้สึกแปลกๆ ไม่น้อยกับเหตุการณ์แบบนี้ เพราะตั้งแต่มัธยมก็ขับรถไปโรงเรียนเอง ดูแลตัวเองไม่เคยมีผู้ปกครองมาส่งแบบนี้ แต่ในเมื่อเขาให้เหตุผลเรื่องความปลอดภัยเธอก็ไม่มีอะไรจะเถียง
ดีเสียอีกที่เธอจะได้มีเวลาอยู่กับเขาทุกเช้า
“ถ้าวันนี้จะไม่ได้กลับบ้านตามตารางเรียนก็โทรบอกอาหมิงกับอาชางนะ แต่อาแนะนำว่าช่วงนี้อย่าเพิ่งไปไหน คนของนายใหญ่หูตากว้างไกล เธอควรระวังตัวไว้ก่อน”
“ค่ะ คุณอา” เจนิตาตอบกลับไปทว่าคราวนี้เธอหันไปมองหน้าเขาอย่างเต็มตา นอกจากนั้นก็ยังสำรวจใบหน้าที่ยังปรากฏบาดแผลจางๆ ตรงอื่นนอกจากที่เปลือกตาด้วย
ความกลัวในคืนนั้นคล้ายกับหายไปมากแล้วเมื่อเวลาผ่านไป ตอนนี้มีเพียงแผนที่อยู่ในใจซึ่งมีคุณอาต้าเหว่ยเป็นตัวแปรหลัก
ตั้งแต่ที่เธอตัดสินใจว่าจะทำเรื่องแบบนั้น เมื่อวานทั้งวันเธอจึงเตรียมใจให้พร้อม นอกจากนั้นก็ยังเก็บข้อมูลของเขาจากคุณแม่บ้านด้วยการลงไปช่วยหยิบจับในครัวบ้าง
เธอใช้ข้ออ้างว่าไม่อยากมาอยู่ที่นี่ฟรีๆ เลยอยากช่วยแบ่งเบา ไม่มีใครรู้ว่าที่จริงแล้วเธอแค่มาสืบเพราะอยากรู้ว่าเขามีครอบครัวแล้วหรือยัง
หากเขามีครอบครัวแล้วเธอก็จะหาทางอื่น แต่ถ้ายังไม่มีก็ถือว่าเข้าทาง และผลมันก็ไม่ได้ผิดจากที่คิดเอาไว้มากนัก
‘คุณเหว่ยยังไม่มีครอบครัวหรอกค่ะคุณหนู คุณแกอยู่เป็นโสดไม่เห็นว่าจะชอบพอใครเลยสักคน แต่เดี๋ยวคุณหนูอยู่ไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นผู้หญิงมาหาคุณแกที่บ้านอยู่ค่ะ’
‘ผู้หญิง? แฟนของคุณอาเหรอคะ’
‘โอ้ยไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นเด็กสาวๆ ที่คุณเหว่ยเลี้ยงดู น่าจะอายุพอๆ กับคุณหนูนะคะ’
‘คุณอาเลี้ยงเด็กแนวๆ นั้นด้วยเหรอคะ’
‘แกไม่มีใครก็จริงแต่ยังมีความต้องการทางร่างกายนี่คะคุณหนู แล้วเด็กๆ พวกนั้นก็ไม่มีใครได้นอนค้างหรอกค่ะ เสร็จกิจแล้วก็กลับกันทั้งนั้น’
จากการไปแอบถามคุณแม่บ้านที่ทำงานที่นี่มานานเธอก็ได้รู้ว่า คุณอาต้าเหว่ยของเธอไม่ได้มีครอบครัว ไม่มีแฟนที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบจริงจังด้วย
แต่กลับมีเด็กเลี้ยงรุ่นๆ เดียวกันกับเธอ เขาส่งเสียเลี้ยงดูและให้ใช้เป็นรายเดือนผ่านเลขาที่ชื่อว่าคุณฟ่ง
ที่สำคัญคือเลี้ยงเอาไว้หลายคน แต่ก็ยังไม่มีคนไหนที่ได้ค้างที่บ้านหรือนอนบนเตียงกับคุณอาจนเช้าเลยแม้แต่คนเดียว
ถ้าเป็นแบบนั้นก็อาจจะหมายความได้ว่าเขาไม่ได้มีใครในใจ หรือต่อให้มีก็คงไม่สามารถที่จะมีเธอคนนั้นในชีวิตจริงๆ ได้
ถึงเรื่องนั้นจะฟังดูเป็นไปได้น้อยมาก ที่ผู้ชายซึ่งรวยล้นฟ้าและมีอำนาจอย่างเขาจะถูกกีดกันเรื่องความรัก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ และไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไรก็ถือว่าเธอยังพอที่จะมีโอกาส
เธอไม่ได้จะให้เขามารักอะไรสักหน่อย แค่จะใช้เขาเป็นเครื่องมือทำให้พ่อบังเกิดเกล้าเจ็บใจก็เท่านั้น
“คุณอาคะ” คิดมาถึงตรงนี้เจนิตาจึงหันกลับไปหาเขาอีกครั้ง คุณอาต้าเหว่ยยังทำหน้าที่ขับรถส่วนตัวหันมามองเธอเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบรับอะไรไปมากกว่านั้น ราวกับกำลังรออยู่ว่าเธอจะพูดอะไรออกมา
“คุณอาทำงานนี้มานานแล้วเหรอคะ ตั้งแต่หนูยังไม่เกิดเลยหรือเปล่า”
“เธออยากจะถามเรื่องพ่อของตัวเองก็ถามมาเถอะเจนิตา” ทว่ายามที่เธอถามจบเขาดันสวนกลับมาแบบนั้น เล่นเอาเจนิตาไปไม่เป็น เพราะอันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะถามเรื่องพ่อ เพียงแค่อยากตีสนิทกับเขาก็เท่านั้น
เรื่องพ่อถือเป็นคำถามที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ แต่หญิงสาวเองก็ลืมไปว่าคุณอาต้าเหว่ยเป็นคนที่ฉลาดมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยม พาเธอให้รอดพ้นสองพ่อลูกนายใหญ่นายน้อยอะไรนั่นมาได้
“..ก็ได้ค่ะ หนูอยากรู้ว่าพ่อกับคุณอาทำงานแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว แล้วทำไมหนูถึงไม่เคยรู้ว่าพ่อเป็นพวกมาเฟีย”
“อาเกิดในครอบครัวมาเฟียจีนที่กวางโจว พ่อของอาก็ไม่ต่างจากนายใหญ่เราแค่อยู่คนละพื้นที่กัน”
“ส่วนพ่อของเธอเป็นแค่พวกเด็กรัสเซียฝีมือดีที่จับพลัดจับผลูได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้ และลูก้าก็เคยช่วยชีวิตเฮียใหญ่พี่ชายของอา เราถึงได้เป็นเพื่อนกัน”
เขาตอบเสียงเรียบทว่าใบหน้ายังคงเคร่งขรึมไร้ซึ่งรอยยิ้ม กระนั้นน้ำเสียงก็ยังฟังดูอบอุ่นคงเพราะเขารู้ว่าเธอเพิ่งไปเจออะไรมา และอาจจะยังไม่หายเสียขวัญ
อีกทั้งเจนิตายังเป็นลูกของเพื่อนที่มีหนี้บุญคุณกัน การที่เขาให้เธอเป็นคนในปกครองก็คงเป็นเพราะเรื่องนี้
“ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้ก็คงเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาว ถ้าไม่จำเป็นเราก็ไม่ค่อยให้ลูกสาวเข้ามายุ่งในเรื่องพวกนี้เพราะลูกสาวยังไงก็ต้องแต่งออก
“พอแต่งออกไปแล้วก็ถือเป็นคนของครอบครัวใหม่ ไม่ควรรู้เรื่องอะไรในกิจการของบ้านมากนักเพราะอาจเป็นภัยในภายหลัง นอกจากเสียจะเป็นลูกสาวคนโตของบ้านที่ไม่มีลูกชายเลย”
ถ้าพ่อของเธอไม่ได้มีน้องชายที่เกิดจากแม่เลี้ยง วันหนึ่งเธอเองก็คงได้รู้เรื่องนี้ด้วยตัวเองสินะ
แต่พอเขามีลูกชาย สุดท้ายเธอที่เป็นลูกติดจากเมียคนเก่าจึงถูกกันให้เป็นคนนอก ที่เขาพาลูกชายหนีไปแล้วทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่กับคุณอาก็เป็นเพราะต้องปกป้องทายาทที่จะสืบทอดอำนาจของตัวเองได้
ส่วนเธอแค่เลี้ยงไว้ไม่ให้ตายก็เท่านั้น
เป็นแบบนี้ก็ดี ในเมื่อพ่อไม่อยากให้เธอเข้าไปยุ่งเธอก็จะไม่ยุ่ง แต่พ่อห้ามเธอไม่ให้เป็นเมียมาเฟียไม่ได้นี่
“แล้วมีเรื่องใหญ่โตแบบนี้คงอีกนานเลยสิคะ กว่าพ่อจะกลับมาไทยได้”
“หรืออาจจะไม่ได้กลับมาอีกเลย”
“...คุณอาหมายความว่ายังไงคะ”
“อาเล่าให้เธอฟังไปแล้วว่าพ่อของเธอทำอะไร มันไม่ง่ายนะเจนิตาที่พ่อของเธอจะกลับมาอยู่ที่นี่ได้โดยไม่ต้องหลบซ่อนอีก ต่อให้ซ่อนแต่ถ้าหากวันหนึ่งคนของนายใหญ่รู้ก็ยังไม่มีอะไรเป็นหลักประกันว่าจะรอด”
“นายใหญ่อะไรนั่น ใหญ่คับฟ้าขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“อำนาจทั้งใต้ดินและบนดินมันมีมากกว่าที่เธอคิด ลองเดาสิ ว่านายใหญ่หมื่นฟ้าจะมีซ่องวีไอพีกลางเมืองขนาดนั้นได้ยังไงถ้าไม่ได้มีคนของรัฐเป็นพวก”
“ที่นั่นไม่ใช่ธุรกิจเพียงอย่างเดียวของตระกูลนี้ แต่ยังมีธุรกิจทั้งขาวทั้งดำทั้งเทาอีกหลายอย่าง”
“...”
“ตัวเธอเองที่รอดมาได้ ต่อให้เป็นอาไปช่วยก็ยังถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ด้วยซ้ำ”
“เพราะอย่างนั้น คนแบบคุณอาถึงต้องก้มหัวให้นายใหญ่เหรอคะ”
เธอยังจำภาพการเล่นละครตบตาในคืนนั้นได้ดี คุณอามีเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนั้นเลยด้วยซ้ำ ที่จริงมันควรจะเป็นการดีลต่อรองกันแบบแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เหมือนอย่างที่เธอเคยเห็นในหนัง
การที่คุณอาต้องใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลทั้งเงิน แถมยังต้องแสดงท่าทีชัดเจนว่าเลือกข้างนายใหญ่และตัดหางพ่อเธออย่างสิ้นเชิง
หากเป็นคนไทยก็แทบจะเรียกได้ว่าคลานเข่าเข้าหา แบบนี้สิ่งที่เขาพูดนั้นก็คงไม่เกินจริง พ่อเธอดันไปเจอตอเข้าถึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนขนาดนี้
“บางครั้งชีวิตๆ หนึ่งมันก็สำคัญกว่าศักดิ์ศรีมากเจนิตา อาว่าเธอน่าจะพอเข้าใจ”
“หนูเข้าใจค่ะ ขอบคุณมากนะคุณอาที่ช่วยชีวิตหนูเอาไว้ ถ้าไม่ได้คุณอาหนูก็ไม่รู้ว่าชีวิตของหนูจะเป็นยังไงต่อไป”
เจนิตาว่าพลางยกมือที่วางอยู่บนหน้าขาของตัวเองไปวางบนแขนแกร่ง ดวงตาสวยมองสบกับเขาที่หันมามองเธอชั่วครู่ก่อนจะหันกลับไปมองท้องถนนอย่างซาบซึ้ง
เธอไม่จำเป็นต้องปั้นแต่งเลยสักนิดเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หากไม่ได้เขาตัวเธอคงไม่ได้มานั่งตรงนี้
“อาติดหนี้ชีวิตพ่อเธอ การช่วยเธอก็ถือเป็นการตอบแทนอย่างหนึ่ง อีกอย่างเธอก็เป็นเหมือนหลานของอา เรื่องแค่นี้มันไม่ได้ทำให้อาเดือดร้อนอยู่แล้ว”
คุณอาต้าเหว่ยยังพูดด้วยน้ำเสียงแบบเดิม อีกทั้งยังฟังดูอ่อนโยนมากขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นก็ยังมีเรื่องหนึ่งที่เจนิตาไม่ถูกใจอย่างแรง
หากไม่นับว่าเธออยากทำให้พ่อเจ็บใจ คุณอาที่ทั้งหล่อทั้งดุทั้งมีอำนาจ ทั้งกายภาพทั้งท่าทางมาดทรงแด๊ดดี๊ แถมมีอายุตรงสเปคของเธอขนาดนี้ ใครจะอยากเป็นแค่หลานของเขากัน