-เลิกคลาส-
"โอเค เดี๋ยวครูจะให้เลิกคลาสก่อนเวลาสามสิบนาทีนะ" อาจารย์วิลเลียมเงยหน้าขึ้นบอกทุกคนอีกครั้ง
"เพราะวันนี้คณะวิศวะเรามีนัดรวมตัวกันที่ลานกิจกรรม เรื่องการรับน้องปีหนึ่ง" อาจารย์วิลเลียมปิดหนังสือลงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหยุดตรงหน้าพวกเราทั้งหกคน
"ถ้าจะเข้าวิศวะแค่ย้ายหน่วยกิจอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรับรุ่นด้วย" อาจารย์พูดขึ้นกับเพอร์ซุสก่อนจะกดปิดจอโพรเจกเตอร์ด้วยรีโมต
"ทุกคนกลับได้เลย ยกเว้นพิมพ์ตะวัน ครูจะคุยเรื่องงานเด็กทุนปีนี้น่ะ" อาจารย์วิลเลียมเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะ พร้อมกับหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมารอ
"งั้นเจอกันหน้าลานรับน้องนะ พวกกูไปดูดบุหรี่ก่อน" อาร์เดลหันมาบอกกับฉัน และใช้หางตามองทางเพอร์ซุสเล็กน้อย
ก่อนที่พวกมันทั้งสี่คนจะลุกจากโต๊ะ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเดินนำออกจากห้องไปจนหมด เหลือแค่เพอร์ซุสที่ยังคงนั่งเปิดชีตเรียนอ่านไปคร่าว ๆ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าและเดินออกไปเป็นคนสุดท้าย
แผ่นกระดาษตารางชั่วโมงทุนที่ฉันต้องทำให้กับทางมหาวิทยาลัย ซึ่งก็จะเป็นพวกกิจกรรมแทบจะทุกกิจกรรมของมหาวิทยาลัยเลย ไม่ว่าจะจัดเตรียมงานประชุม รับน้อง หรือกีฬาสี เด็กทุนล้วนแต่ต้องรับผิดชอบทั้งหมด ถูกยื่นมาตรงหน้าฉัน
(อย่างที่รู้กันดี...โลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ)
(ค่าเทอมปีละห้าถึงหกแสน แค่ทำงานง่าย ๆ แบบนี้ถือว่าคุ้มมากแล้วสำหรับเด็กทุนเรียนเต็มจำนวนเช่นฉัน)
"อันนี้คือตารางชั่วโมงทุนอัปเดตจากห้องทะเบียนนะ ชั่วโมงทุนปีนี้กับเวลาเรียนค่อนข้างคาบเกี่ยวกันเยอะเลยนะ"
"ปีนี้อาจจะเหนื่อยหน่อย" อาจารย์วิลเลียมพูดขึ้นเพราะท่านคือคนที่เซ็นชื่อลงบนเอกสารก่อนจะยื่นให้ฉัน
"ขอบคุณค่ะอาจารย์ หนูจะตั้งใจทำอย่างเต็มที่" ฉันยกมือไหว้อาจารย์วิลเลียมไป ถึงแม้ท่านจะดุแต่ในความดุ ความเนี้ยบ ก็ล้วนแต่มีความหวังดีมอบให้นักศึกษาทุกคนเสมอจริง ๆ
หลังจากคุยเรื่องชั่วโมงทุนเสร็จ ฉันก็เดินสะพายกระเป๋าออกมาจากห้อง เตรียมจะเดินตรงไปลานกิจกรรม
ฟุ่บ! ทันทีที่ปิดประตูห้องเลกเชอร์ หัวใจก็แทบจะวายเลยจริง ๆ เพราะ...
"ชะเชี่ย!" ฉันเอามือลูบอกตัวเองด้วยความตกใจ เมื่อเจอเพอร์ซุสยืนกอดอกรออยู่ก่อนแล้ว
"คนเถื่อน ๆ อย่างเธอเนี่ย ไม่น่าตกใจอะไรง่าย ๆ เลยนะ" เขาพูดขึ้นพร้อมกับก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน
"มีอะไรกับฉันอีกล่ะ" ฉันเลิกคิ้วถามกลับไปอย่างหัวเสีย
"ฮะ?" ไอ้ฝรั่งหัวทองเบิกตาโตขึ้นมาทันที
"มีอะไรกับเธออะนะ" ร่างสูงมองฉัน พร้อมกับประสานมือเข้าด้วยกันและทำท่าทางแปลก ๆ แบบประสานและเอาส้นมือชนกันเน้น ๆ
"อะ...ไอ้บ้า!" ฉันรีบดึงมือของไอ้เสาไฟฟ้าลงทันที เพราะกลัวคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมาจะเข้าใจผิดเอา
"โอ๊ย! มันไม่ได้หมายความแบบนั้นโว้ย หมายถึง...มีปัญหา มีธุระ แบบนายน่ะ...มี...ห่าอะไรกับฉันอีก!" ฉันเกาหัวตัวเองซ้ำ ๆ ก่อนจะรีบพูดแก้ไปทันควัน
(นี่เขาไม่เข้าใจภาษาไทย หรือฉันที่พูดภาษาไทยไม่ถูกต้องวะ)
ฟุ่บ! ร่างสูงยกรองเท้าที่เต็มไปด้วยคราบโคลนจากรอยเท้าเปื้อน ๆ ของฉันรวมกับรอยหมึกซึมที่เลอะเต็มรองเท้าสีขาวล้วนแบรนด์ดัง ที่ราคาเกือบเจ็ดหมื่นจริง ๆ เท่าที่เซิร์ชหาจากในอินเทอร์เน็ตมากับไอ้ออโต้
(รองเท้าบ้าอะไรวะเจ็ดหมื่น ไม่ต้องขายไตชดใช้เลยหรือไง) ฉันหน้าเสียเล็กน้อย และทำได้แค่พึมพำในใจ
"แล้วไง" ก่อนจะปากเก่งสู้ไปก่อน แม้ว่าใจจะเต้นตุบ ๆ ๆ แทบจะหลุดออกมาเลย
"เธอจะชดใช้ยังไง" เขาเลิกคิ้วถามกลับมาเสียงกวน ๆ ก่อนจะยื่นรองเท้ามาแทบจะฟาดใส่หน้าของฉันอยู่แล้ว
"ทำไมฉันต้องรับผิดชอบด้วย ก็นายยื่นเท้ามาเอง ฉันไม่เห็นก็เลยเหยียบไป" ฉันข่มความกลัวไว้ในใจและเงยหน้าตอบกลับอย่างสู้สายตา
"เอางี้...อะ...ฉันให้นายทำคืนก็ได้" ฉันยื่นรองเท้าผ้าใบสีขาวของตัวเอง ที่ใส่มาสามปีแถมซักจนขาวสะอาดชนิดที่ยี่ห้อหลุดไปเป็นชาติไปตรงหน้าของเขา
"เหยียบสิ...หรืออยากจะละเลงปากกาอะไรก็เชิญเลย" ฉันยื่นปลายเท้าของตัวเองไปตรงหน้าของเขา
"นี่! ฉันไม่มีเวลาเล่นกับเธอหรอกนะ" เขาจ้องหน้าฉันอย่างเอาเรื่องพร้อมกับยัดรองเท้าผ้าใบของตัวเองให้กับฉัน
"ถ้าเธอไม่มีจ่ายคืน ก็เอาไปซักให้สะอาดซะ!"
"แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเงินมาเจ็ดหมื่น!"
"กะ...ก็ได้ แหมรอยแค่นี้เองทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต" ฉันรีบตอบกลับไปทันที
แม้รู้ดีว่ามันแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลย เพราะหมึกซึมมันซึมลึกเข้าไปในเนื้อของผ้าใบแล้ว
(งื้อ ๆ ๆ พระเจ้าช่วยด้วย)
"มีธุระแค่นี้ใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะได้รีบเอากลับไปซักมาคืนให้" ฉันตอบไปแบบเสียงแข็ง ๆ ก่อนจะเดินหันหลังเตรียมจะไปหาที่ซักรองเท้าให้หมอนี่ ก่อนที่คราบจะฝังลึกไปกว่านี้
หมับ! ยังไม่ทันที่ฉันจะเดินไปไหนได้ มือหนาของเขาก็คว้าไหล่ของฉันเอาไว้อีกครั้ง
"เดี๋ยว!"
"อะไรอีก" ฉันขมวดคิ้วหันไปถามด้วยเสียงเอือม ๆ
"ถอดรองเท้าของเธอมา!" เขาเหลือบตามองลงไปที่รองเท้าของฉัน
"อะไรนะ" ฉันยิ่งงงหนักกว่าเดิม
"เธอนี่หูหนวกรึไง ฉันบอกว่าถอดรองเท้าเธอมา ฉันจะใส่!" ร่างสูงโน้มตัวเข้ามาดึงหูของฉันไปพูดใกล้ ๆ
"นายจะบ้ารึไง! เท้าฉันเล็กกว่านายเกือบครึ่งเลย ถ้านายมาใส่รองเท้าฉัน รองเท้าฉันก็พังพอดีสิ" ฉันส่ายหน้าอย่างไม่เอาด้วยแน่ ๆ
"แล้วเธอจะให้ฉันเดินเท้าเปล่า ไปรับน้องรึไง" เขาเอียงคอถามด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนกดดันฉันไปในตัว
"เออ ๆ ๆ ...เอาไป" ฉันทำได้แค่ยืนกำหมัดแน่น ก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าตัวเองให้กับเขาไป
เพอร์ซุสยิ้มออกมา และสอดเท้าของเขาเข้าไปในรองเท้าคู่เล็กของฉัน ซึ่งแม้ว่ามันจะเข้าไปได้แค่ครึ่งเท้าแต่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างหน้าระรื่น เหมือนดีใจที่ได้แกล้งฉันคืน
"ไอ้..." ฉันแทบอยากจะปารองเท้าใส่หัวหมอนี่จริง ๆ แต่คดีเก่าที่ยังไม่เคลียร์มันเยอะมากเสียจนกลัวจะโดนทวงค่าเสียหายอยู่เหมือนกัน
"ตั้งสติหน่อย ๆ พิมพ์ตะวัน ๆ เธอไม่ได้รวย ๆ " ฉันพยายามหายใจเข้าและออกเพื่อข่มความโกรธเอาไว้ ไม่ให้พลั้งพลาดทำอะไรที่ขาดสติอีก
ฉันก้มมองนาฬิกาก่อนจะรีบบิดมอเตอร์ไซค์กลับไปที่หอพักนักศึกษา ที่อยู่ติดกับมหาวิทยาลัย เพื่อแช่รองเท้าของไอ้ฝรั่งจอมหื่นลงในกะละมังซักผ้าก่อน
พร้อมกับเทผงซักฟอกแทบจะเกือบทั้งถุง ทั้งแปรง ทั้งขยี้ รวมถึงนั่งภาวนาให้คราบหมึกมันหลุดออกมา
แต่นั่งซักขยี้ ๆ ๆ ซ้ำจนมือแทบหัก คราบปากกามันก็ไม่ยอมหลุดออกเลย
"ซวยแน่ ๆ ๆ " ฉันทำได้แค่นั่งทุบหัวตัวเองซ้ำ ๆ
ตื๊ด ๆ ๆ (เสียงโทรศัพท์)
((ออโต้) )
"ฮัลโหลมึง" ฉันกดรับสายมันทันที
(ไอ้พิมพ์ มึงอยู่ไหนเนี่ย รับน้องจะเริ่มแล้ว)
"เออ ๆ อีกห้านาทีกูไป" ฉันรีบเปิดน้ำล้างมือและแช่รองเท้าของเขาไว้ แต่คิดแล้วว่าอย่างไรก็คงซักให้ขาวสะอาดตามเดิมไม่ได้แน่ ๆ
"เฮ้อ! ซื้อของก๊อปให้แทนได้ไหมวะ" ฉันนั่งคิดมาตลอดทางที่บิดมอเตอร์ไซค์กลับมาที่มหาวิทยาลัย
ลานกิจกรรม
มหาวิทยาลัยอเธน่า
"คณะเราอยู่กันแบบพี่แบบน้อง ในวันที่คุณก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิศวะ" รุ่นพี่ปีสี่โฆษกประจำคณะประกาศออกไมค์ ขณะที่พวกรุ่นน้องทุกคนนั่งเข้าแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
"โปรดจงรู้เอาไว้ว่าเราคือครอบครัว"
"มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน"
"และต่อให้พวกคุณจะผ่านการเข้าค่ายรับน้องของทางมหาวิทยาลัย ไม่ได้หมายความว่าพวกผมจะรับคุณเข้ารุ่น"
"ทำเนียบรุ่นของเรา ใครก็รู้ว่าโหดมากแค่ไหน ดังนั้นผมขอถามอีกครั้งว่ามีใครจะถอดใจไหม"
"ไม่มี!" รุ่นน้องทุกคนตะโกนตอบ
"มีไหม...ไม่ได้ยิน" รุ่นพี่ปีสี่เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
"ไม่มี!" รุ่นน้องก็ตะโกนตอบกลับอย่างสุดเสียง
"แจกผ้าพันคอ!" รุ่นพี่ปีสี่คนเดิมหันมาบอกกับทางพวกปีสาม ซึ่งเราก็เอาผ้าพันคอคำว่า ‘โซตัส’ เตรียมแจกให้น้อง ๆ
"โซตัส SOTUS" รุ่นพี่ปีสี่พูดขึ้นพร้อมกับสั่งให้ ปีสามเดินเข้าไปช่วยกันผูกผ้าพันคอให้กับรุ่นน้องปีหนึ่ง เหมือนเป็นการต้อนรับพวกเขาเข้าสู่คณะ
ซึ่งคณะของเราจะให้ความเคารพในลำดับชั้นปี มาก ๆ ดังนั้นพี่ปีสี่สั่งอะไรรุ่นน้องก็ต้องทำตาม
การผูกผ้าพันคอเป็นหน้าที่ของรุ่นพี่ปีสาม แต่การมอบเกียร์รุ่นถึงจะเป็นหน้าที่ของพี่ปีสี่ หรือชั้นปีที่สูงที่สุด
"Seniority ให้ความเคารพต่อรุ่นพี่ ผู้ที่อาวุโสกว่า"
"Order เคารพในคำสั่ง และกฎระเบียบวินัย"
"Tradition สืบสานประเพณีที่ส่งต่อ ๆ กันมา"
"Unity ความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว"
"Spirit จิตวิญญาณ และความเห็นใจ มีน้ำใจ ช่วยเหลือกันและกัน"
"กูจองน้องคนนั้น" ไอ้ออโต้รีบเดินไปหยุดตรงหน้าแถวของสาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งทันที
"หน้าหม้อซะจริง" ฉันยังไม่ทันได้ด่ามันก็วิ่งจู๊ดตรงไปหาน้องเขาแล้ว
วิศวะเราก็มีผู้หญิงเรียนอยู่เหมือนกันนะ แต่แค่มีน้อยมาก ๆ เท่านั้นเอง ปีละไม่ถึงสิบคน จากทั้งคณะที่มีเกือบ ๆ ร้อยคนได้
ในตอนที่ฉันกำลังเลือกหาน้องปีหนึ่งที่ว่าง ๆ เพื่อจะเดินไปผูกผ้าพันคอให้ แวบหนึ่งฉันก็นึกสงสัยขึ้นมาเหมือนกันว่า คนอย่างเพอร์ซุสจะมาร่วมกิจกรรมแบบนี้ไหมนะ เพราะอย่างไรเสียเขาก็ถือเป็นรุ่นพี่ปีสี่ แถมยังมาจากคณะที่เป็นอริกับเราอีกด้วย
"มองหาฉันเหรอ" แต่แล้วร่างสูงเป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาหาฉันแทน
(เจอหน้าหมอนี่ทีไร มีแต่เรื่องซวย ๆ ทุกทีจริง ๆ )
"ฉันจะมองหานายทำไมไม่ทราบ" ฉันเงยหน้าถามกลับไปอย่างกวน ๆ
"ผูกผ้าพันคอให้ฉัน" ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าของฉัน
"ทำไมฉันต้องผูกให้นายด้วยไม่ทราบฮะ" ฉันกอดอกถามกลับอย่างถือไพ่เหนือกว่า
"เพราะฉันไม่รู้จักใครเลย นอกจากเธอ" เขาก้มหน้าลงมองฉันอย่างกดดัน
"หึ...งั้นก็ฝันไปเถอะ ฉันจะเก็บผ้าพันคอนี้ไว้ผูกให้กับรุ่นน้องปีนะ... (หนึ่ง)
"ก็ได้...งั้นฉันจะเดินไปบอกเพื่อนทั้งสี่ตัวของเธอว่า เราเคยจูบ..."
ฟุ่บ! ฉันรีบกระชากคอเสื้อของเขาก้มลงมาใกล้ ๆ และจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
"ถ้านายพูดเรื่องนั้นกับใครล่ะก็...ฉันจะทำทุกทางให้นายเรียนคณะนี้ไม่ได้เลยคอยดู"
"น่ากลัวจัง" เขาตอบกลับอย่างหน้าตาย
"บอกเลยว่า จะเป็นวิศวะไม่ง่ายหรอกนะ ยิ่งย้ายมาจากบริหารแล้วเนี่ย ฝันไปเถอะว่า คนในคณะจะต้อนรับนาย"
ฉันก็รีบผูกผ้าพันคอให้ไปแบบลวก ๆ