"โอ๊ย! ไอ้พิมพ์หัวกู" ออโต้กุมหัวตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงผมฉันคืนแต่ไม่ได้ดึงแรงมาก เหมือนแค่แกล้งกันเล่น
"โขกแรง ๆ เนี่ยแหละ มึงจะได้ตื่น" ฉันกระชากผมมันแล้วดึงซ้ำ ๆ
"เฮ้ ๆ ๆ พวกคุณปีสามกันแล้วนะ!" อาจารย์วิลเลียมตวาดขึ้นลั่น ทำให้เราสองคนจำต้องหยุดการอาฆาตแค้นต่อกันเพียงเท่านี้
"เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ " ท่านตำหนิก่อนจะหันไปคุยกับนักเรียนใหม่ รวมถึงหัวหน้าจากฝ่ายทะเบียนอีกคน
ในตอนแรกอาจารย์ก็คุยกับนักเรียนใหม่เป็นภาษาอังกฤษ แต่พอมีฝ่ายทะเบียนเข้ามาด้วย ท่านก็เลยสนทนาเป็นภาษาไทยแทน ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดไทยได้เช่นกัน
"อันที่จริงวิชาของปีหนึ่งปีสอง เทียบโอนได้หมด แต่วิชาของคณะวิศวะบางตัวก็ยังมีต้องเก็บอีก" อาจารย์วิลเลียมพูดพร้อมกับเปิดเอกสารการเรียนของนักศึกษาคนนั้นไปพลาง ๆ ซึ่งร่างสูงก็หันหลังให้กับพวกเรา แต่หันหน้าคุยกับอาจารย์ด้วยท่าทางที่เคร่งเครียด
"แต่ที่น่าทึ่งคือ เรียนบริหารมา แต่ดันทำข้อสอบของคณะวิศวะภาคเหมืองแร่และปิโตรเลียมได้เกือบเต็ม"
"เพราะขนาดเด็กในคณะวิศวะ ยังสอบผ่านมาได้แค่ห้าคนเอง" อาจารย์วิลเลียมเม้มปากอย่างชั่งใจ เพราะปกติแล้วการย้ายคณะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนทำกัน และต้องผ่านการพิจารณาจากอาจารย์หลายฝ่ายด้วยกัน
"ถ้าย้ายมาวิศวะ นักศึกษาจะจบช้าไปหนึ่งปีนะ ถ้าจะเก็บเครดิตให้ได้ครบอย่างไรก็ต้องลงซัมเมอร์ ไหวไหมล่ะ" อาจารย์วิลเลียมยืนคำนวณเครดิตให้กับเขาพร้อมกับเขียนแผนการเรียนให้คร่าว ๆ
"เรื่องจบช้าไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เพราะผมไม่ได้รีบ" ร่างสูงตอบกลับไปเสียงเรียบ ฉันที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเซ็นชื่อตัวเองอยู่ก็ถึงกับชะงักไปเลยเหมือนกัน เพราะเสียงของหมอนี่มันคุ้นมาก ๆ แถมสำเนียงการพูดภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัดยิ่งทำให้รู้สึกคุ้นเข้าไปอีก
"โอเค...เท่าที่ดูจากเกรดแล้ว เรานี่หัวกะทิของฝั่ง BBA เลยนะ ย้ายมาวิศวะก็ดีเหมือนกัน" อาจารย์วิลเลียมดูจะชอบตาเด็กใหม่นี่พอควรเลย อีกอย่างห้องเรียนภาควิชาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียมมันก็เงียบจริง ๆ ไม่แปลกที่อาจารย์จะดีใจที่มีคนสนใจเข้ามาเรียนเพิ่ม
"ว่าแต่ทำไมถึงย้ายมาวิศวะล่ะ" อาจารย์เอ่ยถามอย่างละเอียดเพื่อความแน่ใจ เพราะการจะย้ายคณะแต่ละครั้งมันสำคัญมากจริง ๆ ท่านคงไม่อยากให้เด็กใหม่ตัดสินใจพลาด
"ผมรู้สึกว่าวิชาเกี่ยวกับการบริหารมันไม่ค่อยท้าทายน่ะครับ เพราะผมเองอยู่กับเรื่องการบริหารธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก ๆ "
"เลยอยากจะเรียนอะไรที่ยากกว่านั้น และอะไรที่มันสามารถไปต่อยอดกับธุรกิจของที่บ้านได้"
"ภาควิชานี้ตอบโจทย์ดี" ร่างสูงตอบกลับพร้อมกับหันมามองทางทุกคนที่นั่งอยู่ แต่ฉันก็ไม่ได้โฟกัสเขาสักเท่าไร เพราะยังคงก้มหน้าเล่นมือถือไถจอหางานพิเศษแถว ๆ มหาวิทยาลัยทำไปพลาง ๆ
"เรื่องเรียนน่ะ ครูคิดว่าไม่น่าหวงเท่าไร"
"แต่ที่ห่วงน่าจะเป็นระบบรุ่นพี่รุ่นน้องในสังคมของวิศวะมากกว่า เพราะถ้าเราไม่ผ่านการรับน้อง เราก็จะไม่ได้เกียร์รุ่น"
"ที่นี่เราอยู่กันแบบครอบครัว และการรับรุ่นคือการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว"
"ผมยินดีเข้ารับน้องใหม่พร้อมกับเด็กปีหนึ่ง เพื่อให้ได้เกียร์รุ่นครับ"
"งั้นก็ดี...ไหน ๆ จะย้ายคณะแล้ว ก็จงเป็นวิศวะอย่างเต็มตัว" อาจารย์วิลเลียมยิ้มให้นักศึกษาใหม่ ก่อนจะจรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงไปในใบลงทะเบียนเรียนของเขา
ในระหว่างที่เด็กใหม่พูดคุยกับอาจารย์วิลเลียมอยู่นั้น พวกเราทั้งห้าก็นั่งคุยเล่นกันไปพลาง ๆ
"ฝรั่งเหรอวะ" ไอ้โยเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
"สูงอย่างกับเปรต" เสียงของไอ้เลโอจอมปากหมาก็เริ่มบุลลีนักเรียนใหม่แบบขำขันกัน
"เขาพูดไทยได้ พวกมึงเบาได้เบา" ไอ้อาร์เดลหันไปเตือนพวกเพื่อน เพราะมันเองก็ลูกครึ่งเช่นกัน
"มึงรู้จักเหรอไอ้เดล" ไอ้โยกระซิบถามและคุยข้ามหัวฉันกันไปมาตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน
"รู้จักดิ...เห็นแค่ด้านหลังกูก็จำมันได้เลย ก็ไอ้พี่เนี่ยแหละที่ทำให้สาวนิเทศคนนั้นทิ้งกูไป" อาร์เดลก็รีบเล่าต่อในทันที
"แสดงว่าเขาหล่อกว่ามึงอะดิ" ฉันแกล้งพูดแหย่มันไปเล่น ๆ แต่ยังคงก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไป มือก็กดหางานพิเศษทำไปพลาง ๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจมากเท่าไร เพราะการมาของเด็กใหม่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันสักหน่อย
"ปากมึงนี่นะ ไอ้พิมพ์" อาร์เดลเลิกคิ้วมองทางฉันอย่างเอาเรื่อง
"หล่อกว่ารึเปล่าไม่รู้ แต่น่าจะใหญ่กว่าแน่ ๆ สาวคนนั้นถึงทิ้งมึงไป" ไอ้เลโอแกล้งเหลือบมองไปที่เป้ากางเกงของอาร์เดล
"ไอ้เชี่ยเลโอ มึงเคยนั่ง ๆ อยู่แล้ววูบไหม"
"ไอ้พวกหื่น มึงหยุดลามกสักนาทีดิ๊ กูจะอ้วก!" ฉันส่ายหน้ากับบทสนทนาของพวกมันที่เริ่มจะต่ำตมมากขึ้นไปทุกที ๆ
"สาวนิเทศนั่นก็ใช่ย่อย คุยกับกูมาได้เป็นเดือน ๆ พอเจอไอ้พี่นี่ไปคืนเดียวเท่านั้น...บล็อกไลน์กูเฉย" อาร์เดลระบายความในใจออกมาอย่างเซ็ง ๆ
"พวกมึงจำไว้นะ เราจะไม่คุยกับไอ้เด็กใหม่นั่นเด็ดขาด จนกว่ามันจะได้รับรุ่น" ไอ้โยพูดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะการรับรุ่นของคณะวิศวะสำคัญมากจริง ๆ ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าตอบรับกันไปในทันที
"อ๋อ...กูจำได้ละ คนที่เป็นกัปตันทีมบอลของบริหารไง...คนที่ชื่อเพอร์ (ออโต้) / ชู่ว! ที่นี่ห้องเรียนนะไม่ใช่สนามบอล ช่วยเงียบกันหน่อย! (อาจารย์วิลเลียม) ยังไม่ทันที่ไอ้ออโต้จะพูดจบ อาจารย์ก็ดุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบได้ภายในเสี้ยววินาทีเดียวเลย
"พิมพ์ตะวัน เอากระดาษรายชื่อมาให้เพื่อนใหม่เขียนชื่อทีสิ" อาจารย์วิลเลียมตะโกนเรียกฉัน ซึ่งน่าจะเป็นคนที่ดูมีสติมากที่สุดในห้องนี้แล้วล่ะ
"ได้ค่ะอาจารย์" ฉันเดินถือกระดาษตรงไปทางอาจารย์วิลเลียม โดยมีร่างสูงในชุดนักศึกษายืนหันหลังให้อยู่
"อันนี้ของนาย..." ฉันวางกระดาษลงตรงหน้าของนักศึกษาใหม่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เพื่อมองหน้าเขาแบบชัด ๆ
แต่ทว่า...
"นะนาย!" ฉันอ้าปากค้างไปเลยเมื่อพบว่า นักศึกษาใหม่ที่ย้ายมาจากคณะบริหารคือ...
ไอ้ฝรั่งโรคจิตสุดหื่นคนนั้น คนที่ฉันต่อยปากแตก แถมยังกระทืบกระจกรถคันละหลายสิบล้านของมันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน
"ไง" ร่างสูงกระตุกยิ้ม พร้อมกับลูบมุมปากที่ยังคงแดง ๆ ช้ำ ๆ ของเขา ก่อนจะดึงกระดาษเข้ามา
( พระเจ้าทำไม ๆ ๆ ต้องเป็นหมอนี่ด้วย )
เขาเขียนชื่อของตัวเอง และรหัสนักศึกษาลงไป
"เราสองคน รู้จักกันเหรอ" อาจารย์วิลเลียมถามขึ้นเมื่อเห็นเราสองคนจ้องหน้ากันแบบอึ้ง ๆ
"มะ...ไม่รู้ค่ะ ไม่รู้จัก" ฉันรีบส่ายหน้าและเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเองทันที
ร่างสูงรับชีตเอกสารการเรียนจากอาจารย์วิลเลียม แล้วเดินผ่านพวกเราทุกคน อ้อมไปทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะจดเลกเชอร์ที่ตรงกับโต๊ะของฉันแบบเป๊ะ ๆ
"โอเค ๆ ทุกคนฟังทางนี้นะ เมเจอร์ของเราจะมีสมาชิกมาเพิ่มอีกคนหนึ่ง คือเพอร์ซุส ซึ่งตามจริงแล้วเขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่ ที่จะลงมาเรียนกับน้อง ๆ เนื่องจากเขาย้ายจากบริหารมาน่ะ" อาจารย์วิลเลียมเอ่ยแนะนำนักศึกษาใหม่
ปึก! หัวเข็มขัดของเขากระแทกเข้าที่หัวของฉันเต็ม ๆ
ฉันทำได้แค่กัดฟันแน่นอย่างอดทน และโน้มหัวหลบพร้อมกับลูบหัวเบา ๆ เหมือนจะโดนอะไรแข็ง ๆ ชน แต่ไม่ใช่แค่หัวเข็มขัดนะ
(นี่มันวันซวยอะไรของฉันวะ)
"หวัดดีนะทุกคน" เพอร์ซุสเอ่ยทักทายทุกคนในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าพวกเราทั้งห้าก็ทำนิ่งเงียบ ราวกับไม่ได้ยินใด ๆ
"อะแฮ่ม! ครูหวังว่าพวกเราจะต้อนรับ และดูแลเพื่อนใหม่เป็นอย่างดี" อาจารย์วิลเลียมดุขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นแล้วว่าทุกคนตึง ๆ ใส่นักเรียนใหม่
"ครูขอสั่งให้พวกคุณทั้งห้าคน รับผิดชอบในการพาเพื่อนใหม่คนนี้เข้ารวมกิจกรรมของรุ่นในปีนี้"
"จำไว้ด้วยว่าภาควิชาปิโตรเลียมเรามีกันแค่นี้ ครูหวังว่าทุกคนจะช่วยเหลือกันและกันให้ได้มากที่สุดนะ"
"ที่พูดไปนี่เข้าใจกันไหม" พอเห็นว่านักศึกษาทุกคนเงียบ อาจารย์วิลเลียมก็ขึ้นเสียงถามดังลั่น
"เข้าใจค่ะ /ครับ" เราทั้งหมดจำต้องขานตอบกลับไปอย่างไม่มีทางเลือกอื่น
"และถ้าเพอร์ซุสไม่ได้รับเกียร์รุ่นในปีนี้ ครูจะขอหักคะแนนจิตพิสัยของพวกคุณทั้งหมด!"
"เพราะถือว่าพวกคุณไม่มีความสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว และนั่นไม่ใช่ทัศนคติที่วิศวะอย่างเราพึ่งมี"
"โห่! ไรอ่า จาน ๆ ๆ" เสียงโห่ร้องของพวกเราดังขึ้นอย่างประท้วง แต่ว่าอาจารย์กลับไม่ได้สนใจอะไรเลยจริง ๆ
"เงียบ แล้วเริ่มเรียนกันได้แล้ว!"
ฟุ่บ พอจังหวะที่นั่งเขาก็โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้มากเสียจน ฉันรับรู้ได้เลยว่าปลายจมูกของเขามันสัมผัสกับเส้นผมของฉัน
"นี่!" ฉันหันไปถลึงตาใส่เขา ซึ่งก็เป็นจังหวะที่พวกเพื่อนที่เหลือหันมองหน้าฉันด้วยเช่นกัน เพราะว่ากฎของเราคือห้ามคุยกับเด็กใหม่ จนกว่าเขาจะได้เกียร์รุ่น
"….." ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะหันหน้ากลับมานั่งตามเดิม
ปึ้ก! ปลายเท้าของเขากระแทกเข้าที่ขาเก้าอี้ของฉัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาตั้งใจชัด ๆ
"โทษที...พอดีว่าขามันยาวน่ะ" เขาพูดขึ้นด้วยใบหน้ากวน ๆ
ขณะที่อาจารย์วิลเลียมเริ่มทำการสอน แนะนำรายวิชาไปเรื่อย ๆ
ฟุ่บ! รองเท้าผ้าใบไซซ์ 44 สีขาวแบรนด์ดังยื่นมาใต้เก้าอี้ของฉัน
"ขายาวมากใช่ไหม" ฉันเหยียดยิ้มก่อนจะยกเท้าขึ้นเหยียบรองเท้าผ้าใบสีขาวของเขาแบบเน้น ๆ พร้อมกับขยี้ฝากรอยสกปรกไว้บนรองเท้าคู่ใหม่นั้นอย่างตั้งใจ และไม่ลืมที่จะเปิดปลอกปากกาหมึกซึมและปล่อยตกลงไปที่รองเท้าของเขา พร้อมกับขยี้ซ้ำ ๆ เอาให้ซักไม่ออกเลย
"ไอ้พิมพ์ ๆ " ไอ้ออโต้ที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามากระซิบบางกับฉันเบา ๆ
"รองเท้าไอ้เด็กใหม่น่ะ... ลิมิติดอิดิชัน คู่ละเกือบ ๆ ห้าหมื่น...บอกไว้เผื่อมึงจะไม่รู้"
"อะไรนะ" ฉันเบิกตาโตอย่างอึ้ง ๆ และหันไปมองหน้าไอ้ออโต้อีกครั้ง
ก่อนที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ และปลายจมูกโด่ง ๆ ของเด็กใหม่จะยื่นมา ตรงกลางระหว่างหน้าของฉันกับไอ้ออโต้
"ไม่ใช่ห้าหมื่น...เจ็ดหมื่น!"
"พอดีคู่นี้ฉันพรีออเดอร์มาจากอเมริกาน่ะ"