​ 5 เปิดเทอม

2143 Words
(พิมพ์ตะวัน) -วันต่อมา- "อ้าว...เปิดเทอมแล้วเหรอลูก" สามีของแม่เอ่ยทักทายฉันด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เขาเองก็กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเช่นกัน "ใช่ค่ะคุณพ่อ" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะสวมเสื้อแจ็กเกตทับชุดนักศึกษาอีกที "อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนไหมลูก มื้อเช้าเนี่ยสำคัญนะพิมพ์" ท่านเดินเข้ามาพูดคุยด้วยใบหน้าที่ดูปกติดีทุกอย่าง ราวกับคนละคนกับคนเมื่อคืนเลย "ไม่เป็นไรค่ะ พอดีมหาวิทยาลัยอยู่ไกลน่ะค่ะ อีกอย่างพิมพ์ต้องรีบไปจ่ายค่าเช่าหอพักก่อน" ฉันรีบยกมือไหว้คุณพ่อและหันไปไหว้แม่ของตัวเอง ที่กำลังเดินจูงมือน้องชายตัวแสบลงมาจากบันไดชั้นสองของบ้านพอดี "พี่พิมพ์ครับ" พัตเตอร์น้องชายตัวเล็กตะโกนเรียกหาฉันเสียงลั่น พร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดฉันไว้ทันทีที่เห็นฉัน "พัตเตอร์ไม่อยากให้พี่พิมพ์ไปเรียนเลย เพราะกว่าพี่พิมพ์จะกลับบ้านก็สองสามอาทิตย์เลย พัตเตอร์เบื่อ ไม่มีใครสอนทำการบ้านเลย" เจ้าตัวเล็กกระทืบเท้าเบา ๆ และงอแงทันทีที่เห็นฉันใส่ชุดนักศึกษา ซึ่งก็งอแงแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่ฉันเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยแล้วล่ะ "งั้นถ้าพัตมีอะไรที่ไม่เข้าใจจริง ๆ ก็โทรมาหาพี่สิ เดี๋ยวพี่สอนทางโทรศัพท์ก็ได้" ฉันย่อตัวลงลูบหัวน้องชาย ก่อนจะหอมแก้มซ้ายและขวาอย่างเอ็นดู "ไม่เอาอะ พัตอยากให้พี่พิมพ์กลับมาอยู่บ้าน" พัตเตอร์ส่ายหน้าและไม่ยอมปล่อยเสื้อแจ็กเกตของฉัน "มหาวิทยาลัยพี่มันไกลมาก ๆ เลยนะพัต ถ้าพี่อยู่บ้านกับหนูพี่ก็คงไปเรียนไม่ทันแน่ ๆ " ฉันอธิบายไปตามความจริง เพราะมหาวิทยาลัยของฉันอยู่ไกลมาก และไหนจะสภาพการจราจรในกรุงเทพอีก ค่าน้ำมันไปกลับก็ไม่คุ้มแล้ว ฟุ่บ! คุณพ่อเดินมาอุ้มลูกชายคนสุดท้องของเขาขึ้นแนบอกในทันที "ไม่เอาน่า อย่างอแงใส่พี่พิมพ์เขาแบบนี้สิลูก พี่พิมพ์เขาต้องไปเรียนหนังสือนะ" "เพราะอีกหน่อยพอพี่พิมพ์จบมา เขาจะได้มีงานดี ๆ ทำแล้วมาส่ง พัต‍เตอร์เรียนต่อไง" "ส่วนการบ้านให้พี่พริ้งช่วยสอน (คุณพ่อ) / พี่พริ้งสอนการบ้านพัตเตอร์ไม่ได้หรอกครับ (พัตเตอร์) " น้องชายส่ายหน้าอย่างไม่ยอมในทันที "เอาเถอะ ๆ เดี๋ยวพ่อจัดการน้องเราเอง พิมพ์รีบไปเรียนเถอะ" คุณพ่อพูดทิ้งท้ายแค่นั้น ก่อนจะอุ้มลูกชายไปนั่งที่โต๊ะอาหารเตรียมที่จะกินข้าวเช้าพร้อมกัน "ขี่รถดี ๆ นะพิมพ์ ถึงหอแล้วก็โทรมาบอกแม่ด้วย แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" แม่เดินเข้ามาสวมกอดฉันเอาไว้แน่น "ค่ะแม่" ฉันพยักหน้ารับก่อนจะยกมือไหว้เพื่อร่ำลา ท่านก็เดินตรงมาส่งฉันถึงลานจอดรถที่หน้าบ้าน "แม่รักพิมพ์นะ ไม่ว่าพิมพ์จะมีปัญหาอะไรยังไงก็ตาม พิมพ์เล่าให้แม่ฟังได้เสมอ" แม่ลูบแผ่นหลังของฉันเบา ๆ และหอมแก้มฉันเช่นทุกครั้ง "พิมพ์ก็รักแม่ค่ะ" ฉันตอบกลับไป ก่อนจะเดินตรงไปที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ "ช่วงนี้พ่อท่านทำงานหนักน่ะ ถ้าท่านพูดอะไรที่ทำให้พิมพ์ไม่สบายใจก็อย่าถือสาพ่อเขาเลยนะ" จู่ ๆ แม่ก็พูดขึ้นในตอนที่ฉันขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์เตรียมจะขี่ออกไป "พ่อเขาหวังดีกับพิมพ์มาก ๆ และก็รักพิมพ์ไม่ต่างจากลูกคนอื่น ๆ เลยด้วย" "พิมพ์เข้าใจคุณพ่อดีค่ะ แม่ไม่ต้องกังวลนะ พิมพ์ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะสวมหมวกกันน็อคปกปิดสีหน้าที่แท้จริงของตัวเอง จริง ๆ แล้วฉันไม่เคยโกรธคุณพ่อ หรือพ่อเลี้ยงของตัวเองเลย เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านดูแลทุกคนในบ้านรวมทั้งฉันมาเป็นอย่างดี หลังจากที่พ่อแท้ ๆ ของฉันเสียไป ถ้าไม่ได้พ่อเลี้ยงคนนี้ ฉันก็คงไม่มีบ้านอยู่ ไม่มีข้าวกิน และคงไม่มีเงินเรียนหนังสือ ณ มหาวิทยาลัยอเธน่า ATHENA INTERNATIONAL UNIVERSITY ตึกคณะวิศกรรมศาสตร์ สาขา วิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม ฉันชื่อพิมพ์ตะวัน หรือที่ทุกคนเรียกสั้น ๆ ว่าพิมพ์ อายุตอนนี้ก็ยี่สิบเอ็ดปี กำลังศึกษาอยู่คณะวิศวะเหมือนแร่และปิโตรเลียม ชั้นปีที่สาม ฉันเป็นนักเรียนที่สอบชิงทุนแบบเต็มจำนวนของทางมหาวิทยาลัย‌อ‍เธ‍น่าได้ และอเธน่าแห่งนี้คือมหาวิทยาลัยเอกชนนานาชาติอันดับหนึ่งในไทย และอันดับสามของเอเชีย ถ้าฉันได้เรียนจบจากที่นี่ บริษัทยักษ์ใหญ่หลาย ๆ แห่งก็จะเข้ามาจองตัวในทันที แถมจะไม่ต้องวิ่งไปหางานเลยด้วยซ้ำ และเป้าหมายที่ชัดเจนของฉันคือ การมีงานดี ๆ เงินเดือนสูง ๆ เพื่อที่จะได้เป็นที่พึ่งพาให้กับน้อง ‍ๆ ทั้งสองคนของตัวเอง การเกิดมาเป็นพี่สาวคนโตมันต้องแกร่ง ต้องแบกทุกอย่างและก็ต้องสู้เพื่อตัวเองและน้อง ๆ เสมอ...จริงไหมล่ะ "มึงสาย!" ทันทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน กลุ่มเพื่อนผู้ชายประมาณสี่คนก็พุ่งเข้ามาตั้งท่าเหมือนจะหาเรื่องฉันทันที "พวกมึงจะโทษกูไม่ได้นะ ก็ป้าสมรของพวกมึงมาตั้งร้านสาย กูก็เลยมาสายไปด้วยเลย" ฉันกวาดสายตามองพวกมันพลางถอนหายใจ ก่อนจะยกชุดข้าวเหนียวหมูปิ้งเกือบ ๆ สิบชุดมาให้พวกฝูงแร้งประจำสาขาวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียมท้ังสี่ตัว อันมี...ไอ้ออโต้ ไอ้อาร์เดล ไอ้เลโอ และไอ้โย "เดี๋ยว ๆ ก่อนจะแดก เอาเงินมาด้วยค่ะ ไอ้พวกเพื่อนเวร" ฉันกระชากถุงหมูปิ้งคืนก่อนจะแบมือเก็บเงินพวกมันเรียงตัว "ขี้งก!" และพวกมันก็ประสานเสียงว่าฉันกันทันควัน ก่อนจะโชว์สลิปโอนเงินค่าหมูปิ้ง รวมถึงค่าเซอร์วิสชาร์จในการบิดรถไปต่อแถวซื้อให้พวกมันด้วย คนละหนึ่งร้อยห้าสิบบาทถ้วน ไม่มีเกินไม่มีขาด "เขาไม่ได้เรียกว่างกเว้ย! เขาเรียกว่าคนที่รู้คุณค่าของเงินต่างหาก" ฉันเดินบิดหูพวกมันเรียงตัว ก่อนจะวิ่งหลบส้นเท้าของไอ้พวกผู้ชายร่างสูงใหญ่ และแน่นอนพวกมันไม่เคยมองเห็นฉันเป็นผู้หญิงเลย ตั้งแต่เรียนปีหนึ่งมาจนถึงปีสามเนี่ย ตามจริงแล้วนักศึกษาคณะวิศวะก็มีเยอะมากพอสมควรเลย ถือเป็นกลุ่มคณะที่ใหญ่อันดับสองของมหาวิทยาลัย รองจากคณะบริหารเลยด้วยซ้ำ แต่ที่เห็นว่ามีแค่เรานั่งเรียงกันห้าคนเนี่ย ก็เป็นเพราะว่าพอปีสามที่ต้องแยกไปเรียนเมเจอร์ใคร เมเจอร์มันแล้ว คนที่เลือกลงเรียนวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม ก็มีแค่ฉันและไอ้พวกสี่ตัวบาทนี่เท่านั้น ที่สำคัญคือการจะเรียนภาควิชานี้ได้ ต้องผ่านเกณฑ์การสอบคัดเลือกที่เรียกว่าหินมาก ๆ เลย ถึงจะมีสิทธิ์เข้ามานั่งเรียนภาควิชานี้ได้ บอกเลยว่ามหาวิทยาลัย‌นี้ไม่ใช่แค่มีเงินแล้วจะจบกันได้ง่าย ๆ "เกิดเป็นลูกคนรวย นี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ หมูปิ้งก็หากินยาก ...กินแต่ร้านหรูจนไม่รู้ซะแล้วว่าอาหารข้างทางน่ะอร่อยแค่ไหน" ฉันก้มมองเงินในบัญชีก่อนจะยิ้ม ๆ และเดินไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเองที่อยู่ด้านหน้าสุดของห้องเรียน "เฮ้อ!" ฉันนั่งถอนหายใจ ก่อนจะมองไปที่กระดานสีขาวด้านหน้าของห้องเรียน "กว่าจะมาถึงตรงนี้ ไม่ง่ายเลยจริง ๆ และเธอต้องทำมันให้ได้ เธอต้องเรียนจบที่นี่ให้ได้ พิมพ์ตะวัน" ฉันพึมพำเรียกกำลังใจให้กับตัวเองซ้ำ ๆ เพราะคณะที่เรียนมันไม่ง่ายเลยจริง ๆ ฉันต้องตั้งใจเรียนในห้องให้ได้มากที่สุด เพราะฉันไม่มีเงินไปติว หรือเรียนพิเศษเพิ่มเหมือนกับใคร ๆ แล้วไหนจะต้องทำงานพิเศษอีก "พ่อพวกมึงมาแล้ว ๆ " เสียงของไอ้โยพูดขึ้นเมื่อเห็นอาจารย์ที่เรียกว่าดุที่สุดในคณะ ที่ควบทั้งตำแหน่งอาจารย์สอนและอาจารย์ฝ่ายปกครองสูงสุดประจำคณะวิศวะนี่อีกด้วย ปัง! เสียงวางแฟ้มเอกสารทำเอาทุกคนสะดุ้งเล็กน้อย "สวัสดีนักศึกษาชั้นปีที่สามทุกคน" อาจารย์กล่าวทักทายนักศึกษาในห้องที่มีเพียงแค่ห้าคนด้วยใบหน้าที่นิ่ง ๆ "ผมวิลเลียม และทุกคนคงจะรู้จักผมเป็นอย่างดี" อาจารย์จะพูดไทยก็แค่วันเปิดเทอมวันแรกเนี่ยแหละ เพราะหลังจากเริ่มเรียนจริงจังก็จะรัวภาษาอังกฤษชนิดที่จดเลกเชอร์กันแทบไม่ทัน บางทีต้องพึ่งโทรศัพท์กดอัดเสียงไว้เลยด้วยซ้ำ "เพราะเราเคยเจอกันอยู่บ่อย ๆ" อาจารย์วิลเลียมพูดขึ้นเพราะท่านเป็นฝ่ายปกครอง ที่ความจำดีที่หนึ่งเลย ถ้าไม่เจ๋งจริง ไม่ดุจริง ก็คงคุมพวกเด็กวิศ‍วะทั้งคณะไม่อยู่ "ทุกครั้งที่มีเรียนวิชานี้ รบกวนใส่เสื้อช็อปมาด้วยทุกครั้งนะ คุณวาโย" ท่านชี้ไปทางวาโยที่ใส่แค่ชุดนักศึกษาธรรมดา "เป็นรุ่นพี่ปีสามกันแล้ว ช่วยทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้อง ๆ ด้วย!" ท่านกวาดสายตามองทุกคนและพูดด้วยใบหน้าที่เข้มงวด "และที่สำคัญไปกว่านั้น ที่นี่ห้องเรียนไม่ใช่ห้องอาหาร ครั้งหน้ารบกวนไม่นำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามากินนะครับ" อาจารย์กวาดสายตามองมาที่เราทั้งห้าคนอีกครั้ง เพราะกลิ่นหมูปิ้งมันตลบอบอวลไปทั้งห้องจริง ‍ๆ แม้ว่าพวกมันจะซ่อนไว้เป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ไอ้พวกผู้ชายทั้งหมดก็นั่งกระจาย ๆ กันอยู่ชิดติดหลังห้องเรียน ตึก ตึก ๆ อาจารย์วิลเลียมเดินตรงไปหยุดยืนที่กลางห้องเรียน "ภาควิชานี้มีคนเรียนแค่ห้าคน ไม่ทราบว่าพวกคุณจะเว้นที่ข้างหน้าไว้หา...ป้าพวกคุณเหรอ" อาจารย์วิลเลียม ลูกครึ่งไทยเยอรมันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง จนทำเอาพวกเหลือขออย่าง ไอ้ออโต้ ไอ้อาร์เดล ไอ้เลโอ และไอ้โย รีบวิ่งแจ้นมานั่งเรียงแถวหน้ากระดานข้าง ๆ ฉันกันหมด "เฮ้อ!" จู่ ๆ ท่านก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง "ปีนี้คนสอบผ่านเข้ามาเรียนปิโตรเลียมน้อยจริง ๆ " "แต่ก็เอาเถอะ ยิ่งคนเรียนน้อย ผมจะใส่ใจนักศึกษาทุกคนอย่างเต็มที่ รับรองเลยว่าพวกคุณจะจบไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างแน่นอน" ท่านพูดพร้อมกับหยิบกระดาษลงทะเบียนเรียนมาเช็กรายชื่อดู ซึ่งท่านแทบจะไม่ต้องมองหน้า ก็สามารถจำนักเรียนได้ทุกคนอยู่แล้ว "อะ...เดี๋ยวทุกคนเซ็นชื่อลงในใบเช็กชื่อให้ครูด้วยนะ" อาจารย์วิ‍ลเลียมแจกแผ่นรายชื่อ และไล่ส่งต่อกันมาจากคนริมสุดมาจนถึงฉัน ก๊อก ๆ ๆ ยังไม่ทันที่อาจารย์วิลเลียมจะแจกชีตเรียนให้กับทุกคน จู่ ๆ เสียงเคาะประตูห้องเรียนก็ดังขึ้น "Excuse me, may I come in? " (ขอโทษครับ...เข้าไปได้ไหม)สำเนียงอเมริกันของใครบางคนเอ่ยขึ้น พลางแง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย ซึ่งฉันกับพวกเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรมาก เพราะมหาวิทยาลัยของเรามีชาวต่างชาติเยอะเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอินเตอร์ แต่ทว่า... น้ำเสียงและสำเนียงภาษาของหมอนี่มันคุ้น ๆ เหมือนกันนะ "Sure (แน่นอน) " อาจารย์วิลเลียมเดินไปเปิดประตูให้กับนักศึกษาคนนั้น "ไอ้พิมพ์ขอยืมลิขวิดหน่อยดิ กูเซ็นชื่อผิด ไปเซ็นตรงชื่อมึงแทน" ไอ้ออ‍โต้สะกิดเรียกฉัน "ไอ้ออโต้ แล้วมึงไม่มีตารึไงวะ" ในตอนที่ฉันกำลังหันไปแว้ดใส่เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ อย่างท้อใจกับความเบลอของมัน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเลยที่มีเรียนเช้า "พิมพ์ตะวัน ๆ ๆ นี่มันชื่อกู ...ชื่อมึงน่ะอยู่ตรงนี้" ฉันคว้าหัวของไอ้ออ‍โต้และชี้นิ้วไปที่ชื่อมันที่อยู่ด้านบนกับชื่อของฉันที่อยู่คนสุดท้าย พร้อมกับจับหัวมันโขกกับโต๊ะไปหนึ่งที โป๊ก!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD