8
“มันหมายความว่ายังไงเหรอครับ”
“...”
“คุณเกื้อพาผมมาแนะนำตัวกับคุณแม่ของคุณว่าผมเป็นแฟนคุณเกื้อ แล้วหลังจากนี้...เราจะทำยังไงกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นล่ะครับ” หลังส่งแม่ของคุณเกื้อขึ้นรถกลับไปแล้ว ระหว่างที่กำลังยืนอยู่ด้วยกัน พร้อมคุณกานต์ที่คอยยืนรอคำสั่งจากคุณเกื้ออยู่ ใบว่านก็เอ่ยถามผู้อุปถัมภ์ของตัวเองด้วยสายตาไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวเราค่อยบอกว่าเราเลิกกันก็ได้นี่ มันไม่ใช่ปัญหาเลย” อีกฝ่ายตอบกลับมา คล้ายกับสิ่งที่ใบว่านถามมันเป็นเรื่องเล็ก
“แล้วปัญหามันจะจบใช่ไหมครับ” ใบว่านถามต่อ เนื่องจากเขากลัวเหลือเกินว่าเรื่องราวมันจะไม่จบลงง่ายขนาดนั้น
“ถ้าฉันอยากให้มันจบ มันก็ต้องจบสิ” คุณเกื้อเอ่ย จากนั้นอีกฝ่ายก็เลื่อนสายตาหันหน้าไปหาคุณกานต์ เมื่อต้องการสั่งบางอย่าง
“นายเอาใบว่านไปเก็บได้แล้ว เพราะเขากำลังทำให้ฉันปวดหัวอีกครั้ง”
“ได้ครับ” คุณกานต์พยักหน้ารับคำสั่งนั้น แล้วเดินเข้ามาหาใบว่าน “คุณใบว่านครับ เรากลับที่พักกันเถอะครับ”
“แต่ผมยังคุยกับคุณเกื้อไม่เสร็จเลยนะครับ” ใบว่านเอ่ยอย่างดื้อรั้น ซึ่งในวินาทีเดียวกันนั้นเสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้นพอดี
“นายกลับไปพร้อมกานต์เดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะเอานายไปขายจริง ๆ”
“คุณเกื้อไม่กล้าทำแบบนั้นหรอก เพราะมันผิดกฎหมาย” คราวนี้ใบว่านเถียงสู้ เริ่มมีสติและกล้ารับมือกับผู้อุปถัมภ์ของตัวเองแล้ว
“เหรอ งั้นนายอยากลองดูไหมล่ะ? ถ้านายหายไปและฉันใช้เงินปิดข่าวแล้วใครมันจะรู้เรื่องนี้กัน” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า แต่ยังจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของใบว่านเหมือนต้องการข่มขู่อีกด้วย ทำเอาคนที่กำลังทำใจดีสู้เสือเริ่มแสดงท่าทีหวาดหวั่นออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“...”
“เชื่อฟังกานต์แล้วเดินตามเขาไปซะ อย่าทำให้ฉันหมดความอดทน” อีกฝ่ายว่าเสียงเข้มพร้อมส่งสัญญาณให้คุณกานต์รีบพาใบว่านไปยังรถได้แล้ว ก่อนที่เจ้าตัวจะหมดความอดทนกับเขาจริง ๆ
“คุณเกื้อใจร้าย!” ก่อนที่ใบว่านจะยอมเดินตามผู้ช่วยของคุณเกื้อไป เขาก็ไม่วายหันกลับไปว่าร้ายผู้อุปถัมภ์ของตัวเองอย่างอดไม่ได้ เมื่อใบว่านกำลังรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ
“คุณกานต์ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”
“ครับ คุณใบว่านอยากรู้อะไรเหรอครับ” ระหว่างที่กำลังติดอยู่สี่แยกไฟแดงด้วยกัน ใบว่านก็ตัดสินใจถามบางอย่างจากผู้ช่วยของคุณเกื้อ หลังเขามีความสงสัยบางอย่างในตัวของเจ้านายอีกฝ่าย
“คุณเกื้อเขากล้าเอาผมไปขายจริง ๆ เหรอครับ”
“...”
“มันผิดกฎหมายนะ แล้วอีกอย่าง... ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนให้ทุนการศึกษาผม เขาจะกล้าทำแบบนั้นจริง ๆ เหรอ”
“พวกเราไม่สามารถเดาใจคุณเกื้อได้หรอกครับ” คุณกานต์ที่กำลังทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้กันตอบกลับมา และอธิบายต่อ “บางทีสิ่งที่เขาคิดกับสิ่งที่เขาแสดงออก มันอาจจะสวนทางกันก็ได้”
“งั้นก็แสดงว่าเขาไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ ใช่ไหมครับ”
“เรื่องนี้ผมคงตอบไม่ได้ครับ บอกแล้วไงว่าพวกเราไม่มีทางเดาใจคุณเกื้อได้หรอก” คุณกานต์เอ่ย โดยนั่นก็ทำให้ใบว่านต้องเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทน เพราะใบว่านมีความสงสัยเกี่ยวกับผู้อุปถัมภ์ของตัวเองมากมาย
“แล้วเรื่องคุณแม่ของคุณเกื้อล่ะครับ เธออยากให้คุณเกื้อแต่งงานเหรอ”
“ประมาณนั้นครับ เพราะคุณเกื้อเป็นลูกชายคนเดียว เธอก็เลยฝากความคาดหวังไว้ที่คุณเกื้อ”
“โห เหมือนในละครเลยแฮะ” เมื่อได้รับคำตอบกลับมาอย่างนั้น ใบว่านก็พึมพำเสียงแผ่ว หลังตอนแรกเขาเข้าใจว่าพฤติกรรมแบบนี้ของพวกคนรวยมันมีแค่ในโทรทัศน์เท่านั้น
“แต่ก็นะ... ผมก็ยังสงสัยอยู่ดีแหละว่าทำไมคุณเกื้อเขาถึงไม่หาแฟนสักคนล่ะครับ เพราะว่าคุณเกื้อก็เริ่มแก่แล้วนะ” ใบว่านเอ่ย ทว่าคราวนี้แทนที่เขาจะได้รับคำตอบกลับมาเหมือนอย่างทุกครั้ง ใบว่านกลับได้รับเสียงหัวเราะของคุณกานต์กลับมาแทน เหมือนอีกฝ่ายขำให้กับคำพูดของเขา
“นี่คุณกานต์ขำอะไรเหรอครับ” ใบว่านถามทั้งหน้างง อยากจะขำด้วยแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องขำเรื่องไหน
“คุณเกื้อยังไม่ได้แก่นะครับ เขาเพิ่งสามสิบแปดเอง” คุณกานต์ตอบใบว่านทั้งรอยยิ้ม
“แต่มันก็เป็นช่วงวัยที่เหมาะสมต่อการแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ถ้ามีช้ากว่านี้เดี๋ยวเขาจะเล่นกับลูกไม่ไหวนะ หรือว่าคุณเกื้อเขาไม่อยากมีลูกครับ”
“เขาก็คงอยากมีเป็นของตัวเองแหละครับ เพราะคุณเกื้อเขารักเด็ก” คุณกานต์ตอบ แล้วในเวลาเดียวกันนั้นรถของคุณกานต์ก็ขับมาถึงโรงแรมของคุณเกื้อพอดี
“พวกเรารีบขึ้นไปกันเถอะครับ ก่อนที่คุณเกื้อจะกลับมาถึง”
เมื่อขึ้นมาบนชั้นเดิมที่คุ้นเคยเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเพียงไม่นานคุณเกื้อก็เดินทางกลับมาถึงพอดี ซึ่งพออีกฝ่ายเดินเข้ามาแล้ว คุณเกื้อก็มีการชำเลืองมองใบว่านอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเรียกคุณกานต์ให้เดินตามเจ้าตัวเข้าไปในห้องทำงาน
ใบว่านใช้เวลานั่งรอทั้งสองอยู่นานพักใหญ่ จนกระทั่งนาฬิกาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว คุณกานต์ถึงค่อยเดินออกมาหาใบว่านอีกครั้ง
“เดี๋ยวคุณใบว่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับ เพราะคุณต้องนอนค้างที่นี่”
“ครับ? แล้วทำไมผมต้องนอนค้างที่นี่ด้วยล่ะ” พอแค่ได้ยินเช่นนั้น ใบว่านก็ถึงกับเอียงคอเล็กน้อยและถามอย่างไม่เข้าใจ
“...”
“ผมจะกลับไปนอนบ้านของตัวเอง” เขาว่าต่อ เมื่อไม่เห็นว่าคุณกานต์จะมีเหตุผลดี ๆ มาอธิบายให้ฟัง
“แต่ฉันไม่ให้นายกลับ” คุณเกื้อที่เพิ่งเดินตามออกมาจากห้องทำงานพูดเสียงเข้ม
“ผมขอเหตุผลด้วยครับ” คราวนี้ใบว่านหันไปพูดกับคุณเกื้อแทน เมื่อมันเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายเดินมาประจันหน้ากับเขาพอดี
“สภาพบ้านซอมซ่อขนาดนั้นนายยังคิดจะกลับไปอีกเหรอ? แถมล่าสุดประตูก็เพิ่งพังอีก นายไม่กลัวว่าตอนนอนมันจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับตัวเองหรือไง”
“ผมจะกลัวทำไม ในเมื่อแถวนั้นเขาก็รู้จักกับผมหมด”
“แล้วนายสนิทสนมกับทุกบ้านเลยหรือไง?” คุณเกื้อถามต่อ ซึ่งนั่นก็ทำให้ใบว่านต้องเงียบไป “อยู่ที่นี่น่ะดีแล้ว จะกลับไปอยู่ที่นั่นอีกทำไม”
“ก็ที่นั่นมันบ้านของผม”
“ยังกล้าเรียกว่าบ้านอีกนะ เรียกเพิงยังจะถูกซะกว่า” คุณเกื้อว่า ทำเอาใบว่านได้ยินแล้วก็ถึงกับต้องถลึงตาใส่อีกฝ่ายไปหนึ่งหน ก่อนที่เขาจะเถียงกลับไปอย่างไม่ยอม
“เมื่อกี้คุณก็ยังเรียกอยู่เลยนี่ว่าเป็นบ้าน”
“ที่ฉันเรียกแบบนั้น ก็เพราะฉันต้องการจะให้เกียรติต่างหาก”
“แต่ตอนนี้คุณกำลังไม่ให้เกียรติผมอยู่นะ!”
“ถ้าใครมันพูดจาไม่รู้เรื่องนัก ฉันก็ไม่ให้เกียรติหรอก เสียเวลาเปล่า ๆ” คุณเกื้อสวนกลับทันควัน โดยในขณะที่ทุกอย่างกำลังจะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ คุณกานต์ที่เป็นดั่งกรรมการมวยก็รีบพูดห้ามทัพโดยพลัน
“คุณใบว่านครับ คุณช่วยเชื่อฟังคุณเกื้อเถอะนะครับ ผมขอร้องล่ะ...” คุณกานต์ไม่ว่าเปล่า แต่อีกฝ่ายยังพยายามส่งสายตาเว้าวอนมาให้ใบว่านด้วย นั่นจึงทำให้คนที่เด็กกว่าต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น พยายามเตือนสติตัวเองเอาไว้ว่าคนตรงหน้านี้คือผู้มีพระคุณ อีกฝ่ายเข้ามาช่วยเหลือกันในวันที่เขาลำบากพึ่งพาใครไม่ได้
“ก็ได้ครับ ผมจะนอนค้างที่นี่” เพราะใบว่านยังติดค้างคุณเกื้ออยู่ เขาจึงต้องจำใจพูดไปอย่างนั้น
“กานต์” เสียงของคุณเกื้อดังขึ้นอีก
“ว่ายังไงครับ”
“ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะให้ใบว่านนอนห้องเดียวกับฉันเลย เพราะฉันอยากปราบพยศเด็กคนนี้แทบแย่”
“ว่ายังไงนะ!” พอได้ยินอย่างนั้น ใบว่านก็ถึงกับต้องหันกลับมามองคุณเกื้ออย่างไม่เข้าใจ
“ก็ตามนั้นแหละ ไม่เห็นจะเข้าใจยากตรงไหนเลย” คุณเกื้อพูดพร้อมจ้องใบว่านตาไม่กะพริบ
“เราจะนอนด้วยกันจริงเหรอครับ”
“ใช่”
“...”
“ทำไมนายมีปัญหาอะไร?”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร” ใบว่านส่ายหน้าปฏิเสธกลับไป เมื่อในเวลานี้เขากำลังอยู่กับคุณเกื้อเพียงลำพังและคุณกานต์ก็ได้กลับไปแล้ว เพราะหมดเวลางานของเจ้าตัว
“ดี! ถ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร งั้นตอนนี้นายก็ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว ส่วนพวกชุดนอนกับข้าวของเครื่องใช้กานต์เขาก็เตรียมไว้ให้อยู่ในห้องน้ำแล้ว” คุณเกื้อไม่พูดเปล่า แต่อีกฝ่ายยังพยักพเยิดหน้าไปอีกทางหนึ่งของห้อง เพื่อบอกให้ใบว่านไปอาบน้ำเตรียมเข้านอนด้วย
“...”
“ไปสิ... ยังมายืนมองหน้ากันอีก” อีกฝ่ายเร่งเร้า หลังเห็นว่าใบว่านยังคงยืนจ้องหน้าตาไม่กะพริบ คล้ายกับในหัวเล็กกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
“อ้อ! ผมเพิ่งนึกได้ จริง ๆ แล้วผมมีปัญหาครับ”
“งั้นก็พูดปัญหาของนายมาสิ” คุณเกื้อเอ่ย
“จริง ๆ แล้ว ผมเป็นคนนอนดิ้นครับ นอนดิ้นสุด ๆ ไปเลย แบบว่าใครก็นอนด้วยไม่ได้” ใบว่านบอกทั้งหน้าซื่อ ดูเหมือนจะพูดความจริง ทั้งที่เขาเพิ่งคิดได้เมื่อครู่นี้
“เรื่องแค่นี้เองเหรอ” คุณเกื้อถามกลับมาทันที เหมือนเรื่องที่ใบว่านเพิ่งอ้างไปเมื่อกี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเจ้าตัวเลยสักนิด
“มันเป็นปัญหาใหญ่มากเลยนะครับ!” เขาพยายามจะย้ำ
“ที่นายมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ นั่นก็เพราะเตียงของนายมันไม่กว้างพอหรือเปล่า” คุณเกื้อถามกลับมา
“...”
“ไม่ต้องห่วงนะ เตียงนอนของฉันมันกว้างมาก ต่อให้นายจะตีลังกานอน มันก็ไม่เป็นปัญหาหรอก” พูดจบ คุณเกื้อก็เดินหนีเข้าห้องทำงานไปอีกครั้ง ทิ้งให้ใบว่านยืนอยู่ตรงบริเวณนั้นเพียงลำพัง คล้ายกับว่าเจ้าตัวไม่อยากเสวนาเรื่องไร้สาระกับเขาอีกแล้ว
“ม—เมื่อกี้...เขาดูถูกเราไหมนะ” เมื่อคุณเกื้อเข้าไปในห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว ใบว่านก็ได้แต่พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว เพราะเขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าการกระทำของคุณเกื้อเมื่อครู่นี้ มันคือการดูถูกกันหรือเปล่า
เวลาต่อมา หลังใบว่านจำใจไปอาบน้ำและสวมใส่ชุดนอนใหม่เอี่ยมแล้ว เขาก็มานั่งรอคุณเกื้ออยู่ที่โซฟาตัวเดิมอีกครั้ง ไม่กล้าจะไปไหนทั้งนั้นแม้กระทั่งเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ เพราะที่นี่มันไม่ใช่บ้านของตัวเอง ใบว่านจึงเกรงว่าหากเขาทำอะไรโดยพลการ มันจะกลายเป็นการเสียมารยาท
“ทำไมถึงยังไม่เข้าไปนอน นายไม่ง่วงหรือไง” นั่นเป็นประโยคแรกที่คุณเกื้อพูดกับใบว่าน เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาจากห้องทำงานแล้ว
“ง่วงครับ แต่ว่าผมรอคุณก่อน”
“...”
“แล้วตอนนี้ผมก็หิวน้ำมาก ๆ ด้วย ผมขอเปิดตู้เย็นของคุณได้ไหม” เขาว่าต่อ เนื่องจากไม่สามารถทนกับอาการคอแห้งของตัวเองได้แล้ว
“เชิญครับ” สิ้นเสียงของคุณเกื้อ ใบว่านก็รีบกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟาและเดินไปเปิดตู้เย็น เพื่อหาน้ำเปล่าเย็น ๆ ดื่มสักแก้ว
“ถาดแก้วมันวางไว้ตรงซิงค์ล้างจาน นายต้องกดน้ำจากตู้เย็นดื่ม” คุณเกื้อพูดขึ้นอีกหน เมื่อใบว่านพยายามมองหาน้ำเปล่าในตู้ แต่เขากลับเจอแต่วัตถุดิบสดที่มีไว้ประกอบอาหาร
“อ้อ ครับ” เขาขานรับกลับไป หลังเพิ่งจะได้สังเกตว่าตู้เย็นขนาดยักษ์ของคุณเกื้อมันมีที่ให้กดน้ำกิน แถมยังมีระบบทำน้ำแข็งด้วย
“พอกินเสร็จแล้วนายก็เข้าไปนอนในห้องเลยนะ เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว” คุณเกื้อบอกกันเพียงสั้น ๆ จากนั้นอีกฝ่ายก็เดินหนีใบว่านไปทำกิจวัตรส่วนตัวของตัวเองบ้าง
เนื่องจากนั่นคือคำสั่งคุณเกื้อ ประกอบกับอีกฝ่ายอนุญาตให้ใบว่านเข้าไปในห้องนอนของเจ้าตัวได้แล้ว หลังจากที่กินน้ำเสร็จใบว่านจึงต้องเดินเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก่อนที่ใบว่านจะเดินเข้ามาในห้องนอนของคุณเกื้อนั้น เขาก็มีการแวะเข้าไปเปิดประตูห้อง ๆ หนึ่งที่คาดว่าเป็นห้องนอนเล็กด้วย
เพราะตอนแรกใบว่านคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดกับคุณกานต์ มันคือการพูดจาประชดประชันเขา ไม่ก็ต้องการจะแหย่เล่นเท่านั้น ทว่าพอใบว่านได้ลองไปเปิดห้องนอนเล็กดู มันก็ทำให้เขารู้ว่าคุณเกื้อพูดจริง เนื่องจากห้องนอนเล็กมันถูกล็อกเอาไว้แล้วและถ้าใบว่านคิดจะหลีกเลี่ยงจริง ๆ ทางออกเดียวที่เหลืออยู่คือเขาต้องพาตัวเองมานอนโซฟา
แต่ใบว่านไม่คิดจะทำอย่างนั้นหรอก เขาไม่อยากจะดื้อรั้นใส่คุณเกื้อมากนัก เพราะคุณเกื้อเดาใจยากยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แถมตอนนี้มันไม่มีคุณกานต์คอยมาห้ามทัพระหว่างเขากับคุณเกื้อด้วย ใบว่านจึงกลัวว่ามันจะมีคดีฆาตกรรมกลางเมืองเกิดขึ้น
“ว้าว... เหมือนในหนังเลยแฮะ” ใบว่านพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงตื่นตาตื่นใจ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของคุณเกื้อได้แล้ว และเห็นว่าห้องนอนของผู้อุปถัมภ์ของตัวเองนั้นมันยิ่งใหญ่ถึงขนาดไหน
ก็แน่ล่ะสิ คุณเกื้อเป็นถึงเจ้าของโรงแรมหรูตั้งอยู่ใจกลางเมืองใหญ่ เพราะงั้นที่พักของอีกฝ่ายมันจะด้อยกว่าลูกค้าได้ยังไง
“สวยจนเหมือนเป็นห้องตัวอย่างเลย” เขาว่าต่อ พร้อมค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องคุณเกื้ออย่างระมัดระวัง กลัวตัวเองจะซุ่มซ่ามเผลอไปโดนข้าวของในห้องของคุณเกื้อ จนทำให้เกิดความเสียหายได้
โดยห้องนอนของคุณเกื้อส่วนใหญ่แล้วก็ถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีเข้มเสียส่วนใหญ่ตามสไตล์ของเจ้าของห้อง ทุกอย่างเน้นความเรียบง่ายแต่ก็ดูมีอะไรแฝงอยู่ในนั้น
“สำรวจห้องฉันจนพอใจหรือยัง?” ทันใดนั้นเสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของอีกฝ่ายที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเท่านั้น
“ยังครับ นี่ผมเพิ่งจะเดินเข้ามาเอง” ใบว่านเถียงสู้ พยายามจ้องมองแค่หน้าของคนพูดแทนที่จะเป็นส่วนอื่นที่ไม่สมควร