9
“นายนอนฝั่งนั้น เดี๋ยวฉันจะนอนฝั่งนี้เอง”
“เอ่อ...”
“อะไรอีกล่ะ?”
“ผมขอนอนติดหน้าต่างไม่ได้เหรอ ผมอยากเห็นวิวอะ”
“เรื่องมากเสียจริง”
“อ้าว แล้วคุณเกื้อจะมาบ่นทำไมล่ะครับ ในเมื่อคุณเกื้ออยากให้ผมมานอนด้วยเองนี่”
“...”
“ผมขอโทษครับคุณเกื้อ ผมผิดไปแล้วครับ” เพราะได้รับสายตาอำมหิตส่งมาให้จากอีกฝั่งหนึ่งของเตียง นั่นจึงทำให้ใบว่านต้องรีบขอโทษขอโพยผู้มีพระคุณของตัวเองโดยพลัน
“ตอนแรกฉันเข้าใจว่านายจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังฉันนะ แต่ดูแล้ว...นายน่าจะเป็นคนที่ดื้อรั้นอยู่พอสมควรเลยนะใบว่าน” คุณเกื้อพูดเสียงเข้มคล้ายกับจะดุ ทำเอาคนที่กำลังสำนึกผิดอยู่แล้วยิ่งสำนึกผิดเข้าไปใหญ่ เพราะแต่ก่อนใบว่านไม่กล้าเถียงคุณเกื้อจริง ๆ
“ผมขอโทษครับ” เป็นอีกครั้งที่ใบว่านต้องเอ่ยขอโทษออกมา เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรนอกเหนือจากคำนี้จริง ๆ
“ฉันไม่อยากได้คำขอโทษจากนาย แต่ฉันอยากให้นายอย่าทำแบบนี้อีก”
“...”
“ฉันอายุเท่าพ่อแม่นายด้วยซ้ำ ดังนั้นก่อนจะพูดจะจาอะไรก็หัดคิดก่อนพูดบ้าง ก่อนที่ฉันจะมองว่านายเป็นเด็กไม่มีมารยาท”
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ” ใบว่านผงกหัวรับคำพูดนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เนื่องจากตอนนี้เขารู้สึกว่าคุณเกื้อดูโมโหกันจริง ๆ ยิ่งกว่าตอนที่ทั้งสองอยู่กับคุณกานต์เสียอีก
“เอาล่ะ อยากนอนดูวิวใช่ไหม” ท่ามกลางความเงียบและความอึดอัดที่เข้าปกคลุมทั้งสอง เสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนอีกฝ่ายต้องการทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้
“ใช่ครับ แต่ถ้า...”
“ถ้านายอยากนอนฝั่งนั้นก็นอนไปแล้วกัน เพราะฉันเห็นวิวฝั่งนั้นจนเบื่อแล้ว” คุณเกื้อพูดขึ้นก่อนที่ใบว่านจะเอ่ยจบประโยคดี
“ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ” ใบว่านผงกหัวให้อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็เดินก้มหน้าอ้อมไปยังฝั่งที่ตกลงกับคุณเกื้อเอาไว้ทันที โดยหลังจากที่เขาทิ้งร่างลงบนเตียงขนาดใหญ่แล้ว ใบว่านก็นอนหันหลังให้คุณเกื้อและหันหน้ามองไปทางวิวที่ชาตินี้เขาคงไม่ได้มีวันเห็นแน่ หากเขาไม่ได้รู้จักกับคุณเกื้อ
ซึ่งระหว่างที่เขากำลังรอให้ร่างกายของตัวเองเกิดความง่วงนั้น ในหัวของใบว่านก็มีเรื่องราวมากมายผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ใบว่านไม่มีเวลาให้คิดอะไรเลย
ก็แน่สิ... พอพ่อเขาจากไปแบบกะทันหัน มันก็มีเหตุการณ์อะไรไม่รู้เกิดขึ้นมาเต็มไปหมด
ยิ่งตอนนี้สายตาของใบว่านกำลังมองออกไปข้างนอก จ้องมองตึกน้อยใหญ่ที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ ใบว่านก็ยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก เพราะเอาเข้าจริงตอนนี้เขากำลังอยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง เขาไม่เหลือครอบครัว และไม่มีพ่อแม่คอยโอบอุ้มกันอีกแล้ว
“ฮ—ฮึก” พอตระหนักได้ว่าตัวเองไม่เหลือใครให้มองหาอีกแล้ว ดวงตาสวยก็เริ่มมีน้ำใสคลออีกครั้ง เพราะใบว่านไม่รู้ว่าต่อจากนี้ไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่เพื่อใคร
เพื่อตัวเองงั้นเหรอ?
“นายร้องไห้ทำไม? เพราะถูกฉันดุเหรอ” ทันใดนั้นเสียงของคุณเกื้อก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำเอาใบว่านที่ตั้งท่าจะปล่อยโฮออกมาต้องรีบกลั้นน้ำตาเอาไว้โดยพลัน
“ป—เปล่าครับ” เขาปฏิเสธกลับไปเสียงสั่น ไม่ยอมพลิกตัวหันกลับไปตอบคุณเกื้อดี ๆ
“งั้นนายหันหน้ามา” คุณเกื้อว่า
“ไม่เอาครับ” ใบว่านปฏิเสธกลับไป ไม่ได้อยากทำตัวดื้อรั้นกับผู้มีพระคุณไปเสียทุกเรื่อง แต่เพราะเขาไม่ปรารถนาให้คุณเกื้อมาเห็นหยดน้ำตาของตัวเองนี่แหละ ใบว่านจึงต้องทำตัวดื้อรั้นอีกครั้ง
“ฉันเพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าให้นายหัดเชื่อฟังกันบ้าง หัดจำบ้างไหมเนี่ย”
“จำครับ แต่ว่าครั้งนี้ผมขอดื้อหน่อยได้ไหม”
“...”
“ผ—ผมไม่อยากให้คุณเห็นน้ำตาของผม” สิ้นเสียงของใบว่าน ร่างเล็กก็ปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามไม่ไหว เนื่องจากยิ่งคุณเกื้อซักไซ้หรือชวนเขาสนทนามากเท่าไร ใบว่านก็ยิ่งกลั้นน้ำตาได้ยากขึ้นเท่านั้น
“ตกลงนายร้องไห้เพราะฉันจริง ๆ สินะ” คุณเกื้อที่เห็นเช่นนั้นพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเล็กน้อย โดยนั่นก็ทำให้ใบว่านรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง ไม่อยากจะให้คุณเกื้อเข้าใจผิด เนื่องจากการเสียน้ำตาของเขาในครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากคุณเกื้อเลย
“อ้าว นายไม่ได้ร้องไห้เพราะฉันหรอกเหรอ”
“ไม่ครับ ฮ—ฮึก ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะคุณเกื้อ”
“...”
“แต่ที่ผมร้องไห้ก็เพราะผมรู้สึกว่าผมตัวคนเดียว ไม่เหลือใครแล้วต่างหาก ผมคิดถึงพ่อ ฮืออออ” ใบว่านตอบผู้มีพระคุณของตัวเองเสียงอู้อี้ มันน่าอายมากที่เสียงของเขาเป็นเช่นนี้ ทว่าในจังหวะนี้ใบว่านกลับไม่ได้สนใจอะไรแล้ว นอกจากระบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นน้ำตา
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองต้องมีชีวิตไปเพื่อใคร ไม่มีใครอยู่รอดูการประสบความสำเร็จของผมเลยสักคน ทุกคนทิ้งผมไปหมดเลย”
“นายอย่าพูดอย่างนั้นสิ มันไม่ดีเลยนะ” คุณเกื้อเอ่ยกลับมาพร้อมโอบกอดใบว่านจากทางด้านหลัง ซึ่งใบว่านก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผู้มีพระคุณของเขาเคลื่อนกายเข้ามาหากันตั้งแต่ตอนไหน
“ผมพูดความจริงครับคุณเกื้อ ผมไม่เหลือใครในครอบครัวอีกแล้ว ตอนนี้ ณ เวลานี้มีแค่ผมเท่านั้น” ใบว่านบอก ความโดดเดี่ยวที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ให้อีกคนฟัง มันทำให้ใบว่านรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก เขากลัวว่าตัวเองจะผ่านมันไปไม่ได้และเกรงว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะไม่ชินกับความโดดเดี่ยว
“ใช่ ตอนนี้มันมีแค่ตัวนายเท่านั้น”
“...”
“ดังนั้นนายก็ต้องทำเพื่อตัวเองแล้วไง ไม่ต้องทำเพื่อใครอีกแล้ว” คุณเกื้อพูด ระหว่างที่อีกฝ่ายยังคงสวมกอดใบว่านเอาไว้ โดยอ้อมกอดจากคุณเกื้อนั้น มันก็ไม่ได้สร้างความอึดอัดให้แก่เขาเลยสักนิด
ตรงข้ามกัน... ใบว่านกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเหมือนได้รับการปลอบประโลมจากอีกฝ่าย ทั้งที่คุณเกื้อยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย ก็แค่พูดบางอย่างแล้วกอดกันไว้
“หยุดร้องไห้ได้แล้ว” อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีก เมื่อต่อมาเขาได้พลิกตัวหันหน้ากลับไปหาคุณเกื้อทั้งน้ำตาคลอเบ้า
“แล้วผมจะเลิกเสียใจไหมครับ”
“...”
“ผมคิดถึงพ่อ ทั้งชีวิตผม... ผมเหลือแค่พ่อเท่านั้นแล้วพ่อก็มาจากผมไป” ใบว่านถาม เพราะตอนที่แม่จากไปใบว่านก็ยังเด็กไม่ค่อยจะรู้ภาษามาก นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้จมปลักอยู่กับความเสียใจนัก
“เวลามันจะช่วยทุกอย่างเอง เดี๋ยวนายก็ผ่านมันไปได้” คุณเกื้อตอบกลับมา จากนั้นอีกฝ่ายก็ใช้มือข้างหนึ่งเช็ดคราบน้ำตาของใบว่านออกให้ ซึ่งภายใต้ดวงตาคมที่ดูเฉยชาไร้ความรู้สึกของคุณเกื้อ อีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ระหว่างที่เช็ดน้ำตาให้กัน ใบว่านก็ไม่สามารถคาดเดาได้เลย
“มันอาจไม่ได้ทำให้สภาพจิตใจของนายดีขึ้นในทันที แต่การกินของอร่อย ๆ มันคงจะทำให้นายมีความสุขได้ชั่วขณะหนึ่ง” คุณเกื้อว่า “เพราะงั้นนอนเถอะ เก็บน้ำตาเอาไว้ร้องไห้ในโอกาสอื่น
“...”
“นายรู้ใช่ไหมว่าคนเราไม่สามารถย้อนเวลาได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับชีวิต ทางออกเดียวที่นายทำได้คือต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม”
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ” ใบว่านพยักหน้ารับ เขาเข้าใจความหมายที่คุณเกื้อตั้งใจจะสื่อเป็นอย่างดี
เนื่องจากโดยปกติแล้ว ใบว่านจะต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้า เพื่อทำอาหารและไปทำนั่นทำนี่ตามหน้าที่ของตัวเอง พอตอนนี้เขาได้มานอนที่ห้องของคุณเกื้อ แม้ห้องของอีกฝ่ายจะไม่มีสิ่งรบกวนอะไรเลย แต่ตามความเคยชินของเขา ร่างกายของใบว่านก็รู้สึกตัวขึ้นมาอยู่ดี ทุกอย่างมันเป็นไปโดยอัตโนมัติ
“แล้วเราจะทำอะไรดีนะ” เมื่อเดินออกมาจากห้องนอนของคุณเกื้อได้แล้วและเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตีห้า ใบว่านก็พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว เพราะดูท่าแล้วคุณเกื้อคงไม่น่าจะตื่นในเร็ว ๆ นี้แน่
“เตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณเขาดีไหมนะ” เขาพูดกับตัวเองต่อ จากนั้นใบว่านก็เดินไปเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบสดที่พอจะมีอยู่ในห้อง โดยตู้เย็นของเกื้อก็ค่อนข้างมีทุกอย่างครบครันสมฐานะของเจ้าตัว
“โอเค งั้นเราทำผัดผักใส่ไก่ก็แล้วกัน” พอคิดได้เช่นนั้น ใบว่านก็รีบเอาของที่เขาจำเป็นจะต้องใช้ออกมาจากตู้เย็นทันที ซึ่งตอนแรกใบว่านก็อยากจะทำพวกอเมริกันเบรกฟาสต์ให้เหมาะกับสถานที่อยู่หรอก แต่เพราะเขากินอาหารแบบนี้นับครั้งได้ แทบไม่คุ้นชินมันด้วยซ้ำ ใบว่านจึงเลือกที่จะเปลี่ยนความคิด
ทำอะไรที่ตัวเองถนัดและเขาก็กินเป็นประจำให้คุณเกื้อได้ทานด้วยกันน่าจะดีกว่า...
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเกื้อ อ—อ้าว คุณใบว่าน ทำไมถึงตื่นเช้านักล่ะครับ” ผ่านไปพักใหญ่ หลังข้าวสวยพร้อมเสิร์ฟและผัดผักพร้อมกินเรียบร้อยแล้ว คนแรกที่มาเจอใบว่านในเช้าวันใหม่ก็คือคุณกานต์ เมื่ออีกฝ่ายได้มาทำงานแล้ว
“มันเป็นเวลาตื่นของผมอยู่แล้วน่ะครับ ซึ่งผมก็ตื่นมาตั้งแต่ตีห้าแล้ว” ใบว่านตอบกลับไปอย่างซื่อตรง จากนั้นเขาก็สบตากับคุณกานต์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ผู้ช่วยของคุณเกื้อจะเลื่อนสายตามองมาที่เคานต์เตอร์ครัว จ้องสิ่งที่ใบว่านทำเอาไว้อยู่พักหนึ่งแล้วถามเขา
“แล้วนี่คุณใบว่านทำอะไรครับ?”
“ก็ทำอาหารเช้าไว้ให้คุณเกื้อไงครับ” ใบว่านตอบกลับไป เขารู้สึกภูมิใจนำเสนอมาก เนื่องจากใบว่านไม่เคยตั้งใจทำอาหารครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน
“ทำอาหารเช้าให้คุณเกื้องั้นเหรอครับ”
“ใช่ครับ ครบทั้งห้าหมู่เลย ได้ทั้งวิตามินจากผักแล้วก็ได้โปรตีนจากไก่ด้วย” เขาพยักหน้ายืนยันกลับไป ทว่าท่าทีที่คุณกานต์แสดงกลับมาให้นั้น มันกลับทำให้ใบว่านต้องเอียงคอมองเล็กน้อยด้วยความฉงน
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณกานต์ ทำไมถึงเกาหลังคอแบบนั้นล่ะ?” ใบว่านตัดสินใจถาม
“คือปกติแล้วคุณเกื้อไม่กินมื้อเช้าครับ เขาจะกินแค่กาแฟดำเท่านั้น”
“...”
“และถ้าวันไหนที่หิว เขาก็จะกินแค่ขนมปังหนึ่งแผ่นพร้อมเนยถั่ว ที่สำคัญ... คุณเกื้อไม่ค่อยกินอาหารไทยด้วยครับ ยกเว้นไปทานข้าวกับคุณแม่” คุณกานต์เอ่ยเสียงแผ่ว ในขณะที่ใบว่านก็ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ เนื่องจากเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตัวเองไม่ได้รู้จักตัวตนของผู้มีพระคุณเลยแม้แต่นิด
“แล้วผมควรทำยังไงกับผัดผักจานนี้ดีครับ” ใบว่านถามเสียงแผ่ว เพราะเขาตั้งใจทำมาเผื่อคุณเกื้อด้วย โดยในเวลาเดียวกันนั้นประตูห้องนอนของคุณเกื้อก็ถูกเปิดออกมาพอดี พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้เป็นเจ้าของห้อง
“สองคนนี้ทำอะไรกันอยู่” คุณเกื้อที่เพิ่งตื่นนอนหมาด ๆ ถามกันทั้งหน้ายุ่ง