Itim’s part
ฉันเดินช็อปปิงกับทรายและแบ๋มที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ มหา’ลัย
ที่จริงจะเรียกว่าเดินช็อปปิงก็คงไม่ถูก ต้องเรียกว่าฉันมาเดินรับแอร์มากกว่า เพราะฉันไม่ได้ซื้ออะไรเลย
กว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ฉันไม่มีงาน อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีการจัดงานแสดงสินค้าด้วยแหละ ฉันเลยอดที่จะไปยืนสวย ๆ หน้าบูธต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่าพริตตี้
ฉันเพิ่งหันมารับอาชีพนี้ก็เมื่อสัก 4-5 เดือนที่แล้วนี่เอง เพราะพ่อไม่ค่อยเปย์ฉันแล้ว ฉันเห็นพี่เอ็มยังคงขับรถราคาแพง ๆ กินเที่ยวได้อยู่ แบบนี้คงไม่ใช่ว่าพ่อมีสถานะทางการเงินที่แย่ลงหรอกมั้ง พี่เอ็มจะไปเอาเงินมาจากไหนถ้าไม่ใช่จากพ่อ นึก ๆ แล้วก็น้อยใจ
“เสื้อตัวนี้สวย เหมาะกับมึงมาก” ทรายคว้าเสื้อครอปมาทาบกับตัวฉัน เป็นสายเดี่ยวลูกไม้และมีระบายเล็กน้อย ก็สวยอย่างที่ทรายบอกนั่นแหละ
“ไม่เอาอะ กลัวเงินไม่พอใช้” ฉันตอบเพื่อนกลับไปตามตรง ในตอนนี้เงิน 2-3 ร้อยบาท ฉันก็ไม่อยากจ่ายสักเท่าไหร่ เก็บไว้ใช้กินก่อนดีกว่า จะมีงานอีกทีเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้
“กูซื้อให้” แบ๋มดึงเสื้อออกจากมือทรายแล้วไปจัดการจ่ายเงินให้
“ไม่เอานะเว้ย” ฉันพยายามร้องห้ามและเดินตาม แต่ก็ถูกทรายคว้าเอาไว้ไม่ให้ตาม
จนแบ๋มเดินกลับมาแล้วยัดถุงเสื้อใส่ในมือของฉัน ตอนแรกเพื่อนฉันยังไม่รู้ว่าการเงินของฉันฝืดเคือง จนคืนก่อนที่ไปผับ ฉันมาเข้าห้องน้ำและโทรขอเงินพ่อ แต่พ่อไม่ให้และดันโทรไปบอกพี่เอ็ม พี่เอ็มก็อยู่ที่ผับพอดีและเห็นฉันก่อนแล้วถึงได้เดินเอาเงินมาให้ได้ถูก หลังจากที่ฉันได้เงินจากพี่เอ็มฉันก็เดินหน้าหงอยออกไปและตัดสินใจเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนฉันก็เลยเลี้ยงฉันเองในคืนนั้นและยังพามาเดินเล่นที่ห้างนี่อีก
“ขอบใจพวกมึงมากนะ” ฉันเอ่ยปากขอบคุณแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดคอเพื่อนรักทั้งสองเอาไว้
“ไม่เป็นไรน่าเพื่อนกัน ถ้ามึงมีปัญหาอะไรมึงก็บอกกูได้” ทรายตอบกลับมา ฉันเบะปากราวกับจะร้องไห้ ซาบซึ้งใจที่เพื่อนน่ารักกับฉันแบบนี้
“ไปกินข้าวกันดีกว่าเดี๋ยวกูเลี้ยง” แบ๋มเอ่ยขึ้นมา และจับแขนฉันออกจากคอของเธอเพื่อที่จะได้กอดแขนฉันเดิน
พวกเราพากันขึ้นมาที่ชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่มีแต่ร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ รวมถึงฟู้ดคอร์ตด้วย ฉันเดินไปทางฟู้ดคอร์ตแต่ก็ถูกทรายและแบ๋ม ลากแขนเข้าร้านชาบูชื่อดัง
Rrrr
เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นมา ฉันรีบเคี้ยวกุ้งที่อยู่ในปากให้ละเอียดแล้วรีบกลืนลงท้องไป ค่อยเปิดกระเป๋าควานหามือถือ
-พี่เอ็ม-
เห็นชื่อที่หน้าจอ หัวคิ้วของฉันก็ขยับย่นเข้าหากันทันที ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรหา ฉันโทรไปก็ไม่รับ ตั้งแต่นั้นฉันก็ไม่โทรหาเขาอีกเลย เรามีเบอร์กันและกันไว้เหมือนแค่ประดับเครื่องเท่านั้นแหละ
ฉันหันหน้าจอโทรศัพท์ให้เพื่อนรักทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามได้เห็นชื่อหน้าจอ ทรายและแบ๋มก็ทำท่าไม่เชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไหร่ ฉันลากวงกลมสีเขียวไปทางขวาเพื่อเป็นการกดรับสาย
“โทรมาทวงเงินหรือไง”
“ใช่” ได้รับคำตอบจากพี่เอ็ม ฉันก็เบะปากคว่ำกลอกตาไปมาในทันที
“เดี๋ยวเดือนหน้าได้เงินจากพ่อแล้วจะโอนคืนให้” ค่าขนมที่พ่อให้ต้องถูกโอนคืนพี่เอ็มไปเกือบหมด พ่อให้ฉันเดือนละสี่พัน โอนคืนพี่เอ็มสามพัน เดือนหน้าฉันคงกินแกลบนั่นแหละ
“เอาวันนี้”
“จะบ้าหรือไง” ฉันเผลอเสียงดังขึ้นมาจนโต๊ะข้าง ๆ หันมามองหน้า ฉันต้องรีบยกมืออีกข้างขึ้นมาไหว้มือเดียวพร้อมทั้งแสดงสีหน้ารู้สึกผิด แล้วค่อยพูดกับพี่เอ็มต่อ “ติมจะหาเงินจากไหนมาคืนพี่ได้ทัน”
“วันนี้มีแข่ง ทีมขาดพริตตี้ มาเป็นพริตตี้ให้หน่อยแล้วไม่ต้องค*****น”
“แต่…”
“ขอร้อง”
“ฮะ!”
ฉันแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าได้ยินพี่เอ็มพูดคำว่าขอร้องกับฉัน ฉันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจนพี่เอ็มพูดต่อ
“เดี๋ยวจะส่งโลเคชันไปให้ในไลน์ งานจะเริ่มหกโมงเย็น แข่งสองทุ่ม ติมควรมาถึงที่งานไม่เกินห้าโมงเย็นจะได้แต่งตัวก่อน ชุดไม่โป๊มาก หวังว่าจะเจอเธอนะไอติม” พี่เอ็มพูดจบก็ตัดสายไปเลย
LINE
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้นมา ฉันรีบกดเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นพี่เอ็มที่ส่งมา เขาส่งรูปที่ใช้โปรโมตในเฟซบุ๊กที่มีทั้งชื่อทีมที่แข่งและเงินรางวัล และส่งโลเคชันสถานที่มา
ฉันกะพริบตาปริบ ๆ ตั้งตัวไม่ทันไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร ทรายก็ดึงโทรศัพท์มือถือออกจากมือของฉันไปดูกับแบ๋ม
“พี่เอ็มให้มึงไปเป็นพริตตี้เหรอ” แบ๋มถามขึ้นมา ฉันพยักหน้าเล็กน้อยให้เป็นคำตอบ
“แล้วเอาไงอะ” ทรายถามต่อ
“ก็ไปน่ะสิ” ที่ฉันตัดสินใจไปก็เป็นเพราะว่าฉันอยากไปทำงานให้พี่ชายนั่นแหละ เขาขาดคนถ้าฉันไม่ไปแล้วใครจะไป
“วินโซนมาเจอกับทีมพี่แกแบบนี้คนดูคงเยอะอย่างหนอนแน่ ๆ”
คำพูดของแบ๋มทำให้ฉันชะงัก วางตะเกียบที่ถืออยู่ในมือลงแล้วแย่งโทรศัพท์คืนมา เมื่อกี้แค่อ่านผ่าน ๆ เลยต้องเอากลับมาอ่านอีกครั้ง
วินโซนจริง ๆ ด้วย แบบนี้ก็ต้องได้เจอกับไฟน่ะสิ ถึงฉันจะไม่ได้ติดต่อกับเขามานานมากแล้ว แต่ก็พอรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ทีมเดียวกับพวกพี่ชายเขาซึ่งก็คือวินโซน ถ้าถามว่ารู้เรื่องของเขาได้ไง? ให้ถามว่ามีใครในมหา’ลัย ไม่รู้เรื่องของพวกเขาบ้างจะดีกว่า
พวกเขาทั้งผู้ชายและผู้หญิงฮอตมากในมหา’ลัย เดินไปทางไหนใคร ๆ ก็รู้จัก ก็อย่างว่า หน้าตาดี บ้านรวย ท่าทางแบด ๆ สาว ๆ ในแก๊งก็สวยแซ่บ เอาเป็นว่าดูดีทั้งแก๊ง จนได้ลงเพจมหา’ลัยบ่อยมาก ผลัดกันลงเลยแหละ แบบนี้จะไม่ได้รับความสนใจจากคนในมหา’ลัยได้อย่างไร
แต่ก็แปลกนะที่ใคร ๆ ก็ได้เจอเขา แต่ฉันกลับไม่เคยเจอเลย เรียนมาจนตอนนี้อยู่ปี 3 จะขึ้นปี 4 อยู่แล้ว แต่กลับไม่เคยเจอไฟ จะว่าเรียนกันคนละคณะเลยไม่เคยได้เจอ ก็คงไม่ใช่ มันน่าจะต้องมีสักครั้งสิที่ได้เจอกันอะ แต่ที่ฉันคิดเนี่ยไม่ใช่ว่าฉันอยากเจอหรอกนะ ฉันแค่แปลกใจเฉย ๆ ที่เราไม่เคยเจอกัน
“ทำไมเงียบไปวะติม” แบ๋มถาม
“กลัวเจอไฟเหรอ” ต่อด้วยทราย
ฉันส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นการปฏิเสธไป ทำไมฉันจะต้องกลัวที่จะเจอเขา ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดกับเขาสักหน่อย หากต้องเจอกันที่สนามแข่งฉันก็คงยิ้มให้ตามปกติ ไม่มีอะไรที่ต้องน่ากลัว