ทิวาตื่นขึ้นมาเนื่องจากรู้สึกปวดแผลจนน้ำตาซึม เมื่อคืนเธอนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่คนเดียว มาเฟียหนุ่มตอบคำถามจบก็เดินกระแทกเท้าออกไปด้วยความไม่สบอารมณ์
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความสมเพชกับชีวิตตัวเองที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
มือเล็กค่อยๆ เอื้อมไปเปิดประตูห้องนอนก่อนจะเห็นร่างสูงกำยำนั่งดื่มกาแฟโดยสายตาจับจ้องมองไอแพดในมือด้วยความสนใจ เขาเงยหน้าสบตาเธอเพียงเล็กน้อยก็หันไปส่งสายตาให้แม่บ้านยกอาหารเช้ามาตั้งบนโต๊ะ
“รีบทานจะได้เตรียมตัวไปข้างนอกกับฉัน”
“ไปไหนคะ”
“สนามแข่ง”
สถานที่ที่หญิงสาวไม่แม้จะอยากเข้าไปเหยียบมันอีกครั้ง มองแววตาดุดันของมาเฟียหนุ่มก็ไม่กล้าจะเอ่ยเถียงเขาทำได้เพียงนั่งทานข้าวต้มปลาร้อนๆ ในถ้วย
“ผมได้ตัวมันมาแล้วครับนาย”
เอดีสเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้านาย ยืนประสานมือเข้าด้วยกันพร้อมรายงานตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย ไม่วายหันสายตามองร่างเล็กที่นั่งอยู่เงียบๆ
“จะพาคุณทิวาไปด้วยเหรอครับ”
“ใช่ เตรียมของให้พร้อม”
พันแสงยกกาแฟในแก้วขึ้นดื่ม นั่งจ้องผู้หญิงของตัวเองที่ทานข้าวต้มในถ้วยจนเกือบหมด แกะยาหลังอาหารยื่นให้เธอพร้อมเรียกตัวหมอ (คนใหม่) มาทำความสะอาดแผล
ทิวาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นาน เดินตามร่างสูงของมาเฟียหนุ่มไปขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าไปสนามแข่ง แอบเบ้หน้าออกมาเมื่อเกิดความรู้สึกเจ็บที่แผลหลังแขนกระแทกรถ
“ระวังหน่อย”
พันแสงเอ่ยเสียงดุ รีบรั้งร่างเล็กเข้ามานั่งใกล้ๆ พรางดันใบหน้าสวยให้เอนตัวพิงแขนกำยำของเขาเอาไว้ ก่อนจะเห็นหญิงสาวหลับตาลงเพราะร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงดี
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการขับรถมาถึงสนามแข่งที่อัดแน่นไปด้วยเหล่าผู้คนที่รักและชื่นชอบในความเร็ว การแข่งขันล้วนเดิมพันด้วยเงินมหาศาล
ก้มหน้ามองร่างบอบบางที่หลับสนิท ปลุกเธอให้ตื่นจากห้วงนิทรา ใบหน้าอ่อนใสกะพริบตาถี่เพื่อไล่ความง่วง
“ลงไปได้แล้ว”
ทิวาเดินตามหลังมาเฟียทรงอิทธิพลเข้าไปด้านในอีกครั้ง แต่รอบนี้เธอถูกดึงตัวเข้าไปในห้องเชือดกับเขาแทนการไปนั่งรอห้องวีไอพีแบบเมื่อวาน
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจหลังเห็นร่างชายปริศนานอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น สภาพเพิ่งผ่านการถูกทรมานมาหมาดๆ
“คุณพันแสง...”
พันแสงก้มหน้ามองคนที่เอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วพร้อมคลานเข้ามากราบแทบเท้า ก่อนจะเห็นมันเบี่ยงสายตาไปหาหญิงสาวที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง
“ช่วยผมด้วยครับ”
“จะทำอะไรเขาคะ”
คนตัวเล็กรีบเอ่ยถามขึ้นมาทันทีหลังได้เห็นชายหนุ่มใช้เท้าถีบคนที่กำลังจะคลานเข้ามาขอความช่วยเหลือจากเธอ เหล่าบอดี้การ์ดรีบเดินมาดึงหนุ่มโชคร้ายขึ้นยืนเต็มความสูง
“เธอรู้ไหมว่ามันทำอะไรไว้”
“ไม่รู้ค่ะ”
“หึ มันใช้ความไว้ใจของฉันแอบขโมยเอกสารลับสำคัญไปให้มาเฟียคู่แข่ง”
“จะฆ่าเขาเหรอ”
“แล้วคิดว่าฉันควรทำยังไงกับมันดี”
ทิวาส่ายหน้ารัวเร็วไม่สามารถให้คำตอบกับชายหนุ่มได้ ก่อนจะเห็นมือขวาคนสนิทอย่างเอดีสเดินเข้ามาพร้อมกล่องดำในมือ
“งั้นช่วยเลือกของเล่นให้ฉันหน่อย”
เปิดฝากล่องดำปรากฏอาวุธมีดขนาดต่างๆ ปืนหลายกระบอกอยู่ด้านในทำเอาคนตัวเล็กรีบขยับถอยหลังหนีจนชนเข้ากับร่างกำยำที่ยืนช้อนอยู่ด้านหลัง
“ฉันบอกให้เธอเลือก”
“เลือกทำไมคะ”
“จัดการคนที่กล้าทรยศฉัน”
หญิงสาวชะเง้อหน้ามองของด้านในอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชี้มือไปยังมีดเล่มเล็กจนใบหน้าหล่อระบายรอยยิ้มร้ายออกมา
“เลือกได้ดีทูนหัว”
วางมือลูบแผ่วเบาลงบนผมยาวสลวยเพื่อให้รางวัลเธอ หยิบมีดเล่มเล็กที่มีความคมไม่ใช่น้อยขึ้นมาส่งให้มือขวาคนสนิท
“เอาไปตัดนิ้วมัน”
“อย่าทำเขาแบบนั้น!”
“ฉันให้เธอออกความคิดตั้งแต่เมื่อไหร่”
ทิวากรีดร้องด้วยความหวาดกลัวออกมาหลังได้เห็นเอดีสปักมีดลงบนมือของผู้ชายทรยศ เสียงร้อยโหยหวนดังสนั่นไปทั่วห้อง
ร่างบอบบางรีบหันหลังฝังใบหน้าหนีลงบนอกกว้างของมาเฟียหนุ่มเพื่อหนีภาพที่แสนน่ากลัว
“มองมันทิวา!”
พันแสงต้องการลงโทษเธอ ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวกลัวแต่เขาก็ยังจงใจพาเธอมาดู เป็นการเตือนผู้หญิงของตัวเองไม่ให้ท้าทายอำนาจด้วยความขัดคำสั่ง
“ไม่เอา ฮึกปล่อยฉันนะ!”
“มองให้เต็มตา นี่คือบทลงโทษของเธอทิวา”
คนตัวเล็กถูกร่างสูงรั้งตัวให้หันมามองภาพตรงหน้า เลือดสีแดงไหลเปื้อนอยู่ในห้องพร้อมร่างที่นอนหายใจรวยริน
เอดีสใช้ผ้าทำความสะอาดมีดที่เลอะไปด้วยคราบเลือด ใช้แววตาเลือดเย็นมองนิ้วมือตรงหน้า ก่อนจะปักมีดเล่มเล็กลงไปจนเลือดไหลนองบ้างกระเด็นไปโดนคนที่ยืนอยู่รอบๆ บริเวณ
ทิวารีบผลักร่างสูงกำยำที่ยืนล็อกตัวเธอเอาไว้แน่น วิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำหลังมองภาพน่าสะอิดสะเอียน กลิ่นคาวเลือดลอยมาแตะจมูกไม่หยุด
พันแสงสาวเท้าเข้ามาดูหญิงสาว กอดอกพิงกรอบประตูจ้องคนที่นั่งฟุบหมดแรง ดวงตาแดงก่ำตวัดมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“สารเลวที่สุด”
“คิดดีแล้วใช่ไหมถึงได้กล้าพูดคำนั้นออกมา”
“ฉันไม่คิดว่านายจะใจร้ายและเลือดเย็นแบบนี้”
“นี่แหละตัวตนของฉันทิวา จำเอาไว้ถ้าเธอไม่อยากเป็นแบบนั้นก็อย่าคิดจะหนีฉัน”
“ทำไม! นายจะทำอะไร”
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้ามาหาร่างเล็กที่นั่งเถียงคำไม่ตกฟาก ดวงตาคู่คมอ่อนลงหลังได้เห็นเลือดที่ซึมตามผ้าก็อซพันแผลสีขาว
“ฉันก็จะตัดขาเธอด้วยมีดเล่มนั้น”
ขู่กระซิบสาวเจ้าข้างใบหูเล็กแผ่วเบา ก่อนจะประคองหญิงสาวออกมา พาเธอไปล้างหน้าเช็ดคราบเลือด
“ฆ่ามัน”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกใจ ไม่ทันจะได้เห็นปลายกระบอกปืนลั่นไก มาเฟียหนุ่มก็รีบหันใบหน้าสวยเข้ามาซุกในอก
ปัง!
“ฮึก เขาตายแล้วใช่ไหม”
“พาศพมันออกไป แล้วรีบเคลียร์ห้องให้กู”
“ครับนาย”
ทิวาขาสั่นเทาไปหมดด้วยความขวัญเสีย แม้ไม่เห็นภาพนั้นแต่หูของเธอได้ยินเสียงปืนชัดเจน น้ำตาสีใสไหลเปื้อนเสื้อชายหนุ่มเป็นวงกว้าง
“อยากดูการแข่งขันไหม”
“นายมีอารมณ์จะดูอะไรแบบนั้นอีกเหรอ”
“ทำไมจะไม่มี ไอ้เศษสวะนั้นไม่ได้มีค่าอะไรในชีวิตฉันอยู่แล้ว”
หญิงสาวส่ายหน้ารับไม่ได้กับนิสัยใจคอที่โหดเหี้ยมเกินคนของมาเฟียหนุ่ม พร่ำด่าตัวเองที่คิดน้อยไปหลอกเอาเงินเขามาจนต้องรับกรรมแบบนี้
“ไปเถอะ ใกล้จะถึงเวลาแล้ว”
พันแสงรีบดึงมือเล็กออกมาจากห้องเชือด เดินมายังห้องวีไอพีที่มองเห็นภาพการแข่งขันรอบสำคัญชัดเจน กระตุกยิ้มให้กับภาพผู้คนหลายหมื่นชีวิตด้านล่างสนาม
“มานั่งตรงนี้”
เรียกคนตัวเล็กนั่งลงบนหน้าตัก กอดเอวคอดเอาไว้พร้อมสำรวจบาดแผลของหญิงสาวอย่างละเอียด
“เอดีสไปตามหมอมาหน่อย”
“ครับนาย”
ทิวานั่งมองรถแข่งคันหรูสองคันขับเคลื่อนออกจากจุดแข่งขันด้วยความเร็ว เสียงโห่เชียร์ดังขึ้นสนั่นไปทั่วบริเวณ ธนบัตรสีเทาจำนวนมากถูกโปรยเล่นด้วยความสนุกสนาน
“หมอมาแล้วครับ”
พันแสงรีบยกร่างบอบบางนั่งลงบนโซฟา จับจ้องหมอประจำสนามที่ก้มหน้าทำแผลให้คนตัวเล็กไม่วางตา
“อ๊ะ! เจ็บค่ะ”
“อยากมือขาดหรือไงหมอ”
“เอ่อ ขอโทษครับคุณพันแสง”
“เบามือหน่อย”
หมอหนุ่มมือสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ทำเอาหญิงสาวกัดฟันข่มความเจ็บปวดไว้แน่นจนน้ำตาซึมเพราะกลัวคนตรงหน้าจะโดนตัดมือตามคำขู่
“เสร็จแล้วครับ”
มาเฟียพยักหน้าอนุญาตให้หมอเดินออกไปจากห้อง ดึงหญิงสาวมานั่งบนตักตัวเองใหม่อีกครั้ง วางใบหน้าหล่อซบลงบนไหล่บาง บ้างซุกเข้ากับต้นคอขาวเพื่อสูดดมกลิ่นหอมประจำกายเธอ
“นายครับ คุณเหนือฟ้าและคุณลูคัสมาที่สนามแข่ง”
ชื่อสองมาเฟียเพื่อนสนิททำเอาพันแสงดันลิ้นกระพุ้งแก้ม แววตาไม่สบอารมณ์ฉายชัดขึ้นมาจนคนตัวเล็กขมวดคิ้วด้วยความงุนงง
“เตรียมรถ กูจะกลับ”
หากเป็นวันอื่นคงพร้อมยินดีนั่งรอเพื่อนสนิทในห้องแต่วันนี้ไม่เหมาะ ก้มมองคนที่นั่งเอนซบพิงอกก่อนจะตวัดตัวเธอขึ้นอุ้มแล้วรีบพากลับไปที่รถ
“จะไปไหนวะไอ้พันแสง”
‘เหนือฟ้า’ มาเฟียเจ้าของกาสิโนเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามาถามคนที่รีบปรี่ขึ้นรถไปด้วยความรวดเร็ว’
“แม่ง! เหมือนมันหนีเราว่ะ”
เสียงจับผิดของ ‘ลูคัส’ มาเฟียเจ้าของบ่อน้ำมันเอ่ยขึ้น รอยยิ้มกระตุกเพียงได้เห็นแผ่นหลังกว้างของเพื่อนกับผู้หญิงของมันในอ้อมแขน
“บอกแล้วไงว่าไอ้พันแสงไม่มีทางให้มึงได้เจอผู้หญิงของมันหรอก”
“หวงฉิบหาย”
.