บทที่ 16 ค่ายทหาร

2038 Words
“ซ่งเฉินหยางมีของมาส่ง เซ็นรับด้วย” เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุนำของมาส่งให้ “ของผมเหรอครับ” ซ่งเฉินหยางได้แต่สงสัย ตั้งแต่เขามาเป็นทหารก็ไม่เคยมีใครส่งอะไรมาให้สักครั้ง แล้วครั้งนี้ใครละเป็นคนส่งมาให้เขายิ่งกล่องใหญ่ขนาดนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเป็นใคร เมื่อเซ็นรับของแล้วเฉินหยางก็มองชื่อผู้ส่ง เมื่อเห็นชื่อผู้ส่งเขาก็ยืนนิ่งอยู่พักนึง ก่อนจะขยี้ตามองซ้ำอีกครั้งว่าเขามองชื่อคนส่งไม่ผิด เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วว่าเป็นใคร รอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนก็ผุดขึ้น ทำให้สหายหลายคนที่อยู่ด้วยนั้นได้แต่ขยี้ตาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสหายผู้เย็นชาของพวกเขากัน “เฉินหยางใครส่งของมาให้ถึงทำให้ทหารผู้ขึ้นชื่อความเย็นชากลับมีรอยยิ้มบนใบหน้าได้” อาเทียนถามสหาย ซ่งเฉินหยางไม่ตอบแต่เดินกลับมาที่เตียงของตัวเองเพื่อที่จะแกะกล่องพัสดุ ในใจเขาอยากจะรู้ใจจะขาดแล้วว่าภรรยาส่งอะไรมาให้ อาเทียนเมื่อเห็นว่าสหายไม่ตอบก็เดินตามเข้ามาดูด้วย “นายจะตามฉันมาทำไม” “ฉันก็อยากรู้นะสิ ถามนายแล้วนายไม่ตอบเลยเดินมาดูเอง” อาเทียนตอบหน้าตาย จริงๆ ไม่ได้อยากรู้ว่าของข้างในคืออะไร แต่อยากรู้ว่าใครส่งมามากกว่าดังนั้นเขาจึงได้เดินตามมา เฉินหยางก็ยังคงไม่ตอบแต่ใช้มีดแกะกล่องเพื่อจะดูของข้างใน ด้านในนั้นมีขนม มีเสื้อกันหนาว มีรองเท้าถุงเท้า เขาหยิบของออกมาเรื่อยๆ ในกล่องที่ภรรยาเขาส่งมามีทั้งของกินของใช้ แต่ที่ทำให้เขาชะงักและหน้าแดงก็คือภรรยากล้าส่งกางเกงในมาให้เขา ห้าตัว แม้แต่สหายอย่างอาเทียนเองยังต้องยืนตาค้างเมื่อเห็นว่ามีกางเกงในส่งมาให้สหายเขาด้วย อาเทียนได้แต่คิดว่าใครกันนะกล้าส่งกางเกงในมาให้ผู้ชาย หน้าไม่อายจริงๆ ถ้าหากเฉินหยางได้ยินในสิ่งที่สหายพูด เฉินหยางหยิบของชิ้นสุดท้ายขึ้นมาก็สงสัยว่ามันคืออะไร จะคิดว่าเสื้อก็คือเสื้อ จะว่าไม่ใช่ก็ได้ ก่อนจะเห็นจดหมายวางอยู่ด้านล่างกล่อง เขาหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน เขาเองก็อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ภรรยาเขาถึงส่งของมาให้ ถึงพี่เฉินหยาง ฉันส่งของมาให้พี่ หวังว่าพี่คงจะชอบนะ ขนมพวกนี้ฉันเป็นคนทำเอง รวมถึงเนื้อแห้งที่ปรุงรสแล้วยังสามารถเก็บไว้กินได้เป็นเดือน ถ้าหากพี่ไม่กินก็แบ่งให้สหายพี่ไปก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอก ฉันรู้ดีว่าพี่รังเกียจฉันมาตลอด แม่พี่ก็มาพูดกับฉันแทบจะทุกวัน แม่พี่บอกว่าถ้าหากพี่กลับมาพี่ก็จะหย่ากับฉัน แม้กระทั่งซูเย่วอิงก็ยังประกาศต่อหน้าคนมากมาย ว่าฉันไปแย่งพี่มาจากเธอ ฉันก็ไม่อยากจะฝืนชะตาอีกแล้ว ฉันเหนื่อยเหลือเกิน แต่ไม่ได้เหนื่อยเพราะพี่นะ แต่ฉันเหนื่อยที่ต้องวิ่งตามพี่เพื่อจะได้หัวใจของพี่ ถ้าหากพี่ต้องการที่จะหย่าฉันก็ยินดี แต่ฉันขอลูกไว้ พี่แต่งงานใหม่พี่สามารถมีอีกกี่คนก็ได้ แต่ฉันเองคงไม่แต่งแล้ว เพราะฉันรู้ดีว่าใครที่อยู่ในใจฉัน ฉันไม่รบกวนเวลาของพี่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าพี่จะเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ไหม ถ้าพี่ได้อ่านฉันขอให้พี่ใส่เสื้อตัวสีดำทุกครั้งที่พี่ออกปฏิบัติหน้าที่ คิดซะว่าทำเพื่อฉันครั้งสุดท้ายก็ได้นะ สุดท้ายนี้ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอให้พี่โชคดีและปลอดภัยทุกครั้งที่เสี่ยงอันตราย ถึงแม้ว่าพี่จะไม่เคยรักฉัน แต่ฉันอยากให้พี่รู้ไว้ว่าฉันและลูกๆ รอพี่กลับมาอย่างปลอดภัยเสมอ รัก จากภรรยาของซ่งเฉินหยาง เมื่อซ่งเฉินหยางได้อ่านจดหมายที่ภรรยาเขียนมา ตอนนี้เขาอยากรู้เหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านกันแน่ ทำไมแม่เขาทำแบบนั้น ตัวเขาเองยังไม่เคยคิดที่จะหย่ากับภรรยาสักครั้ง แล้วซูเย่วอิงมาเกี่ยวอะไรด้วย เขาไม่เคยเป็นอะไรกับซูเย่วอิงสักหน่อย ทำไมทั้งแม่และหญิงสาวบ้านซูต้องมาทำให้ภรรยาเขาคิดมากด้วย ตัวเขารู้ดีว่าเขารักภรรยามากแค่ไหน แต่ที่ทำไปเพราะต้องการปกป้องภรรยาจากแม่ของเขา แต่ทำไมยิ่งเป็นการทำร้ายภรรยาของเขามากกว่าเดิม ตอนนี้ใจขอเฉินหยางอยากกลับบ้านเหลือเกิน แต่เพราะอีกหนึ่งอาทิตย์เขาต้องไปปฏิบัติหน้าที่แถวตะเข็บชายแดน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับ ซ่งเฉินหยางมีความสุขกับการที่ภรรยาส่งของมาให้แต่ก็ปวดหัวและเสียใจกับการกระทำของแม่เขาที่เที่ยวประกาศว่าเขาจะหย่ากับภรรยา ‘เจียวเจียว น้องรอพี่ก่อนนะ อย่าพึ่งถอดใจ พี่สัญญาว่าพี่กลับไปพี่จะพูดความรู้สึกที่แท้จริงกับน้องทุกอย่าง พี่รักน้องกับลูกๆ มากนะ’ ซ่งเฉินหยางได้แต่ฝากคำพูดไปกับสายลมหวังว่าภรรยารักจะรอเขากลับไปอธิบายเรื่องทุกอย่างให้เธอฟัง กลับมาที่หลินเจียวเจียว ตอนนี้เธอไม่รู้เลยว่าได้วางระเบิดให้กับสามีของตัวเอง เพราะเธอมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการทำของส่งให้ร้านอาหารของคุณจ้าวและเธอยังคงไปขายของที่ตลาดนัดวันเว้นวันเหมือนเดิม อย่างเช่นวันนี้ “เอาละถึงตลาดแล้ว” ซ่งฮ่าวหยูบอกกับทุกคน หลินเจียวเจียวและพี่สะใภ้ไม่ต้องเข็นรถมาเองเพราะพี่ใหญ่ช่วยเข็นให้ทั้งไปทั้งกลับ ส่วนเด็กๆ ทั้งสี่คนก็สนุกกับการช่วยแม่ของตัวเองขายของ เดี๋ยวนี้ร้านยังไม่ทันตั้งเสร็จชาวบ้านก็ตรงกันเข้ามารอซื้อกันแล้ว มีคนที่รอซื้อไม่ได้เหมือนกันเพราะของหมดก่อน หลินเจียวเจียวไม่ต้องการที่จะทำเพิ่มมากกว่านี้ เพราะการที่ทำของส่งให้คุณจ้าวทุกวัน แต่ละคนก็เหนื่อยกันพอแล้ว แม้แต่ขนมไข่นึ่งของพี่สะใภ้เธอทำมาขายตลาดเพียงแค่ สองร้อยชิ้น หลินเจียวเจียวคิดว่าถ้าทำมามากความต้องการของคนก็จะน้อย แต่ถ้าเราจำกัดจำนวนจะทำให้คนคอยแย่งกันซื้อเช่นเดิม เกิดครั้งนี้ซื้อไม่ทันครั้งต่อไปก็ต้องมารอซื้อเร็วกว่านี้ วิธีขายแบบนี้เธอเคยเห็นร้านขนมในห้างสรรพสินค้า ตอนที่เธอเป็นวิญญาณเห็นร้านนั้นเขาทำแบบนี้ หลินเจียวเจียววุ่นวายอยู่กับการขายของไม่นานลูกค้าก็เริ่มซาลง “เห้อ ได้พักซะที ดีนะพี่สะใภ้ได้พี่สามีมาช่วย มีแค่เราสองคนต้องวุ่นวายแน่ๆ เลย” หลินเจียวเจียวบอกกับหัวหลิงพี่สะใภ้ใหญ่ “ใช่ ลูกค้าก็มาเยอะทีเดียว นี่ก็เหลือไม่เยอะแล้วสักหน่อยก็คงได้กลับบ้าน เด็กๆ เหนื่อยกันรึยังลูก” โกวหัวหลินหันไปถามลูกและหลานๆ “ไม่เหนื่อยค่ะแม่ ทำงานที่บ้านย่าเหนื่อยกว่าอีก ขายของสนุกมากหนูชอบ” หยูฉีบอกกับแม่ด้วยรอยยิ้มที่สดใส เด็กน้อยพูดก็ไม่ได้คิดอะไรเพียงพูดไปตามประสาเด็ก แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่พอได้ฟังกลับกระแทกใจอย่างรุนแรง ซ่งฮ่าวหยูมองหน้าลูกสาวก็ได้แต่คิดว่าช่วงนี้ลูกๆ เขาช่างดูสดใสนัก มักจะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอยู่เสมอ เขาคิดถูกแล้วจริงๆ ที่แยกตัวออกมา แต่แล้วความสุขนั้นแทบจะหดหายทันทีที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังขึ้นมา “ทำไมทำงานบ้านฉันมันลำบากมากเหรอไอ้เด็กเวร” กู้เจียงหลานเมื่อได้ยินหลานนอกไส้พูดแบบนั้นก็ตวาดด่าอย่างลืมตัว “พ่อขาหนูกลัว ย่าจะตีหนูไหม” หยูฉีเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยของย่าเธอก็รีบวิ่งมาหาพ่อ “เธอไม่มีสิทธิ์หรอกลูก หนูอย่ากลัวเลย หนูไปอยู่กับแม่และน้องนะ” ซ่งฮ่าวหยูลูบหัวบอกลูกสาว “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ในเมื่อฉันเป็นย่า แกก็เหมือนกันนังลูกสะใภ้อกตัญญู ฉันเป็นแม่สามีแกไม่คิดจะเลี้ยงดูฉันบ้างเหรอ ขายของได้เงินมากมายแต่ไม่คิดดูแลพ่อแม่สามี” กู้เจียงหลานหันมาโวยวายกับหลินเจียวเจียวต่อ เธอต้องการจะทำให้นังลูกสะใภ้ที่แสนรังเกียจนั้นให้อายชาวบ้านในตลาด “อ้าว สรุปคือจะไม่ให้สามีหย่ากับฉันแล้วเหรอคะ อาทิตย์ก่อนยังมายืนด่าฉันหน้าบ้าน แถมยังประกาศว่าหาภรรยาคนใหม่เตรียมไว้ให้สามีของฉันแล้ว ทำไมวันนี้กลับยอมรับฉันเป็นลูกสะใภ้ได้ละคะ” หลินเจียวเจียวรู้ว่าแม่สามีเธอคิดจะทำอะไร แต่คิดเหรอว่าคนอย่างเธอจะยอม “แกอย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ไม่ใช่แกเหรอที่แอบสวมหมวกเขียวให้ลูกชายฉัน ไม่อย่างนั้นเจ้าของร้านอาหารจะมาให้แกทำซาลาเปาส่งวันละเป็นร้อยๆ ลูกทำไม” กูเจียงหลานไม่คิดหรอกว่าคนปกติที่ไหนจะสั่งทำซาลาเปาวันเป็นร้อยๆ ลูก ยังมีเกี๊ยวอีก รับเงินวันเป็นร้อยหยวน คนอื่นเยอะแยะทำไมไม่จ้าง มาจ้างนังหลินเจียวเจียวทำไม “อ้าว พูดแบบนี้ฉันตบได้นะคะ ถึงก่อนหน้านี้ฉันอาจจะร้าย แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะสวมหมวกเขียวให้กับสามีตัวเองหรอก หรือว่าแม่สามีเคยทำเหรอคะถึงได้รู้ดีจัง” “แกอย่ามาพูดแบบนี้นะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้นแล้วฉันก็เป็นแม่สามีแก แกกล้าตบฉันเหรอ” กูเจียงหลานโกรธจนตัวสั่นไม่คิดว่านังหลินเจียวเจียวจะย้อนเธอแบบนี้ “ทีคุณแม่สามียังมาว่าฉันได้เลย ทำไมฉันสงสัยคุณแม่สามีบ้างไม่ได้ละคะ แล้วก็นะคุณเป็นแค่แม่สามีไม่ใช่แม่ฉัน ปากแบบนี้ควรโดนแล้วละ แล้วก็หยุดพูดจาพล่อยๆ ได้แล้ว ในเมื่อทำตัวไม่น่าเคารพ คิดว่าฉันจะกล้าตบไหมละ” อย่าคิดว่าคนอย่างหลินเจียวเจียวจะไม่กล้านะ “นี่นังเจียวเจียวแกกล้าด่าแม่สามีเหรอ แกนี่ช่างอกตัญญูนัก ดีแล้วที่คุณแม่จะให้แกหย่ากับน้องสาม” หานอี๋ฉิงชี้หน้าด่าอีกคน “หานอี๋ฉิงอีลูกสะใภ้ช่างยุ ถ้าปากว่างมากนักก็เอารองเท้ายัดปากตัวเองเสียนะ จะได้ไม่ต้องมาเห่ามาหอนให้คนอื่นรำคาญ” “แก แก...” หานอี๋ฉิงได้แต่ชี้หน้าเรียก เธอไม่คิดว่านังหลินเจียวเจียวจะกล้าด่าเธอต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เธอทำอะไรไม่ถูกแทน ส่วนซ่งฮ่าวหยูและภรรยาบอกให้เด็กๆ เอามือปิดหู เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยทั้งสี่คนได้ยินสิ่งที่ไม่ดี เขาไม่คิดว่าแม่เลี้ยงจะกล้ามายืนด่าภรรยาลูกชายของตัวเองกลางตลาดแบบนี้ ส่วนตัวเขานั้นอยากจะตบมือให้กับน้องสะใภ้ดังๆ ที่ตอกกลับแม่สามีได้เจ็บแสบแบบนี้ ตอนนี้เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแม่เลี้ยง เขาไม่จำเป็นต้องช่วยหรือห้ามเพราะเขารู้ว่าคนอย่างน้องสะใภ้ไม่มีใครทำอะไรเธอได้แน่ ********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD