หลินเจียวเจียวเอาแป้งตลับทาหน้าออกมาให้สหายอีก ยี่สิบชิ้น ครั้งนี้เธอเอาครีมกันแดดสำหรับทาหน้าและทาตัวออกมาให้สหายดู
“อันนี้หลอดเล็กใช้สำหรับทาหน้า ส่วนหลอดใหญ่ใช่สำหรับทาตัว ฉันลองใช้ทั้งสองอย่างแล้ว ดีเลยทีเดียว ยิ่งแบบทาตัวไม่เหนอะหนะด้วยเวลาทา ส่วนอันนี้ฉันเอามาให้เธอลอง แล้วก็ ที่ทาตา ทาแก้ม อันนี้ที่ทาปากเขาเรียกว่าลิปสติก ฉันเอามาให้เธอลองทั้งหมด แต่ถ้ามีคนสนใจก็ลองจดมาดูนะ ฉันจะดูราคาให้ ส่วนกันแดดทาตัว สิบสองหยวน ทาหน้า แปดหยวน ทาตัวเธอขาย สิบห้าหยวน ทาหน้าขาย สิบหยวน เธอไม่ต้องลดราคา เพราะของพวกนี้ฉันกล้าบอกเลยว่ายังไม่มีใครขาย แต่ละรอบของมีไม่มาก ใครอยากได้เธอก็ให้เขาจอง รู้ไหม”
หลินเจียวเจียวบอกกับสหายรัก คนอื่นไม่มีทางมีของพวกนี้หรอก เพราะว่าของพวกนี้มันมีขายในอนาคตและมีเฉพาะในห้างสรรพสินค้าของเธอ
“แล้ววันนี้เธอมาซื้ออะไรด้วยไหมเจียวเจียว”
“เอาสิ นม สองกระป๋อง ลูกอม สองถุง มีของไหมละ เอานี่คูปองแล้วก็เงิน” หลินเจียวเจียวยื่นเงินและคูปองให้กับสหาย เธอซื้อนมและลูกอมไปให้ลูกๆ ของเธอ และลูกๆ ของพี่สามี เด็กสองคนนั้นผอมมากเหลือเกิน
“ได้สิ แต่ว่าเจียวเจียว ฉันตัดสินใจที่หย่ากับอาตงแล้วนะ มันก็จริงอย่างที่เธอพูด เจ็บแล้วจบ ดีกว่าเจ็บไปตลอดแบบนี้” อ้ายหนิงพูดแล้วก็น้ำตาไหล เธอไม่อยากที่จะอยู่แบบนี้อีกแล้ว เธอเองก็ไม่ปิดกั้นหรือห้ามไม่ให้อาตงเจอลูก ถ้าจะให้เธอใช้สามีร่วมกับคนอื่นเธอก็ไม่ต้องการเช่นกัน
“มันอยู่ที่เธอตัดสินใจ เรื่องนี้ไม่มีใครตัดสินใจแทนเธอได้ แต่ว่าเธอบอกอาตงหรือยัง แล้วเขาจะยอมหย่าไหม” หลินเจียวเจียวยังเป็นห่วงเรื่องนี้อยู่ ดูท่าทางแล้วอาตงต้องการมีทั้งสองคน
“ยอมไม่ยอมฉันไม่รู้ แต่ถ้าไม่ยอมฉันจะแจ้งทางการ เธอก็รู้ว่าการมีชู้เรื่องนี้ยากที่คนจะรับได้ และมีบทลงโทษที่ร้ายแรงขนาดไหน ถ้าเขาไม่ยอมหย่าดีๆ ฉันก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ”
“แล้วถ้าอาตงเลือกเธอแล้วเลิกกับผู้หญิงคนนั้น เธอจะว่ายังไง”
“ไม่เอาแล้ว ในเมื่ออาตงกล้าที่จะนอกใจ อีกไม่นานเขาคงต้องทำอีก มีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง” อ้ายหนิงตัดใจอย่างเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะเจ็บแค่ไหนเธอเชื่อว่าเวลาจะช่วยเธอได้แล้วเธอยังมีลูกๆ ที่เป็นแก้วตาดวงใจและยังรักเธอเสมอ จากนี้เธอก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ห้ามเธอเกรงใจฉันเด็ดขาด เราเป็นสหายกันนะเธออย่าลืมสิ” หลินเจียวเจียวไม่อยากให้อ้ายหนิงคิดว่ากำลังต่อสู้อยู่เพียงคนเดียว ยังไงก็ยังมีเธออยู่ ไหนจะมีครอบครัวและลูกๆ ของอ้ายหนิง ที่พร้อมจะยืนเคียงข้างไม่ว่าอ้ายหนิงจะตัดสินใจเลือกอะไร
หลินเจียวเจียวเธออยู่คุยกับอ้ายหนิงอีกไม่นาน จากนั้นเธอก็หาที่ปลอดคนเพื่อจะเอาของออกมาจากห้างสรรพสินค้า และยังเอาหม้อนึ่งชุดใหญ่ออกมาอีกสองชุด เธอตั้งใจว่าจะให้พี่สะใภ้ใหญ่ทำขนมไข่นึ่งลองขาย ในเมื่อเธอมีวัตถุดิบและสูตรพิเศษอยู่เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะขายไม่ได้ พี่สะใภ้จะได้มีรายได้อีกทางนอกเหนือจากค่าจ้างที่เธอให้
หลินเจียวเจียวเอาของออกมาวางไว้ จากนั้นก็เดินไปเรียกเกวียนรับจ้างให้ไปส่งที่หมู่บ้าน เธอต้องเอาของออกมาให้ทุกคนเห็นว่าเธอซื้อของมาจากในอำเภอ แต่ถ้าไม่เอาออกมาตอนนี้แล้วไปหยิบจากที่บ้านเธอกลัวงานเข้า แต่ถ้าหยิบมาเพิ่มเล็กน้อยไม่เป็นไร ไม่นานเกวียนที่เธอว่าจ้างมาก็เข้ามาถึงในหมู่บ้าน หลินเจียวเจียวรู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนมอง แต่ช่างปะไร ในเมื่อตอนนี้รู้กันเกือบทั้งหมู่บ้านแล้วว่าเธอทำซาลาเปาส่งให้ร้านอาหารคุณจ้าว
หลินเจียวเจียวจึงไม่สนใจสายตาคนมอง แถมยังนั่งเชิดหน้าอีกด้วย
เมื่อเกวียนมาถึงหน้าบ้านเธอก็เรียกให้ทุกคนมาช่วยขนของ
“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ มาช่วยฉันหน่อย ฉันกลับมาแล้ว”
ซ่งฮ่าวหยูที่ช่วยภรรยาห่อเกี๊ยวอยู่ก็รีบเดินออกมาหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงน้องสะใภ้เรียก
“มาพี่ช่วย น้องสะใภ้เข้าไปพักเถอะ” ซ่งฮ่าวหยูคิดว่าน้องสะใภ้คงจะเหนื่อยซื้อของมามากมายขนาดนี้
“ขอบคุณมากค่ะพี่ใหญ่ โน่นไงพี่รองเดินมาพอดีเลย พี่รองมาช่วยหน่อย” หลินเจียวเจียวเอ่ยขอบคุณก่อนที่จะเห็นว่าพี่รองกำลังจะเดินมาที่นี่จึงตะโกนเรียกแล้วกวักมือให้มาช่วย
“โอ้ย เบาๆ ก็ได้ไหมแค่กวักมือเรียกก็ได้ โตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ อายลูกๆ หลานๆ บ้าง มีใครทำเหมือนเราสักคนไหม” หลินตงหนิงอดที่จะบ่นน้องสาวไม่ได้ ตั้งแต่หายป่วยอะไรก็ดีขึ้นหมดทุกอย่าง มีแค่เรื่องไอ้นิสัยกระโดกกระเดกและขี้โวยวายนี่แหละไม่รู้เมื่อไหร่จะหายซะที
หนุ่มๆ ทั้งสองคนช่วยกันขนของ หลินเจียวเจียวเธอจ่ายค่าจ้างเสร็จก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะมาทำซาลาเปาและเกี๊ยวต่อ
“แม่มานานแล้วเหรอ” หลินเจียวเจียวเอ่ยทักเมื่อเห็นแม่ของตัวเองนั่งห่อเกี๊ยวอยู่กับพี่สะใภ้
“สักพักแล้วละ ซื้อของมาครบแล้วเหรอลูก” จางย่าเจียวถามลูกสาว แต่เธอคิดว่าคงจะครบแล้วละเต็มเกวียนซะขนาดนั้น
“ครบแล้วค่ะแม่ ฉันซื้อหม้อนึ่งมาเพิ่มด้วยนะ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้ซะแล้ว แต่สหายฉันใจดีเก็บไว้ให้สองชุด ฉันเลยเอามาทั้งหมดเลย ตั้งใจไว้ว่าจะสอนพี่สะใภ้ใหญ่ทำขนมไข่นึ่งไปลองขายดู ช่วงนี้พี่ใหญ่ก็ว่างจะได้มีรายได้เพิ่มจากที่ฉันจ่ายค่าจ้างไง” หลินเจียวเจียวบอกกับแม่ของเธอและบอกกับพี่สะใภ้ด้วย
จางย่าเจียวยิ้มดีใจไม่คิดว่าลูกสาวตัวเองจะมีน้ำใจอย่างนี้ ตั้งแต่ที่ลูกสาวเธอหายป่วยนิสัยก็เปลี่ยนไปมาก แต่เธอก็ภูมิใจในตัวของหลินเจียวเจียวที่รู้จักช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
กลับเป็นโกวหัวหลิงและสามีของเธอ ที่ตกใจเมื่อได้ยินน้องสะใภ้พูดแบบนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกน้องสะใภ้ แค่นี้ก็พอแล้ว เราเอาไว้ทำเองไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงพี่ก็มีค่าจ้างอยู่แล้ว” โกวหัวหลิงรีบพูดปฏิเสธ จะให้เธอเอาเปรียบน้องสะใภ้ได้ยังไง แค่ค่าจ้างต่อวันก็มากพอแล้ว
“จริงด้วยน้องสะใภ้ ไม่ต้องหรอก น้องสะใภ้ทำขายเองดีกว่ายังไงก็มีพวกพี่ช่วยอยู่แล้ว” ซ่งฮ่าวหยูเองก็เกรงใจภรรยาเจ้าสามมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยังจะมาให้เขาและภรรยาทำขนมขายเองอีก
“ทุกคนฟังฉันนะรวมทั้งพี่รองด้วย พวกพี่จะทำงานแลกแต้มกันไปจนถึงเมื่อไหร่ พี่จะทำกันตลอดชีวิตเลยเหรอ ในเมื่อมีโอกาสทำไมเราไม่ไขว่คว้าไว้ละ ตอนนี้บ้านละหนึ่งคนที่ต้องทำงานแลกแต้มเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้าขนมของเราอร่อย สามารถส่งขายให้คุณจ้าวได้ ไม่แน่ฉันอาจจะขอให้คุณจ้าวทำเรื่องให้พวกพี่ไม่ต้องทำงานแลกแต้มแล้วก็ได้ แต่มาช่วยทำของส่งร้านคุณจ้าวแทนไม่ดีกว่าเหรอ ฉันเชื่อว่าคุณจ้าวมีความสามารถมากพอ ไม่อย่างนั้นเขาจะให้ฉันทำของพวกนี้ส่งให้เขาได้ยังไง พี่อย่าลืมนะว่าค้าขายตอนนี้ยังผิดอยู่นอกจากขายในที่ที่เขาจัดเตรียมให้ ตอนนี้งานในกองพลน้อยยังไม่ค่อยมีเราต้องรีบตักตวงโอกาสนี้ไว้สิ เชื่อเจียวเจียวได้เลย ฉันจะทำให้ทุกคนร่ำรวยให้ได้รวมถึงพี่ใหญ่พี่รองของฉันด้วย ส่วนพ่อแม่ไม่ต้องเพราะฉันเลี้ยงได้อยู่แล้ว” พูดจบก็ตบอกตัวเองอย่างภาคภูมิใจ แต่ละคนเมื่อได้ฟังก็คิดตามอย่างที่หลินเจียวเจียวพูด
“พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่ใหญ่ไม่ต้องการสร้างบ้านใหม่เหรอ ไม่อยากให้ลูกเรียนสูงๆ เหรอ ไม่แน่พี่ๆ อาจจะได้สร้างบ้านก่อนหน้าหนาวก็ได้”
“สาวพี่รองไม่คิดจะแต่งงานหรือไง แต่ขอบอกไว้ก่อนนะถ้าแต่งมาแล้วไม่เข้าตา หลินเจียวเจียวคนเก่าจะกลับมาทันที พี่ใหญ่ก็อีกคนฉันไม่ให้ทำงานในโรงงานจนตายหรอก รู้ว่ามันดีสวัสดิการก็ดี แต่ว่าทำงานของตัวเองไม่ดีกว่าหรือไง ไม่มีใครรู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่เราควรทำตอนนี้ให้เต็มที่และดีที่สุดก็พอ เรื่องอื่นช่างมัน พวกพี่ไม่รู้เหรอว่าฉันเป็นใคร”
“ก็เป็นภรรยาของซ่งเฉินหยางไง” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“โอ้ย พูดพร้อมกันดังซะขนาดนี้ ป่านนี้สามีฉันไม่สะดุ้งหมดแล้วเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
สรุปแล้วทุกคนยินยอมที่จะทำตามที่หลินเจียวเจียวบอกทุกอย่าง ซ่งฮ่าวหยูนั้นคิดว่าเขาควรจะทำตามที่น้องสะใภ้บอกดีที่สุดแล้ว
เมื่อทุกคนต่างก็ช่วยกันงานทั้งหมดก็เสร็จเร็วขึ้น หลินเจียวเจียวจึงสอนให้พี่สะใภ้ทำขนมไข่นึ่งแบบตามสูตรในหนังสือที่เธอได้มาจากห้างสรรพสินค้า แถมยังมีสูตรพิเศษที่เธอใส่ผงฟูที่เอามาจากห้างสรรพสินค้าและมีผงยีสต์ผสมด้วย
ตอนแรกหลินเจียวเจียวไม่รู้หรอกว่าสองสิ่งนี้คืออะไร เพราะยุคของเธอมันไม่มี แต่สูตรที่เธอได้มาบอกให้ใส่ไปด้วย จึงทำให้ซาลาเปาของเธอนุ่มฟูไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครไงละ
“อร่อยมากเลยเจียวเจียว” หลินตงหนิงที่ตอนนี้กินขนมเต็มปากพูดขึ้น
“จริงด้วยน้องสะใภ้ อร่อยและนุ่มมาก” ซ่งฮ่าวหยูไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะอร่อยขนาดนี้
“จริงด้วยป้าว่าต้องขายได้แน่ๆ เลยฮ่าวหยู หัวหลิง” จางย่าเจียวอดที่จะชมไม่ได้ เพราะขนมอร่อยจริงๆ
“อร่อยมากค่ะแม่” ซ่งเหมยจูชอบขนมนี้มากๆ
“อาสะใภ้สามหนูชอบมากเลยค่ะ/หนูด้วย” ซ่งหยู่ฉีและซ่งยวี่หนิงก็ชอบขนมนี้เหมือนกัน ส่วงซ่งจื้อผิงหนุ่มน้อยคนเดียวของบ้านไม่ยอมตอบแต่กินไม่พูดไม่จากับใคร
“ขนมนี้พอเราตัดแบ่งแล้วก็ขาย สองชิ้น สามเหมา ฉันว่าราคากำลังดีไม่แพงและไม่ถูกไป ส่วนถ้าขายคุณจ้าวได้ ขายส่งเขาชิ้นละ หนึ่งเหมาพี่ก็ได้กำไรแล้ว” หลินเจียวเจียวบอกกับพี่สามีและพี่สะใภ้
“เอาตามที่น้องสะใภ้ว่าก็แล้วกัน แต่อย่าลืมหักต้นทุนออกด้วยละ” ซ่งฮ่าวหยูและภรรยาไม่อยากเอาเปรียบน้องสะใภ้
จากนั้นเวลาก็วนเวียนมาจนหนึ่งอาทิตย์ตอนนี้คุณจ้าวก็รับขนมไข่นึ่งไปขายเหมือนกัน วันละ สองร้อยชิ้น ทำให้ซ่งฮ่าวหยูและภรรยาดีใจมากที่มีรายได้เข้ามาเพิ่ม เขาและภรรยาไม่ต้องการรับค่าจ้างที่น้องสะใภ้ให้ แต่หลินเจียวเจียวไม่ยอม เขาเลยบอกว่าเอาแต่ของหัวหลิงก็แล้วกันส่วนเขาไม่ขอรับเพราะยังไงก็ต้องมาทำขนมอยู่แล้ว เจียวเจียวเห็นว่าพี่สามีและพี่สะใภ้ลำบากใจจึงได้ตอบตกลงจ่ายค่าแรงแค่พี่สะใภ้เท่านั้น
ค่ายทหาร
“ซ่งเฉินหยางมีของมาส่ง เซ็นรับด้วย” เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุนำของมาส่งให้
“ของผมเหรอครับ” ซ่งเฉินหยางได้แต่สงสัย ตั้งแต่เขามาเป็นทหารก็ไม่เคยมีใครส่งอะไรมาให้สักครั้ง แล้วครั้งนี้ใครละเป็นคนส่งมาให้เขา
********************