บทที่17

2075 Words
กู้เจียงหลานไม่คิดว่าหลินเจียวเจียวลูกสะใภ้หน้าตายจะกล้าหักหน้าเธอและหานอี๋ฉิงกลางตลาดแบบนี้ “ก็เพราะปากแกเป็นแบบนี้ไงฉันถึงต้องให้ลูกสามหย่ากับแก” “คุณแม่สามีขา สรุปนี่คุณแม่สมองกลับใช่ไหมเดี๋ยวก็ให้หย่า เดี๋ยวก็บอกว่าฉันอกตัญญูไม่ดูแล แต่ว่าคุณแม่เขียนจดหมายไปบอกสามีสุดที่รักฉันรึยังละคะว่าคุณแม่เตรียมหาภรรยาคนใหม่ไว้ให้แล้ว เป็นถึงลูกสาวของผู้นำหมู่บ้านเชียวนะ เอ แต่ว่าชื่ออะไรนะ ซู...อะไรนะ อ๋อ ซูเย่วอิงใช่ไหมคะคุณแม่สามีขา” หลินเจียวเจียวเห็นว่าใครแอบดูอยู่จึงได้กวนประสาทขึ้นมา เหอะ คิดว่าหลบตรงนั้นจะรอดสายตาคนอย่างเจียวเจียวไปได้เหรอ ฝันไปเถอะ นี่มันพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้นไม่ว่าใครชาติที่แล้ว ที่ทำร้ายลูกของเธอหรือคนที่เธอรัก คนอย่างหลินเจียวเจียวไม่มีทางปล่อยให้มีชีวิตที่ดีแน่ “เอ๋...ใช่คนที่ยืนอยู่หลังต้นไม้นั่นหรือเปล่าคะ คนที่คุณแม่จะให้มาเป็นภรรยาของสามีฉัน หน้าตาก็ดีอยู่นะคะ แต่ว่าสามีฉันจะชอบหรือเปล่าก็ไม่รู้ พี่เฉินหยางไม่ชอบอะไรที่แบนซะด้วยสิ ต้องตูมๆ แบบฉันนะคะ จึงจะเอาสามีอยู่” หลินเจียวเจียวไม่พูดเปล่าแต่เอามือสองข้างดันหน้าอกตัวเองให้ดู ชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ แม้แต่ซ่งฮ่าวหยูที่ได้ยินน้องสะใภ้พูดและทำท่าทางให้แม่สามีดูเขาสำลักน้ำลายตัวเองทันที จนภรรยาต้องคอยทุบหลังให้ “สามีคะ สามีว่าใครจะชนะ” โกวหัวหลิงอดหัวเราะไม่ได้กับการกระทำน้องน้องสะใภ้ “เห็นกันอยู่แล้วว่าใครมีความสามารถมากกว่า ถึงกู้เจียงหลานจะร้ายและปากร้ายขนาดไหน พี่ว่ายังไงน้องสะใภ้ก็ชนะ” ซ่งฮ่าวหยูบอกกับภรรยาตัวเอง แม้แต่ชาวบ้านกระซิบกระซาบกับเรื่องว่าใครจะถอยก่อนเหมือนกัน “นี่แกด่าฉันเหรอ” ซูเย่วอิงทนไม่ไหวจึงเดินเข้ามา “มีคำไหนที่ฉันด่าเธอบ้างละ สมองเหมือนกันอย่างนี้นี่เองถึงได้อยากจะเป็นลูกสะใภ้บ้านนี้นัก” “ก็แกว่าฉัน...” ซูเย่วอิงไม่กล้าพูดคำว่าแบนออกมาเพราะมันแบบจริงๆ นั่นแหละ “คุณแม่สามีและลูกสมุนทั้งหลาย ฉันไม่มีเวลามาคุยเล่นหรอกนะ เสียเวลาทำมาหากิน ถ้าไม่ซื้อก็ถอยไป ฉันจะขายของ” หลินเจียวเจียวไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เอาแค่พอหอมปากคอ “ฉันไม่ไปไหนจนกว่าแกจะจ่ายค่าเลี้ยงดูมา เพราะว่าฉันเป็นแม่สามี” กู้เจียงหลานไม่ยอมกลับไปมือเปล่า ดูสิมันจะกล้าปฏิเสธต่อหน้าคนเยอะๆ ไหม “หน้าด้าน ทำไมฉันต้องให้ละ ในเมื่อสามีฉันก็แยกบ้านแล้ว ต่างคนต่างอยู่สิ ถ้าอยากได้ก็รอลูกชายคุณกลับมาก่อน” หลินเจียวเจียวไม่อยากเรียกแม่ให้ระคายปาก เพราะตอนนี้เธอหมดสนุกแล้ว “นี่แกกล้าอกตัญญูเหรอ” กู้เจียงหลานเองก็ไม่ยอมคิดเพียงว่ายังไงวันนี้เธอต้องได้เงินกลับไป “นั่นสิเธอก็ให้แม่สามีเถอะแค่สิบยี่สิบหยวนก็พอ” หานอี๋ฉิงร่วมผสมโรงกับแม่สามีเพราะถ้าได้เงินกลับไปเงินนี้ก็ต้องเป็นเงินกองกลาง ในเมื่อตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่สามีเธอแล้วเงินจะไปไหนเสีย หานอี๋ฉิงพูดไม่ทันขาดคำหลินเจียวเจียวก็เอารองเท้าของตัวเองยัดเข้าไปในปากของสะใภ้รองบ้านซ่ง “ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเป็นอีช่างยุ ให้เงียบปากไว้ ในเมื่อไม่เงียบฉันยอมที่จะเสียสละรองเท้าตัวเองให้ แต่ว่าไม่ต้องคืนฉันนะอยู่ในปากเธอมันสกปรกแล้ว ฉันกลัวเชื้อบ้าติดมาเอาเป็นว่าฉันยกให้” หลินเจียวเจียวไม่คิดว่าตัวเองผิดหรือทำรุนแรงเพราะเธอได้เตือนแล้ว ในเมื่อไม่ฟังก็ช่วยไม่ได้ “กรี๊ด นังเจียวเจียวแกกล้าเอารองเท้ายัดปากฉันเหรอนังสารเลว” หานอี๋ฉิงเมื่อเอารองเท้าออกจากปากได้ก็ถลาเข้ามาจะตบหลินเจียวเจียวให้หายแค้น “ผลั๊ว” หลินเจียวเจียวหลบแล้วสวนกลับด้วยฝาหม้อที่ใช่นึ่งซาลาเปา เธอเสียดายที่มันแค่อุ่นไม่ร้อนเหมือนตอนแรก “ถ้ายังไม่หยุดฉันจะตบด้วยหม้อละทีนี้ หน้าด้านทั้งคู่เลย ฉันทำมาหากินแทบตาย แล้วเอาสมองส่วนไหนคิดถึงมาขอเงินฉันสิบยี่สิบหยวน ถามจริงเถอะเป็นขอทานรึไง กว่าฉันจะทำซาลาเปาได้แต่ละลูก กว่าจะขายได้เงินฉันต้องนั่งทำงานตั้งแต่เช้า แล้วเธอทั้งสองคน ไม่ว่าจะเป็นตัวแม่สามีหรือตัวลูกสะใภ้ มีสิทธิ์อะไรมาขอเงินฉัน ห๊ะ ถ้าอยากได้มากทำไมไม่รู้จักทำมาหากิน มาขอส่วนบุญอยู่ได้ น่ารำคาญ” หลินเจียวเจียวหมดความอดทนแล้วตอนนี้ “แกกล้าตบฉันด้วยฝาหม้อ นังเจียวเจียวแก...” หานอี๋ฉิงได้แต่ชี้หน้าแต่ไม่กล้าที่จะเข้าไปเพราะกลัวว่าครั้งนี้จะโดนหม้อร้อนๆ “หลินเจียวเจียวทำไมถึงได้ร้ายขนาดนี้ คุณป้าเป็นแม่สามีเธอไม่ใช่เหรอ” ซูเย่วอิงพยายามทำตัวให้น่าสงสาร ออกหน้าแทนว่าที่แม่สามี เพราะเธอมั่นใจว่าถ้าพี่เฉินหยางกลับมาแล้วต้องแต่งงานกับเธอตามคำสั่งคุณป้า “เลิกเป็นแม่ดอกบัวขาวเถอะซูเย่วอิง ฉันเห็นแล้วจะอ้วก การที่อยากจะได้สามีคนอื่นมันผิดนะ ระวังจุดจบจะไม่สวย รอพี่เฉินหยางกลับมาถ้าหากเขาจะหย่า ฉันก็พร้อมจะหย่าให้ แต่ถ้าสามีฉันไม่หย่า แล้วเธอยังไม่เลิกวุ่นวายเธอจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วฉันเป็นคนยังไงและฉันหวงของขนาดไหน ตอนนี้ก็พาทั้งสองคนนี้กลับไปด้วยก่อนที่จะหมดความอดทน” หลินเจียวพูดจบก็โยนรองเท้าอีกข้างทิ้ง เธอไม่คิดที่จะใส่แล้ว ยอมที่จะเดินเท้าเปล่ากลับบ้านดีกว่า เมื่อชาวบ้านเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มที่จะสงบก็ต่างคนต่างแยกย้ายแต่ร้านซาลาเปากลับมีลูกค้าเข้ามาซื้อจนหมดรวมถึงขนมของพี่ใหญ่ด้วย “น้องสะใภ้ไม่ต้องกลัวนะว่าเฉินหยางจะหย่ากับเรา พี่เชื่อว่าเฉินหยางไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่” ซ่งฮ่าวหยูรู้สึกเป็นห่วงน้องสะใภ้กลัวจะคิดมากกับสิ่งที่แม่เลี้ยงเขาพูด “ฉันไม่สนใจหรอกพี่ใหญ่ ต่อให้พี่เฉินหยางอยากจะหย่าจริงๆ ฉันก็พร้อม ฉันเหนื่อยแล้ว เหนื่อยที่จะตามความรู้สึก เหนื่อยที่จะตามหาความรักจากพี่เฉินหยางที่ฉันไม่เคยได้รับเลย พี่ใหญ่พี่สะใภ้หากวันหนึ่งพี่เฉินหยางกลับมาหย่ากับฉันจริงๆ พี่ยังจะทำงานกับฉันไหม ฉันรักและเคารพพี่ทั้งสองเหมือนพี่ชายพี่สาวฉันจริงๆ นะ” หลินเจียวเจียวเธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ถึงแม้ว่าท่านเทพจะให้เธอเห็นเหตุการณ์ต่างๆ แต่มันคืออนาคต บางทีพี่เฉินหยางอาจจะไม่รักเธอจริงๆ ก็ได้ “พี่ไม่รู้หรอกนะว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พี่กับพี่สะใภ้ไม่มีทางทิ้งเราแน่ๆ ไม่ใช่เพราะอยู่กับเราแล้วมีเงินมากขึ้น แต่เพราะเราและบ้านหลินเห็นถึงคุณค่าของครอบครัวพี่ พี่ทั้งสองคนก็มองเราเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน” ซ่งฮ่าวหยูพูดด้วยรอยยิ้ม หัวหลิงก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสามีเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นพี่ทั้งสองคนเรียกฉันว่าเจียวเจียวเถอะ เราทั้งหมดไม่ต่างจากครอบครัวเดียวกันแล้ว” หลินเจียวเจียวยิ้มให้ทั้งสองคน เธอเองก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่พี่ทั้งสองคนนี้เธอไม่มีทางทิ้งแน่นอน “กลับมาแล้วเหรออาตง” อ้ายหนิงถามเมื่อเธอกลับเข้าบ้านมาแล้วเจอคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอยู่ที่บ้าน “คุณทำงานมาเหนื่อยไหม” อาตงถามภรรยา “ทำงานจะไม่เหนื่อยได้ยังไงละ คุณกลับมาก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยเราเข้าไปคุยในห้องเถอะ” อ้ายหนิงตัดสินใจแน่แล้วว่าจะหย่า อยู่กันไปแบบนี้มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อาตงเมื่อเห็นว่าภรรยาพูดด้วยสีหน้าจริงจังก็เดินตามเข้ามาในห้อง “อ้ายหนิงผมขอโทษนะที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้กลับบ้าน” อ้ายหนิงคิดในใจว่าไม่ค่อยกลับเหรอแต่หายไปเป็นเดือน “ไม่เป็นไรหรอก เรามาคุยเรื่องของเรากันเถอะ” “คุณมีอะไรหรือเปล่า” อาตงเห็นว่าภรรยาดูสีหน้าจริงและแววตาแน่วแน่เขารู้สึกสะท้านในใจ หวังว่าเรื่องของเขาภรรยาคงจะยังไม่รู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รักอ้ายหนิง แต่เพราะเขาพลาดไปแล้วเลยต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ “อาตง ฉันว่าเราหย่ากันเถอะ ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว มันเหนื่อยคุณรู้ไหม ในเมื่อคุณก็มีคนใหม่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันไปเถอะนะ” อ้ายหนิงถึงแม้จะเจ็บแต่น้ำตากลับไม่ไหลออกมา อาตงได้ยินว่าภรรยาขอหย่าก็ตกใจและเดินเข้ามากอดอ้ายหนิงจากทางด้านหลัง “ไม่นะอ้ายหนิง ผมขอโทษ ไม่หย่าได้ไหม ผมรักคุณมากนะ” อาตงไม่คิดว่าภรรยาที่แสนจะว่าง่ายมาขอหย่าเขา “ปล่อยฉันเถอะอาตง เราสองคนเดินมาถึงทางตันแล้ว ถึงแม้ว่าเราจะหย่ากันแต่ก็ยังคงทำหน้าที่ พ่อ และแม่ ของลูกเหมือนเดิม เพียงแค่เราไม่อยู่ด้วยกันแค่นั้นเอง แต่ว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกันไม่ใช่เหรอ เพราะยังไงตอนนี้อาตงก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านอยู่แล้ว สู้เราให้อิสระแก่กันไม่ดีกว่าเหรอ อาตงจะได้ไปอยู่กับคนของอาตงไง” “ไม่ ผมไม่ปล่อย อ้ายหนิงผมขอโทษนะ ผมผิดไปแล้ว ผมจะเลิกกับเธอคนนั้น แล้วเรากลับมาเป็นครอบครัวกันเหมือนเดิมนะ ผมสัญญาว่าจะกลับมาเป็นพ่อและสามีที่ดีเหมือนเดิม” เขารู้ว่าช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเขาหลงผิดไป แต่คนที่เขารักมากที่สุดคือภรรยาที่เขากอดอยู่ตอนนี้ “อย่าเลย ถึงแม้ว่าอาตงจะเลิกกับเธอแต่ไม่ใช่ว่าเธอจะยอมเลิกกับอาตงนี่ เธอเป็นลูกสาวของเจ้านายอาตงไม่ใช่เหรอ อาตงปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่สามารถใช้สามีร่วมกับใครได้อีกแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้อ้ายหนิงก็น้ำตาไหล “ไม่เอาไม่ร้องนะ ผมขอโทษ ให้โอกาสผมอีกครั้งได้ไหม” เขาอยากที่จะขอโอกาสถึงแม้ว่ามันจะไม่มีก็ตาม เพราะเขารู้ดีว่าอ้ายหนิงนั้นถ้าตัดสินใจที่จะทำอะไรแล้วไม่มีทางที่เธอหยุดจนกว่าจะทำมันสำเร็จ “ได้ฉันให้โอกาสคุณ แต่คุณต้องหย่ากับฉันแล้วเริ่มใหม่ ถ้าคุณทำได้จริงๆ ฉันก็พร้อมที่จะให้อภัยแล้วกลับมาอยู่กับคุณอีกครั้ง” อ้ายหนิงไม่คิดที่จะให้อภัยอยู่แล้ว แต่ถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ คนอย่างอาตงจะไม่ยอมหย่าแน่นอน “อ้ายหนิงสัญญานะว่าถ้าผมยอมหย่า อ้ายหนิงจะให้โอกาสผม” อาตงคิดว่าอย่างน้อยก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง อ้ายหนิงพยักหน้าแต่เธอกลับมีรอยยิ้มมุมปากที่อาตงไม่ทันสังเกตเห็น ********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD