เมื่อซ่งฮ่าวหยูพูดจบก็เกิดความเงียบขึ้นทันที ชาวบ้านไม่คิดว่าลูกชายคนโตบ้านซ่งจะพูดตัดขาดกับครอบครัวแบบนี้ บางคนก็คิดว่าซ่งฮ่าวหยูอกตัญญูที่ตัดขาดพ่อกับแม่ บางคนก็เห็นใจในเมื่ออยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นทำงานแทบเป็นแทบตายพอขอแยกบ้านก็ไม่ได้อะไรเลย บางคนก็นินทากู้เจียงหลานใจดำกับลูกชายตัวเอง ส่วนซูเฉิงนั้นรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเขาก็เลือกที่จะเงียบแล้วรอว่าทางบ้านซ่งจะว่ายังไง
“ตกลง ท่านผู้นำระบุไปเลยตามที่เจ้าใหญ่พูดทุกอย่าง แต่ต่อไปหากว่าลำบากไม่มีกินก็อย่าได้กลับมาเด็ดขาด”
กู้เจียงหลานเมื่อเห็นว่าเธอมีผลประโยชน์มากกว่าจึงได้ตอบตกลงไป ซ่งฮ่าวหยูตอนนี้ไม่มีความรู้สึกใดๆ กับบ้านนี้อีกแล้ว แม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าพ่อของตัวเอง ถ้าพ่อเขามีความรู้สึกให้เขาสักนิดคงจะพูดอะไรบ้างแล้วไม่ปล่อยให้ภรรยาตัดสินใจคนเดียวหรอก
“ได้ ฉันจะระบุลงไปในหนังสือแยกบ้านรวมทั้งการย้ายทะเบียนบ้านของฮ่าวหยูและครอบครัวไปที่บ้านเดิมของหัวหลิงด้วยนะ ต่อไปนี้ซ่งฮ่าวหยูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับบ้านซ่งอีก ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นห้ามมาวุ่นวายกันเด็ดขาดถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาจะต้องจ่ายเงินให้อีกฝ่ายเป็นเงิน ยี่สิบ หยวน ทั้งสองฝ่ายตกลงไหม” ซูเฉิงรู้ดีว่าหากวันหนึ่งซ่งฮ่าวหยูลืมตาอ้าป้าได้คนเป็นแม่เลี้ยงต้องเข้ามาวุ่นวายแน่นอน
“ตกลงครับ เอาตามที่คุณลุงซูบอกได้เลย สามารถระบุในหนังสือแยกบ้านได้เลยครับ” ซ่งฮ่าวหยูคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ตัดๆ กันไปจะได้จบๆ เพราะเขาไม่คิดจะกลับมาขอความช่วยเหลือที่นี่อยู่แล้ว
เมื่อจัดการเรื่องแยกบ้านเรียบร้อยแล้วหลินเจียวเจียวก็ปรากฏตัวขึ้น
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะพี่ใหญ่พี่สะใภ้ อย่างนั้นพี่ทั้งสองเอาเฉพาะเสื้อผ้าไปก็ได้ค่ะ อย่างอื่นที่บ้านฉันพอมีถ้าพี่ไม่ติดว่ามันเป็นของเก่าที่ใช้แล้ว รีบเถอะค่ะพี่สะใภ้อย่าลืมว่าพรุ่งนี้เรามีงานใหญ่รออยู่” ใช่พรุ่งนี้เธอจะต้องทำของเกือบเท่าตัวเพราะต้องไปขายที่ตลาดนัดด้วย
สองสามีภรรยาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร ทั้งสองก็ยิ้มดีใจ จากนั้นรีบเข้าไปช่วยลูกทั้งสองคนเก็บของ ไม่นานทั้งสี่คนก็ออกมาพร้อมกัน แล้วเดินออกจากบ้านซ่งโดยไม่หันกลับไปมองอีกเลย
“ทำมาพูดดี ตัวเองก็ยังคงต้องพึ่งเงินเดือนลูกสามอยู่ คิดจะช่วยคนอื่นไม่สำเหนียกตัวเองซะบ้างเลย” กู้เจียงหลานพูดตามหลังอย่างไม่พอใจ
“นี่เธอยังไม่รู้เหรอว่าสะใภ้สามบ้านเธอไปขายซาลาเปาที่ตลาดแล้ว เธอมีรายได้ของเธอเอง ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าที่ลูกชายเธอส่งมาให้ก็ได้นะ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
“ถึงจะขายซาลาเปาแล้วไง จะได้เงินกี่หยวนกันเชียว” เธอไม่เชื่อหรอกว่านังเจียวเจียวจะขายดี
“เมื่อวานฉันอยู่ที่ตลาดด้วย หลินเจียวเจียวขายดีมาก ได้เงินเป็นร้อยหยวนเชียวนะ แถวมีเจ้าของร้านอาหารในเมืองยังสั่งให้เธอทำซาลาเปาเป็นร้อยๆ ลูกยังมีเกี๊ยวอีกวันละตั้ง สามร้อยตัวเชียว จะไม่มีเงินได้ยังไง ฉันว่าหลินเจียวเจียวมีรายได้วันละไม่ต่ำจาก หนึ่งร้อยหยวนหรอก หักทุนหักกำไรคงได้ สามสิบถึงสี่สิบหยวนเลยละ” ชาวบ้านคนนี้เธออยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย เพราะเธอเองก็ซื้อซาลาเปากับเกี๊ยวมาลองกินเหมือนกัน และอยากจะบอกว่าอร่อยมากจริงๆ บ้านเธอคงจะเป็นลูกค้าประจำแน่ๆ
“ใช่ ฉันก็ยังซื้อซาลาเปาด้วยเลยเมื่อวานที่บ้านฉันชอบมาก”
และยังมีชาวบ้านที่ไปตลาดนัดช่วยกันยืนยันอีกหลายคน
“แสดงว่าหลินเจียวเจียวเธอคงจะจ้างภรรยาของฮ่าวหยูช่วยทำงานแน่เลย ไม่นานฮ่าวหยูและครอบครัวคงจะลืมตาอ้าปากได้แล้วละ”
“ไม่จริง” กู้เจียงหลานไม่อยากจะเชื่อว่านังลูกสะใภ้ที่เธอเกลียดแสนเกลียดจะได้ดีขนาดนี้
“ถ้าไม่เชื่อก็คอยดูฉันได้ยินว่าคุณจ้าวอะไรนั่นจะให้ลูกน้องมารับทุกเช้า” ชาวบ้านพูดจบต่างก็แยกย้าย ส่วนมากจะส่ายหัวให้กับกู้เจียงหลาน อยู่ดีไม่ว่าดีปล่อยให้คนดีๆ และขยันออกจากบ้าน แต่ละคนอยากจะดูจุดจบของบ้านซ่งเหมือนกันว่าหากไม่มีครอบครัวของซ่งฮ่าวหยูอยู่ที่นี่แล้ว คนทั้งบ้านจะอยู่กันยังไง เพราะแรงงานส่วนใหญ่ก็มาจากครอบครัวของซ่งฮ่าวหยูกันทั้งนั้น
พี่ใหญ่เอาของไปเก็บก่อนนะเดี๋ยวฉันจะเข้าไปเอาของมาให้ หลินเจียวเจียวบอกกับพี่สามี ตอนนี้เธอคงเอาของเก่ามาให้ใช้ก่อน อีกสักพักเธอจะเอาของใหม่มาให้แล้วบอกว่าสหายในเมืองเป็นคนจัดการให้ เผื่อว่าพี่ใหญ่สงสัยถ้าเธอเอาของใหม่มาให้ใช้เลย คอยดูนะเธอจะทำให้ครอบครัวพี่สามีร่ำรวยไปกับเธอให้ได้ รอก่อนเถอะ หลินเจียวเจียวคิดอย่างหมายมั่นในใจ
เมื่อซ่งฮ่าวหยูและภรรยากลับบ้านน้องสะใภ้อีกครั้ง ก็ตกใจที่น้องสะใภ้เอาของมาวางไว้ให้มากมายเหลือเกิน มีแม้กระทั่งเสื้อผ้าของทุกคน ถึงแม้น้องสะใภ้จะบอกว่าเป็นของเก่าของทุกคนในบ้านแต่สำหรับเขานั้นยังรู้สึกว่าใหม่อยู่ดี ก่อนที่ทั้งสองสามีภรรยาจะจากไปหลินเจียวเจียวก็พูดขึ้น
“พี่ใหญ่พี่สะใภ้ เรื่องในวันนี้ฉันอยากให้พวกพี่ลืมมันไปซะถึงแม้ว่ามันจะลืมยากก็ตาม แต่เชื่อฉันสิว่าฉันจะทำให้พวกพี่ร่ำรวยไปพร้อมกับฉันให้ได้” หลินเจียวเจียวพูดจบเธอก็ปิดประตูเข้าบ้านปล่อยให้สองสามีภรรยาที่ยืนนิ่งกับคำพูดของเธออยู่อย่างนั้น ซ่งฮ่าวหยูมองหน้ากับภรรยาแล้วก็ยิ้มให้กัน ไม่เป็นไรพรุ่งนี้คือการเริ่มต้นใหม่ของครอบครัวเขาอย่างแท้จริง
เช้าวันถัดมาไม่ใช่เพียงแค่หลินเจียวเจียวที่รอคอยการมาของลูกน้องจ้าวเว่ยหลง ยังมีชาวบ้านอีกหลายคนต่างก็รอคอยเช่นกันว่าคนของร้านอาหารจะมาจริงไหม ถ้ามาจริงก็แสดงว่าหลินเจียวเจียวจะมีรายได้อย่างมหาศาล ไม่นานก็มีรถกระบะไม่คุ้นตาขับเข้ามาก่อนจะถามชาวบ้านคนหนึ่งว่า
“ขอโทษนะครับผมขอถามทางไปบ้านของคุณหลินเจียวเจียวหน่อยครับ ไม่ทราบว่าไปทางไหน”
ชาวบ้านที่โดนถามก็ชี้บอกตำแหน่งของบ้านหลินเจียวเจียว หลังจากรู้ตำแหน่งที่เจ้านายให้มารับซาลาเปาแล้วก็ขับรถไปตามทางที่ชาวบ้านบอกทันที เมื่อมาถึงเขาก็จอดรถแล้วตะโกนเรียกหน้าบ้าน
“คุณหลินเจียวเจียวครับ คุณจ้าวเว่ยหลงให้ผมมารับซาลาเปากับเกี๊ยวที่สั่งไว้ครับ”
“มาแล้วค่ะ” หลินเจียวเจียวเปิดประตูให้เข้ามายกของ เธอเตรียมไว้แล้ว เมื่อคนของจ้าวเว่ยหลงยกของเสร็จก็พูดขึ้น
“คุณหลินเจียวเจียวครับ นี่เป็นเงินค่าสินค้าของพรุ่งนี้ครับ พรุ่งนี้ผมมารับเวลาเดิมนะครับ” เขายื่นเงินของพรุ่งนี้ให้เรียบร้อยก็รีบเดินทางกลับทันที
ชาวบ้านที่คอยมองก็รู้เลยว่าคำพูดเมื่อวานในตลาดนัดคือเรื่องจริง ชาวบ้านบางคนก็ได้แต่อิจฉาในวาสนาของหลินเจียวเจียว สามีส่งเงินมาให้ทุกเดือนไม่เคยขาด แถมตอนนี้ยังมีรายได้จากการขายซาลาเปาทุกวันอีก
ตอนนี้หัวหลิงเดินมาที่บ้านของเจียวเจียว เพื่อมาทำงานตามที่ตกลงกันไว้
“พี่มาแล้วเจียวเจียว” หัวหลิงบอกกับน้องสะใภ้
“แล้วพี่ใหญ่กับเด็กๆ ละคะพี่สะใภ้ใหญ่” หลินเจียวเจียวถามขึ้นเมื่อไม่เห็นทั้งสามคนมาด้วย
“เอ่อ คือ” หัวหลิงไม่กล้าบอก เพราะรู้สึกเกรงใจน้องสะใภ้
“พี่สะใภ้ใหญ่ไปตามสามคนพ่อลูกมาที่นี่เลยค่ะ มาทานอาหารด้วยกันที่นี่ เดี๋ยววันนี้ฉันฝากลูกด้วย ฉันจะออกไปส่งของให้พี่เฉินหยางและจะซื้อของที่ต้องใช้วันถัดไปกลับมาด้วย ให้พี่ใหญ่มาอยู่ช่วยพี่ก่อน ฉันไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมา” หลินเจียวเจียวตั้งใจว่าวันนี้จะออกไปส่งของให้กับสามี แล้วก็ครบกำหนดที่นัดกับสหายของเธอ
“ได้สิ เดี๋ยวพี่กลับไปตามพี่ฮ่าวหยูและเด็กๆ ก่อนนะ” หัวหลิงรีบกลับไปตามสามีและลูกๆ เธอรู้ดีที่สามีไม่ตามมาตอนแรกนั้นเพราะรู้ว่าน้องสะใภ้ต้องเตรียมอาหารไว้เผื่อครอบครัวเขา ซ่งฮ่าวหยูรู้สึกเกรงใจเพราะแค่นี้น้องสะใภ้สามก็ช่วยเหลือครอบครัวเขามากแล้ว
ไม่นานหัวหลิงที่ไปตามทุกคนก็กลับมา หลินเจียวเจียวให้สองสามีภรรยาช่วยนวดแป้งและทำของรอเธอไปพลางๆ ก่อน เพราะทุกอย่างเธอเตรียมไว้หมดแล้ว ไส้ต่างๆ เธอก็ผสมไว้หมดแล้ว
หลินเจียวเจียวเข้าไปบอกลูกน้อยทั้งสองคนว่าจะไปส่งของให้กับพ่อของเขา เธอจะรีบไปรีบกลับ จากนั้นก็รีบนำของเดินออกไปจุดที่รอขึ้นเกวียนเข้าเมือง
วันนี้การเดินทางของเธอราบรื่นไม่มีใครมาวุ่นวายให้ปวดหัว เมื่อเข้ามาถึงในเมือง หลินเจียวเจียวก็รีบไปที่จุดรับส่งไปรษณีย์เพื่อที่จะส่งของให้กับสามี เธอใช้เงินในการส่งของถึง สองหยวน เพราะกล่องนี้ใหญ่พอสมควร เธอรู้ดีว่าอีกสองเดือนข้างหน้าสามีเธอจะต้องได้รับบาดเจ็บจากการออกปฏิบัติหน้าที่ เธอไม่สามารถเลี่ยงได้แต่ก็อยากให้ผ่อนหนักเป็นเบา ของในกล่องมีทั้งของกินของใช้รวมไปถึงชุดชั้นในของสามีด้วย เอาสิให้มันรู้ไปว่าสามีแสนจะเย็นชาจะไม่ใจอ่อน
เมื่อส่งของให้กับสามีเสร็จแล้วหลินเจียวเจียวก็รีบไปหาสหายเพราะตัวเธอต้องทำเวลา ยังมีงานมากมายที่รออยู่ที่บ้าน เธอจึงชักช้าไม่ได้
“อร๊าย เจียวเจียวเธอมาแล้ว ถ้าวันนี้เธอไม่มาฉันจะเข้าไปหาเธอที่หมู่บ้านแทน” อ้ายหนิงแทบจะกระโดดกอดสหายทันทีที่เห็นหน้า
“ใจเย็นๆ อ้ายหนิงเป็นอะไร” หลินเจียวเจียวเมื่อเห็นอาการของสหายก็ได้แต่หัวเราะที่อ้ายหลิงทำตัวเหมือนกับเด็ก
“ก็สบู่นะสิขายหมดแล้ว ยังมียอดสั่งอีกตั้ง ห้าสิบก้อนเธอเอาเงินค่าสบู่ ยี่สิบก้อนไปก่อนนะ รอบใหม่ฉันเก็บเงินลูกค้าแล้วค่อยเอาเข้าไปให้ที่บ้านได้ไหม” อ้ายหนิงส่งเงินค่าสบู่ ยี่สิบก้อนให้กับหลินเจียวเจียว เธอยังไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายให้กับสหายไปก่อน
“ได้สิ ไม่มีปัญหา วันนี้ฉันเอามาให้เธอ หนึ่งร้อยก้อนนะ ส่วนแป้งทาหน้าเอาไหม” หลินเจียวเจียวแกล้งถาม เธอรู้อยู่แล้วว่าสหายเธอต้องเอาแป้งด้วย
“เอาสิ เธอดูหน้าฉันสิไม่หนาเตอะเหมือนกับแป้งที่ขายในสหกรณ์เลย มีแต่คนถามเยอะมาก แถมยังสู้ราคาที่ฉันบอกอีกนะ”
อ้ายหนิงนั้นดีใจมาก เธอตั้งใจจะหาเงินเยอะๆ เธอต้องการจะขอหย่ากับสามี เพื่อที่เธอจะเริ่มต้นใหม่กับลูกทั้งสองคน เพราะยังไงตอนนี้มีหรือไม่มีสามีก็ไม่ต่างกัน
********************