บทที่ 13 พี่ใหญ่ซ่งขอแยกบ้าน

2088 Words
บ่ายกว่าๆ จางย่าเจียวก็มาหาลูกสาวอย่างที่บอกไว้ สองคนแม่ลูกช่วยกันห่อเกี๊ยวและทำซาลาเปาอย่างมีความสุข ซ่งเหมยจูและซ่งจื้ผิงเมื่อตื่นจากนอนก็เข้ามาช่วยแม่และยายทำงาน เหมยจูและจื้อผิงทั้งสองคนช่วยแม่และยายแบ่งแป้งเป็นก้อนๆ อย่างที่แม่สอนพวกเขาเมื่อวาน เด็กน้อยช่วยทำอย่างมีความสุข ไม่นานครอบครัวพี่สามีก็พากันมาถึง “น้องสะใภ้พี่พาหัวหลิงและลูกมาแล้ว”ซ่งฮ่าวหยูเอ่ยเรียกอยู่หน้าบ้าน เขาไม่กล้าเปิดประตูเข้าไปก่อนที่น้องสะใภ้จะอนุญาต “เข้ามาเลยค่ะพี่ใหญ่พี่สะใภ้ ประตูรั้วไม่ได้ใส่กุญแจ ฉันอยู่กันหลังบ้าน” หลินเจียวเจียวตะโกนบอก เมื่อซ่งฮ่าวหยูเดินเข้ามาเห็นว่า น้องสะใภ้และแม่ของเธอกำลังทำอะไรอยู่ก็ได้แต่ทำหน้าสงสัย เขาพอจะได้ยินมาบ้างว่าน้องสะใภ้ทำซาลาเปาและเกี๊ยวไปขายที่ตลาดนัด แต่ว่าตลาดไม่มีพรุ่งนี้ แล้วทำไมน้องสะใภ้ถึงทำของมากมายขนาดนี้ “นั่งก่อนสิพี่ใหญ่พี่สะใภ้ เหมยจู จื้อผิงไปล้างมือก่อนแล้วพาพี่สาวทั้งสองไปเล่นแล้วกินขนมในบ้านกันก่อนแม่ขอคุยกับลุงใหญ่และป้าสะใภ้ก่อนนะลูก”หลินเจียวเจียวพูดกับลูกน้อยด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองคนได้ยินที่แม่บอกก็พยักหน้า ล้างมือเสร็จก็พาพี่สาวทั้งสองคนเข้าไปเล่นแล้วก็กินขนมในบ้าน “สวัสดีครับ/ค่ะป้าย่าเจียว”สองสามีภรรยาเอ่ยทัก “สวัสดีจ้ะ ตามสบายเลยนะ” จางย่าเจียวทักทายด้วยรอยยิ้ม ปกติเธอเองไม่ชอบครอบครัวลูกเขย แต่เพราะซ่งฮ่าวหยูและภรรยาเป็นคนดีและน่าสงสารเธอจึงละไว้ เมื่อซ่งฮ่าวหยูและภรรยานั่งลง หลินเจียวเจียวก็ไม่รอช้าพูดในสิ่งที่เธอต้องการทันที “พี่ใหญ่พี่ต้องการจะแยกบ้านจริงๆ ใช่ไหม แล้วบ้านนั้นจะยอมเหรอพี่” “ใช่พี่ต้องการแยกบ้าน ต่อให้พ่อแม่ไม่ยอมพี่ก็ต้องแยก ถึงแม้พี่จะต้องกลายเป็นคนอกตัญญูก็ตาม” ซ่งฮ่าวหยูพูดด้วยสายตาเด็ดเดี่ยวและจริงจัง ทำให้หลินเจียวเจียวที่ได้ฟังก็พยักหน้าพอใจ “พี่ใหญ่และพี่สะใภ้เห็นใช่ไหมว่าฉันและแม่กำลังทำซาลาเปาและเกี๊ยวเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ฉันทำของพวกนี้ไปขายที่ตลาดนัด และฉันยังมียอดสั่งซื้อจากคุณจ้าวซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารของรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอำเภออีกด้วย ที่สำคัญยอดสั่งซื้อของคุณจ้าวมีทุกวัน ฉันกับแม่คงทำสองคนไม่ทัน ยิ่งวันไหนตรงกับวันที่มีตลาดนัด ฉันกับแม่คงทำไม่ทันแน่ๆ และคิดว่าไม่นานยอดสั่งคงจะมีเพิ่มขึ้นอีก” “พี่สะใภ้สนใจจะมาทำงานกับฉันไหม ฉันต้องการคนมาช่วยห่อซาลาเปาและเกี๊ยว” “ทำสิ พี่ช่วยเอง” หัวหลิงตอบอย่างไม่ลังเล เธอสำนึกในบุญคุณของน้องสะใภ้ที่มอบยาและอาหารที่แสนอร่อยให้กับเธอแถมยังมีเงินอีกตั้ง ยี่สิบหยวน หากว่าเธอสามารถช่วยอะไรได้เธอก็พร้อมที่จะช่วย “ดีค่ะ ฉันให้ค่าแรงพี่วันละ สองหยวน พี่ตกลงไหม ส่วนวันไหนมีตลาดนัดฉันให้พี่ สามหยวน และห้ามปฏิเสธด้วย ฉันอยากให้พี่สะใภ้มาช่วยและมีรายได้จริงๆ พี่คิดนะว่าบ้านเก่าพี่ถึงแม้จะผ่านพ้นหน้าหนาวปีนี้ไปได้ แล้วปีต่อๆ ไปละ เด็กน้อยก็ควรจะได้เข้าเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ พี่อย่าคิดว่าฉันให้เปล่าสิ พี่ต้องทำงานแลกมาเหมือนกันนะ พี่ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะขาดทุน ฉันได้กำไรแต่ละวันมากกว่าที่พี่คิดก็แล้วกัน” หลินเจียวเจียวคิดว่าจะไม่ให้เธอมีกำไรมากได้ยังไง ในเมื่อเธอไม่ต้องลงทุนอะไรเลย สองสามีภรรยาเมื่อได้ยินในสิ่งที่น้องสะใภ้พูดก็ได้แต่ตกตะลึงตาค้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยินดี “ขอบใจมากนะน้องสะใภ้” ซ่งฮ่าวหยูแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา เขาคิดมาตลอดว่าหลังจากที่แยกบ้านแล้ว ตัวเขาคงจะไม่เหลืออะไร แลต้องทำให้ทุกคนลำบากไปด้วย แต่ไม่คิดว่าภรรยาน้องสาม จะเป็นคนหยิบยื่นโอกาสนี้ให้กับครอบครัวเขา ซ่งฮ่าวหยู่สัญญากับตัวเองเลยว่าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาและครอบครัวจะคอยปกป้องน้องสะใภ้และหลานๆ แทนน้องชายเอง “ให้พี่ช่วยนะเจียวเจียว ให้ฉันช่วยนะคะคุณป้า” โกวหัวหลิงเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนถึงแม้ว่าจะคุยกับพวกเธอแต่มือก็ยังไม่ว่างจากการทำงาน ส่วนซ่งฮ่าวหยูนั้นขึ้นเขาไปช่วยหาฟื้นให้บ้านน้องสะใภ้เพราะเขารู้ดีกว่านึ่งซาลาเปาและเกี๊ยวต้องก่อไฟส่วนของที่สำคัญที่สุดคือฟืน เขาจึงปลีกตัวเพื่อที่จะไปช่วยหาฟืนให้กับบ้านน้องสะใภ้สาม เมื่อได้โกวหัวหลิงมาช่วย งานทั้งหมดก็เร็วขึ้น หลังจากที่ซ่งฮ่าวหยู่หาฟืนกลับมาแล้ว หลินเจียวเจียวก็ชวนครอบครัวของพี่ชายสามีทานอาหารเย็นที่นี่ หลินเจียวเจียวเธอไม่ตระหนี่ของในการทำอาหารเลย ไม่นานพ่อและพี่รองของเธอก็ตามมา ทั้งหมดจึงลงมือทานอาหารกันอย่างมีความสุข ทันทีที่ซ่งฮ่าวหยูและครอบครัวกลับมาถึงบ้านก็เจอเข้ากับพ่อซ่งที่นั่งอยู่ที่กลางห้องโถง เมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตกลับมาแล้วก็ได้ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัย “เจ้าใหญ่บอกพ่อได้ไหมว่าทำไมถึงต้องไปซ่อมแซมบ้านเดิมของสะใภ้ใหญ่” “แม่ยังไม่บอกพ่อเหรอครับว่าผมต้องการแยกบ้าน” ซ่งเหอซวนได้ยินลูกชายคนโตพูดแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะหันไปมองภรรยาและถามเธอทันที “ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณถึงไม่บอกผม” “ฉันไม่คิดว่าเจ้าใหญ่จะพูดจริงนะสิ” กู้เจียงหลานก็ไม่คิดเช่นกันว่าเจ้าใหญ่จะพูดจริง “เจ้าใหญ่แกเป็นลูกชายคนโต ต้องเป็นคนสืบทอดตระกูล แกจะแยกบ้านไม่ได้เด็ดขาด” “พ่อก็ให้น้องรองไปสิ ผมไม่เอา ผมขอไปสร้างของตัวเองดีกว่าครับ” ซ่งฮ่าวหยูยังคงยืนยันความคิดตัวเอง ยิ่งน้องสะใภ้ให้งานกับภรรยาของเขาและค่าแรงดีขนาดนี้ พอให้เขามีเงินส่งลูกๆ ทั้งสองคนได้เข้าเรียน ยิ่งทำให้เขามีจิตใจที่แน่วแน่ในการแยกบ้าน ต่อให้พ่อจะไม่ให้อะไรเขาเลยก็ตาม “จะเป็นไปได้ยังไงเจ้าใหญ่ยังไงฉันก็ไม่อนุญาต แกจะต้องเป็นผู้นำตระกูลต่อจากฉัน” ซ่งเหอซวนยังไงเขาก็ไม่ยอม เพราะที่ผ่านมาเขาก็รู้สึกผิดกับลูกชายคนโตมากพอแล้ว “ช่างตาใหญ่สิคะคุณ ในเมื่ออยากจะแยกก็ให้แยกไป ให้ลูกรองขึ้นมาแทนเจ้าใหญ่ก็ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของเจ้าใหญ่คุณจะไปบังคับลูกทำไม” กู้เจียงหลานคิดว่าดีแล้ว ยังไงก็ให้ลูกรองของเธอขึ้นมาแทนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร “เธอพูดได้นะสิ ก็เจ้าใหญ่ไม่ใช่ลูกของเธอนี่ ฉันพยายามปิดตาข้างหนึ่งมาตลอด แต่ไม่คิดว่าเธอจะทำเช่นนี้นะกู้เจียงหลาน” ซ่งเหอซวนเผลอพูดในเรื่องที่เขาปิดลูกชายคนโตมา สามสิบสองปี ความโกรธภรรยาทำให้เขาลืมคิดไปว่าเจ้าใหญ่และคนอื่นๆ ไม่รู้เรื่องนี้ “หมายความว่ายังไงครับพ่อ ที่ผมไม่ใช่ลูกของแม่ พ่อบอกผมหน่อยว่ามันคืออะไร นี่คือเหตุผลที่ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ไม่เคยสนใจไยดีผมใช่ไหม แถมยังใช้งานภรรยาผมแทบเป็นแทบตายทั้งๆ ที่ภรรยาเจ้ารองแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ไหนจะลูกๆ ของผมอีก” ซ่งฮ่าวหยู่เมื่อได้ฟังในสิ่งที่พ่อของตัวเองหลุดปากพูดออกมาก็ทำให้เขาแทบล้มทั้งยืน ตัวเขาเองก็เคยสงสัยว่าทำไมแม่ถึงไม่รักเขาเหมือนน้องๆ ทั้งสองคน วันนี้เขาก็ได้คำตอบแล้ว “คือว่า...” ซ่งเหอซวนไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับลูกชาย “ใช่ ฉันไม่ใช่แม่ของแก แม่ของแกตายไปตั้งแต่ตอนคลอดแกแล้ว ฉันแต่งงานเข้ามาตอนที่แกอายุได้ ห้าเดือน แกเลยคิดว่าฉันเป็นแม่แท้ๆ ยังไงละ” กู้เจียงหลานเมื่อเห็นว่าสามีไม่ยอมพูด เธอจึงพูดขึ้นมาเอง ในเมื่ออยากจะไปใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นก็ไปเลย ดีซะอีกเธอเบื่อที่จะต้องมาเป็นทำตัวแม่ที่แสนดีกับคนที่ไม่ใช่ลูกของเธอ “ในเมื่อแกอยากจะแยกบ้านก็แยกได้เลยแต่ฉันไม่มีอะไรจะแบ่งให้หรอกนะ ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือว่าเงิน” “หุบปาก” ซ่งเหอซวนตวาดภรรยา “คุณนะสิหยุด ฉันทนมามากพอแล้วกับที่ต้องเลี้ยงและดูแลคนที่ไม่ใช่ลูก ต่อไปบ้านนี้จะเป็นของลูกชายคนโตของฉัน หรือคุณคิดว่าเจ้ารองไม่ใช่ลูกของคุณ” กู้เจียงหลานพูดตอกหน้าสามี “หัวหลิงน้องไปตามผู้นำหมู่บ้านให้พี่หน่อย บอกว่าพี่ต้องการจะแยกบ้านเตรียมหนังสือแยกบ้านมาให้ด้วย” ซ่งฮ่าวหยูหันไปบอกภรรยาที่ยืนอยู่ ในเมื่อเขาตั้งใจจะไปอยู่แล้ว จะวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่ต่างกัน “หยู่ฉี พาน้องไปเก็บของในห้องก่อนนะลูก พอเสร็จเรื่องตรงนี้พ่อกับแม่จะตามไป แล้วเราจะย้ายไปอยู่บ้านคุณตากัน” ซ่งฮ่าวหยูเมื่อบอกกับภรรยาแล้วจึงหันไปบอกลูกทั้งสองคน เด็กน้อยทั้งสองคนดีใจที่พ่อจะไปอยู่บ้านตากับยาย จึงรีบวิ่งไปทำในสิ่งที่พ่อของพวกเธอบอก ไม่นานผู้นำหมู่บ้านและชาวบ้านต่างก็พากันมาเป็นพยาน โดยที่มีหลินเจียวเจียวตามมาด้วย เธอไม่รู้หรอกว่าจะช่วยอะไรได้บ้างแต่เพื่อความถูกต้องที่อยู่ในใจเธอจึงเลือกที่จะมา “ฮ่าวหยูนายต้องการที่จะแยกบ้านใช่ไหม” ซูเฉิงพ่อของซูเย่วอิงที่เป็นผู้นำหมู่บ้านพูดขึ้น “ใช่ครับคุณลุงซู ผมต้องการแยกบ้าน” “แล้วนายละเหอซวนยินยอมที่จะให้ฮ่าวหยูแยกบ้านในครั้งนี้ไหม” ซูเหิงถามซ่งเหอซวน “ยินยอม” ซ่งเหอซวนก็ได้ตอบว่ายินยอม ตัวเขาตอนนี้ก็เหมือนน้ำท่วมปาก คนหนึ่งก็ภรรยา คนหนึ่งก็ลูกแท้ๆ ที่เกิดกับภรรยาที่ล่วงลับไปแล้ว “ได้อย่างนั้นฉันจะทำหนังสือแยกบ้านให้ แต่ว่านายจะแบ่งอะไรให้ฮ่าวหยูลูกชายคนโตของนายบ้างละ” “ไม่มีการแบ่งอะไรทั้งนั้น ในเมื่ออยากจะแยกเองไม่ได้โดนไล่ซะหน่อย ของในบ้านนี้เป็นของฉันฉันไม่มีอะไรให้ทั้งนั้น” กู้เจียงหลานคิดว่าของในบ้านทั้งหมดจะต้องเป็นของลูกชายเธอไม่ใช่ของลูกชายคนโตของสามี “จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่ออาหารหรือธัญพืชต่างๆ ก็มีส่วนของฮ่าวหยูกับภรรยาด้วยไม่ใช่เหรอ เธอจะทำอย่างนี้ได้ยังไง” ซูเฉิงเองก็ไม่เห็นด้วยที่ภรรยาของเหอซวนจะทำแบบนี้ “ไม่เป็นไรครับคุณลุงซูเฉิง ผมไม่เอาอะไรเลยสักอย่าง แต่ในสัญญาระบุด้วยนะครับว่าผมกับบ้านใหญ่ซ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว ไม่ว่าผมจะมีหรือจะจนผมก็จะไม่กลับมายุ่งเกี่ยวกับบ้านใหญ่อีก ส่วนบ้านใหญ่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากผมและครอบครัว แต่ถ้ามีใครไม่ยินยอมในเรื่องนี่ผมก็จะขอแบ่งเงินกองกลางและของต่างๆ ที่จะควรเป็นของผมครับ” ********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD