บทที่ 2 อดีตของเรา (1)

1389 Words
ย้อนเวลากลับไปในอดีตเมื่อหลายปีก่อน ในวันแต่งงานของแสงเหนือกับประดับดาว ม่านหยกรับงานเสริมเป็นเด็กเสิร์ฟอาหาร ได้เจอสายฟ้าครั้งแรกในงานนี้ผ่านการแนะนำของคุณดวงเดือนซึ่งเป็นคุณยายของเจ้าบ่าวกับสายฟ้า สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน เธอทำงานอยู่ดีๆ มีคนเดินมาบอกว่าคุณดวงเดือนต้องการพบให้ไปหาตอนนี้เลย ถึงไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เรียกพบทำไมแต่เธอไม่ปฏิเสธ “คุณยายให้หนูมาหามีเรื่องอะไรเหรอคะ” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงสงสัย แอบเกรงใจเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ตัวเองมานั่งอู้งานอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มีธุระด่วนเธออยากรีบกลับไปช่วยทำงาน “นี่หลานชายคนโตของยายชื่อพี่สายฟ้า หนูม่านรู้จักใช่ไหมลูก” กามเทพจำเป็นรีบแนะนำให้หนุ่มสาวได้รู้จักกัน ตอนนี้ความสนใจของท่านอยู่ที่หลานชายคนโต ส่วนเจ้าบ่าวกับเจ้าสาวปล่อยให้รับแขกต่อไป คุณดวงเดือนแอบหวังอยู่ลึกๆ อยากให้สายฟ้าเอ็นดูม่านหยก “รู้จักค่ะ ใครบ้างไม่รู้จักคุณสายฟ้า” “พี่สาย...น้องชื่อม่านหยก” “ครับ” “คือแบบนี้จ้ะหนูม่าน ยายรู้มาว่าหนูจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ กับแม่ ยายก็เลยจะฝากหนูเข้าไปทำงานกับพี่สาย แต่จำไม่ได้ว่าหนูเรียนจบอะไรมา” “หนูเรียนจบอนามัยสิ่งแวดล้อมค่ะ แต่หนูว่าน่าจะไม่มีงานให้ทำตรงสาย” เพราะปกติคนที่เรียนจบด้านนี้ หากไม่ทำงานในโรงงานก็จะเข้ารับราชการ เป็นพวกนักวิชาการสุขาภิบาลไม่ก็นักวิชาการสาธารณสุข บริษัทของสายฟ้าไม่น่าจะมีตำแหน่งตามที่เธอเรียนมา ถามว่าทำงานบริษัทไม่ได้เหรอ คำตอบคือได้ แต่จะเป็นพวกบริษัทให้คำปรึกษาทางด้านสิ่งแวดล้อมแนวนั้นมากกว่า “ผมว่าคนเราไม่จำเป็นต้องทำงานตรงสายก็ได้ แล้วคุณจะไปกรุงเทพฯ วันไหน” ชายหนุ่มถามกลับเสียงเรียบ สวนทางกับแววตาที่แสดงออกอย่างปิดไม่มิดว่าสนใจคนตรงหน้า ทำให้คุณดวงเดือนแอบยิ้มกริ่มในใจ “น่าจะอีกไม่นานนี้ค่ะ หนูต้องไปดูตั๋วรถทัวร์ก่อนว่ามีว่างไหม” เธอคิดว่าจะไปหลังจากงานแต่งของประดับดาวกับแสงเหนือจบลงแต่ไม่ได้ระบุวัน ขณะที่คำว่ารถทัวร์ทำให้สายฟ้าตาโต “จะไปกับรถทัวร์? ทำไมไม่ขึ้นเครื่องบิน” “หนูกลัวค่ะ แล้วก็ไม่มีเงินด้วย ถ้านั่งรถทัวร์ไปน่าจะดีกว่า” “แล้วหนูม่านเคยไปหาแม่ไหมลูก เคยไปกรุงเทพฯ บ้างไหม” “ครั้งนี้ครั้งแรกแต่หนูว่าตัวเองทำได้ค่ะ คุณยายไม่ต้องห่วง” ม่านหยกส่ายหน้าพรืด อย่าว่าแต่กรุงเทพฯ เลยไปเชียงใหม่ยังนับครั้งได้ เธออยู่กับพ่อไม่ค่อยได้ไปไหน ส่วนแม่จะติดต่อกันผ่านโทรศัพท์ ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปีแล้ว พ่อไม่ยอมให้เธอไปหาแม่เพราะเป็นห่วง เนื่องจากแม่มีสามีใหม่กลัวจะเป็นเหมือนในข่าว พ่อเลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยง ยิ่งลูกสาวด้วยต้องระวังเป็นพิเศษ “แล้วแม่ว่ายังไง จะมารับหนูม่านไหมลูก” คนแก่ขมวดคิ้วด้วยความเป็นห่วง กลัวมารดาของม่านหยกจะไม่สนใจลูกสาว “แม่บอกว่าลงที่หมอชิตเสร็จก็ให้นั่งแท็กซี่ไปค่ะ” คำตอบของม่านหยกทำให้คุณยายขุ่นเคืองใจ แม่ของม่านหยกนี่ยังไง ลูกสาวไม่เคยลงไปกรุงเทพฯ กลับไม่ยอมมารับบอกให้ไปเอง เป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้จริงๆ ไม่ได้การท่านต้องยื่นมือเข้าไปช่วย “เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวไปพร้อมกับพี่สายเลย อีกไม่กี่วันพี่สายก็จะกลับแล้ว” “แต่หนูไม่มีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน หนูเกรงใจค่ะคุณยาย” “ไม่ต้องเกรงใจลูก ยายจัดการทุกอย่างเอง ยายฝากน้องได้ไหมพี่สาย” “ได้ครับ ผมจะดูแลเด็กของคุณยายเอง ส่วนเรื่องงานเราค่อยคุยกัน” “ขอบคุณมากค่ะ” ม่านหยกยกมือขึ้นมาไหว้ขอบคุณทั้งคุณดวงเดือนและหลานชาย เดินทางไปพร้อมกับสายฟ้าก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องกลัวไปถึงกรุงเทพฯ ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน จริงๆ มารดาไม่ค่อยอยากให้ไปอยู่ด้วยเพราะกลัวลูกจากสามีเก่าจะไปเป็นภาระ แต่เธอให้สัญญาว่าหลังจากได้งานทำ จะรีบย้ายออกไม่อยู่ให้เกะกะสายตาแม่แน่นอน หญิงสาวเพิ่งจะเรียนจบมาหนึ่งปี ได้แต่ทำงานไม่เป็นชิ้นเป็นอันเพราะยังไม่มีงานประจำ คนต่างจังหวัดรู้ดีงานหายากขนาดไหน สำหรับคนบ้านนอกทางรอดมีอยู่แค่สองอย่าง ถ้าไม่เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ ก็ต้องสอบเป็นข้าราชการให้ได้ แต่ว่าอย่างหลังมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก “ยายขอถามอีกนิดนะลูก สามีใหม่ของแม่นิสัยดีไหม ยายเป็นห่วงหนู” “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หนูไม่เคยเจอกับเขา คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะหนูจะดูแลตัวเองอย่างดี ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกแน่นอน” “ยังไงก็ระวังตัวไว้ให้มากๆ อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด ยกเว้นพี่สายฟ้า ยายฝากน้องให้พี่สายดูแลได้ใช่ไหม” “ครับ ผมจะดูแลหลานสาวคนใหม่ของคุณยายให้เป็นอย่างดีเอง คุณยายไม่ต้องเป็นกังวล” “ได้ยินแบบนี้ยายก็สบายใจ” คุณยายหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ หลังจากเห็นสีหน้าของหลานชาย คนอย่างสายฟ้าถ้าได้รับปากแล้วไม่มีทางผิดคำสัญญา ท่านเชื่อม่านหยกจะปลอดภัยหากได้สายฟ้าคอยดูแล ก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ม่านหยกได้ไปอำลาบิดาที่วัด บอกกล่าวกับพ่อว่าไม่ต้องเป็นห่วง หากมีเวลาเมื่อไรเธอจะกลับมาหา ถึงแม้ไม่รู้ว่าชีวิตต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร แต่เธอเลือกแล้ว เลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้า หลังจากไปวัดเสร็จเธอก็เดินทางมาหาคนในไร่ดวงเดือนเพื่อบอกลา อย่างน้อยคนเหล่านี้ก็เคยเลี้ยงดูปูเสื่อกันมา ไม่รู้อีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับบ้านเกิด “ยายขอให้หนูม่านโชคดี มีอะไรก็บอกพี่เขานะลูก” คุณดวงเดือนลูบหัวเด็กสาวอย่างอ่อนโยน พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ถาวรในอีกสองวันข้างหน้า ก็อดใจหายไม่ได้เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็ก “คุณยายไม่ต้องห่วงนะคะ ขอบคุณที่ช่วยม่าน” นอกจากพ่อก็มีท่านนี่แหละที่คอยห่วงใยถามสารทุกข์สุกดิบ เธอเองก็แอบใจหายที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนไปอาศัยในที่ที่ไม่คุ้นเคย “ว่างๆ ก็กลับมาเที่ยวได้ ยายพร้อมต้อนรับหนูเสมอ” “ค่ะ ถ้ามีโอกาสม่านจะกลับมาแน่นอน” “คุณยายครับ กรุงเทพฯ ไม่ได้ไกลขนาดนั้น นั่งเครื่องไปมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง” “ใช่ๆ พี่สายพูดถูก สงกรานต์ ปีใหม่ ถ้ากลับมาก็มาพักกับยายได้นะลูกไม่ต้องไปเช่าโรงแรมให้มันสิ้นเปลืองเงิน” “ได้ค่ะ ม่านต้องกลับมาแน่นอน ม่านจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย ทุกคนดีกับม่านจริงๆ ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวยกมือขึ้นมาพนมไหว้คุณดวงเดือนกับสายฟ้าด้วยความซาบซึ้งใจ เป็นญาติกันรึก็ไม่ใช่ แต่ทั้งสองคนกลับยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอคอยจัดการทุกอย่างให้ แม้แต่เงินค่าเดินทางก็ไม่ต้องจ่ายสักบาท ตลอดระยะเวลานั่งเครื่องบิน เธอเอาแต่ถามเขาไม่หยุดว่ากรุงเทพฯ เป็นเหมือนในโทรทัศน์ไหม มีแต่คนหล่อ คนสวยเต็มไปหมดใช่รึเปล่า สายฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่าเดี๋ยวเห็นก็รู้เอง คำตอบสุดแสนจะเย็นชาของเขา ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นไม่กล้าปริปากถามอีกเลยจนถึงจุดหมายปลายทาง “ถึงแล้วคุณ กรุงเทพฯ ที่คุณอยากมา” “โอ้โฮ มีแต่ตึกสูงๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ” บรรยากาศของเมืองหลวงสร้างความตื่นเต้นแก่ม่านหยกไม่น้อยทำให้สายฟ้าเกือบหลุดขำ เพิ่งจะเข้าใจคำว่าบ้านนอกเข้ากรุงก็วันนี้แหละ เธอดูเงอะงะไปหมดทุกอย่างแต่ก็...น่ารักดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD