บทที่ 1 ลูกอยากเจอพ่อ (1)
“หม่าม้าคับ พี่หมูอ้วนมีแฟนได้กี่โมง”
คำถามชวนปวดหัวทำให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่กำลังนั่งพับผ้าอยู่บนพื้นถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะตอบคำถามลูกชายวัยสามขวบ ที่ทั้งฉลาดและแสนซนอย่างไร แล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้มาถามเรื่องแฟน แม่รู้สึกเหนื่อยใจกับเจ้าแสบจริงๆ
“หนูรู้เหรอลูกแฟนหมายถึงอะไร”
ม่านหยก พันดาราฉาย หรือ ม่าน เงยหน้าถามลูกชายที่กำลังยืนกอดอกรอคอยคำตอบด้วยความอยากรู้ ว่าแต่ไปได้ยินคำนี้มาจากไหน ทั้งที่เธอไม่เคยพูดหรือสอนอะไรเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีฟงมีแฟนเลยสักนิด
“ลู้คับแฟนคือคนลักกัน” เจ้าหมูอ้วนสุดหล่อพยักหน้าหงึกๆ ดวงตาฉายแววฉลาดเกินวัยคู่นั้นทำให้แม่มันเขี้ยว เพิ่งจะสามขวบเองมาถามเรื่องแฟนแล้ว ไวไปไหมเจ้าหมูอ้วน
พูดก็ยังไม่ชัด จากรักเป็นลัก เด็กชายสุขนำพายังออกเสียง ร เรือ ไม่ได้ทำให้เวลาพูดจะเพี้ยนเป็นเสียง ล ลิง
“ใครบอกครับ หม่าม้าไม่เคยสอนลูก” คุณแม่หรี่ตาจับผิด ถ้าให้เดาคงไม่พ้นเด็กข้างห้องที่ลูกชายชอบไปเล่นด้วย รายนั้นอายุมากกว่าเด็กชายสุขนำพา อีกทั้งยังแก่แดดแก่ลมชอบสอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เธอจะทำอะไรได้นอกจากสอนลูกชายของตัวเอง
“พี่นินจาบอก ถ้าไปโลงเลียนต้องมีแฟน” คำตอบเป็นไปอย่างที่มารดาคาดไว้ไม่มีผิด เจ้าหนูขี้สงสัยมองแม่สีหน้าเครียดสรุปตัวเองจะมีแฟนได้ตอนไหนกัน ทว่าคุณแม่กลับชวนคุยเรื่องที่ไปทำวันนี้แทน
“วันนี้ไปดูโรงเรียนมาพี่หมูอ้วนชอบไหมครับ”
“ชอบคับ อยากไปทุกวันเลย”
“เอ จะร้องไห้ไหมน้า”
“ไม่ล้องคับ พี่หมูอ้วนเป็นเด็กโตไม่ใช่เบบี๋”
“เก่งมากครับเด็กโตสุดหล่อของหม่าม้า”
วันนี้เป็นวันแรกที่เด็กชายสุขนำพา หรือ น้องพาสุข ได้ไปดูโรงเรียนอนุบาลที่ตัวเองต้องเข้าไปเรียน
เจ้าหมูอ้วนตุ๊ต๊ะทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นที่ได้เห็นโรงเรียนไม่เหมือนกับเด็กวัยเดียวกัน นั่นทำให้มารดาใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย หวังว่าวันไปเรียนจริงจะไม่เห็นเจ้าแสบหลั่งน้ำตางอแงร้องเรียกหาแต่หม่าม้าคับหรอกนะ
“แล้วมีแฟนได้ตอนไหน หม่าม้าไม่ตอบ” เด็กฉลาดทำหน้ามุ่ยไม่ลืมเรื่องที่ตัวเองถามไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ต้องได้คำตอบเวลาไปคุยกับพี่นินจา พี่หมูอ้วนจะได้บอกถูก
“ตอนนี้พี่หมูอ้วนยังเด็ก เอาไว้โตกว่านี้ค่อยมีเนอะ” คุณแม่ยังสวยตอบก็ไม่รู้หรอกลูกจะเข้าใจไหม แต่พยายามคุยกับเจ้าหนูด้วยเหตุผล ดูเหมือนว่าเด็กชายสุขนำพาจะเข้าใจถึงได้พยักหน้าจริงจัง
“ต้องเป็นผู้ใหญ่ก่อนใช่ไหมคับ”
“ถูกต้องเลยครับ”
“โอเคคับ พี่หมูอ้วนเข้าใจแล้ว”
“เข้าใจว่ายังไงครับ บอกหม่าม้าหน่อย”
คุณแม่รู้สึกไม่ไว้ใจคำว่าเข้าใจของลูกจึงหลอกล่อให้เจ้าหนูอธิบายเพิ่มเติม
เด็กชายทำเป็นครุ่นคิดเอามือขึ้นมาเคาะหัวพลางเอียงคอเล็กน้อย คิ้วทั้งสองข้างขมวดชนกันเลียนแบบผู้ใหญ่เวลาเครียด
ครู่เดียวริมฝีปากอมชมพูก็เปิดกว้าง ก่อนให้คำตอบที่ทำให้มารดาหลุดเสียงหัวเราะ
“มีแฟนได้พุ่งนี้ไงคับหม่าม้า”
“ฮ่าๆๆๆ เร็วไปครับ อีกอย่าง พรุ่งนี้ ไม่ใช่ พุ่งนี้ ออกเสียงตามหม่าม้า พรุ่งนี้”
“พะ...พรุ พรุ่งนี้”
“ลูกใครเนี่ยเก่งที่สุด”
“ลูกชายสุดหล่อของหม่าม้าคับ”
“พรุ่งนี้ยังมีแฟนไม่ได้ต้องอีกนานครับ”
“นานแค่ไหนคับ”
“ก็ตอนนี้พี่หมูอ้วนอายุสามขวบใช่ไหม หนูต้องรอให้อายุพ้นยี่สิบก่อน” ตอนนี้ลูกไม่รู้หรอกอายุยี่สิบต้องรอไปอีกนานแค่ไหน แต่เธอไม่อยากให้ลูกมีแฟนเร็ว บอกตามตรงหวงลูกชายให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยก่อนค่อยว่ากัน
“โอเค พี่หมูอ้วนจะลออายุยี่สิบ”
เด็กพูด ร เรือ ไม่ชัด เอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้าจริงจังทำให้แม่อยากหัวเราะ ดีไม่ดีเข้าเรียนอนุบาลได้ไม่ถึงเทอมอาจจะกลับมาบอกหม่าม้าว่า พี่หมูอ้วนมีแฟนแล้ว เด็กสมัยนี้ฉลาดจะตาย ถ้าเทียบกับเด็กสมัยก่อน เทียบความฉลาดกันไม่ติด
“เก่งมากครับ หนูไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวกัน”
“คับหม่าม้า” เด็กน้อยตาแป๋ว พุงยื่น ตัวกลม รีบกระโดดลงมาจากเตียงแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ม่านหยกฝึกให้ลูกชายช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็กจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปอาบน้ำให้ ทั้งเรื่องกินข้าว เรื่องแต่งตัว ลูกชายทำเองได้หมด
เด็กชายสุขนำพาอาบน้ำไปร้องเพลงไป ในขณะที่แม่นั่งหน้าเครียดเพราะหลายวันก่อนได้ให้สัญญากับลูก เข้าเรียนวันแรกเจ้าหมูอ้วนจะมีทั้งพ่อและแม่ไปส่ง
ประเด็นสำคัญคือทางฝ่ายพ่อของลูกไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีเลือดเนื้อเชื้อไขอยู่บนโลกใบนี้ เธอจะทำอย่างไรกับคำสัญญาดี ไม่น่าไปให้คำสัญญากับลูกเลย เด็กวัยนี้ยิ่งจำคำสัญญาแม่นด้วย
คุณแม่วัยใกล้จะสามสิบคิดแล้วคิดอีกสุดท้ายก็คิดไม่ออก จึงเดินไปยังหลังห้องที่จัดไว้เป็นครัวเล็กๆ และจัดการหยิบไข่ออกมาตอกใส่ชามเพื่อทำข้าวเที่ยงให้ลูกกับตัวเองกิน
ม่านหยกทำงานเป็นพนักงานบริษัทเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากหอพัก เงินเดือนไม่มากแต่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ วันทำงานเธอจะฝากลูกให้อาม่าเจ้าของหอพักช่วยเลี้ยง
ท่านเป็นคนจิตใจดีรักเด็กจึงไว้ใจได้ ตาหนูหมูอ้วนก็แสนจะฉลาดเวลาแม่ไม่อยู่ด้วยจะลดความแสบลง อาม่าพูดหรือบอกอะไรเด็กน้อยจะทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอนทำให้คนในหอต่างเอ็นดู
“เสร็จยังคับหม่าม้า” เด็กชายตัวกลมเดินมาเกาะขอบประตูห้องหลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ ด้วยความที่อากาศร้อนเจ้าหนูจึงเลือกไม่ใส่เสื้อใส่เพียงกางเกงในตัวเดียวปกปิดช้างน้อย
“ใกล้แล้วครับ พี่หมูอ้วนมานั่งรอเลย” คุณแม่หันมายิ้มให้ลูกชายก่อนจะกลับไปเจียวไข่ต่อให้เสร็จ ตาหนูคงเห็นแม่ร้อนเหงื่อออกจึงวิ่งไปหยิบทิชชูแล้วยื่นส่งให้อย่างมีน้ำใจ
“เอามาให้หม่าม้าทำไมครับ”
“เช็ดเหงื่อคับ บนหัวตรงนั้น”
“ขอบคุณครับ เก่งจังเลยลูกชายแม่” ได้รับคำชมจากแม่ทำให้เด็กน้อยยิ้มกว้าง รีบทำความดีเพิ่มด้วยการดึงโต๊ะออกมาแล้วเดินไปหยิบจานมาวางเหมือนที่แม่ชอบทำ ม่านหยกเห็นแล้วแอบซึ้งใจตัวแค่นี้ทำไมรู้เรื่องไปหมดทุกอย่าง
“ว้าวไข่เจียวสุดอล่อยของพี่หมูอ้วน” เด็กน้อยกลืนน้ำลายลงคอดังอึกมองอาหารจานโปรดตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“ช่วงนี้เรากินไข่เจียวไปก่อนนะครับ เอาไว้เงินเดือนหม่าม้าออกแล้ว ค่อยไปกินชาบูอร่อยๆ”
คุณแม่แอบเศร้าใจที่ต้องเลี้ยงลูกแบบรัดเข็มขัด แทนที่ลูกจะได้กินของดีๆ กลับต้องมานั่งกินไข่หลายมื้อติดกัน เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้ก็เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
“คับ หม่าม้าพี่หมูอ้วนอยากเจอป๊ะป๋า”
“ก็เจอวันไปเรียนไงครับ”
“แต่พี่หมูอ้วนอยากเจอก่อน หม่าม้าคับไปหาป๊ะป๋ากัน”
“ป๊ะป๋าของลูกงานยุ่งมาก เราอย่าไปกวนดีกว่า”
“หม่าม้าโกหก พี่หมูอ้วนไม่มีป๊ะป๋า”
“มีสิครับ ทำไมจะไม่มี”
“ไม่จริงพี่นินจาบอกว่าพี่หมูอ้วนไม่มีพ่อ ไอ้เด็กไม่มีพ่อ”
“อย่าไปเชื่อลูก หนูมีพ่อเดี๋ยวหม่าม้าเอารูปให้ดู”
คุณแม่เห็นลูกสีหน้าเศร้าสร้อยก็อดสงสารไม่ได้จึงลุกขึ้นเดินไปเอาโทรศัพท์มาเปิดรูปใครคนหนึ่งให้ลูกชายดู
เด็กชายสุขนำพาเห็นหน้าพ่อครั้งแรกถึงกับยิ้มแป้น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาอ้อนวอนขอแม่อีกครั้ง ว่าช่วยพาไปหาพ่อหน่อย พี่หมูอ้วนอยากเห็นตัวจริงของพ่อ
“นะคับหม่าม้า พี่หมูอ้วนสัญญาจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน”
“เชื่อได้ไหม สัญญากันก่อนหม่าม้าบอกอะไรหนูต้องทำตาม”
“คับ พี่หมูอ้วนจะทำตามสัญญาทู๊กอย่าง”
เด็กอยากเจอพ่อเอานิ้วขึ้นมาเกี่ยวก้อย ให้สัญญาแก่มารดาพร้อมด้วยแววตาดีใจ อีกไม่นานตัวเองจะได้เจอพ่อแล้ว หลังจากเจอจะบอกให้พ่อมาคุยกับพี่นินจาให้รู้เรื่อง เจ้าหมูอ้วนคิดเองเออเองในใจ
ม่านหยกตัดสินใจจะพาลูกไปแอบดูพ่อที่บริษัท ไม่รู้พรุ่งนี้พ่อของลูกจะเข้าไปทำงานไหมแต่เธอจะลองเสี่ยงสักครั้ง ลูกชายจะได้เลิกคิดว่าตัวเองไม่มีพ่ออย่างที่เด็กข้างห้องชอบล้อเลียน