“พวกนายนี่มันเหลือร้ายจริงๆ กับผู้หญิงหน้าตาดีก็ไม่เว้น” ชลิดาว่าออกไป ทั้งโกรธทั้งแค้น แต่ภาพที่เห็นมันให้ต้องกดอาการขำเอาไว้เพื่อสงวนในท่าทีของตนเองเอาไว้
“เธอนี่มันร้ายกว่าที่ฉันคิด...” เมื่อปรับสภาพความเจ็บปวดที่กลับมาสู่สภาวะปกติ ก็เริ่มต้นปะทะวาจากันใหม่อีกรอบ “คราวนี้ฉันจะบีบคอให้ตายเลยคอยดู” ดวงตาขุ่นเขียวมองอย่างหมายหมาด
“ก็เข้ามาสิ รอบนี้จะเอาให้สูญพันธ์เลยคอยดู” ท้าทาย ตั้งท่ายกมือขึ้นสองข้างกำหมัดไว้ระดับอก บอกให้รู้ ว่าสู้อย่างปากว่า ดวงตาฉายแววจริงจังไม่แพ้กัน
แต่มานพคิดว่านั้นคือท่าทางของหล่อน มันแค่หลอกเด็กเท่านั้น เขารู้ดีว่าหล่อนไม่อาจจะชนะเขาได้ หากเขาต้องการสยบหล่อนจริงๆ หล่อนไม่มีทางโต้ตอบได้แน่
“ไอ้นัท ช่วยหน่อยโว้ย” ปอดกับท่าเตะเมื่อกี้ เรียกเพื่อนให้เข้ามา ยังไงเขาก็ไม่เสี่ยงสูญพันธ์ตามที่หล่อนบอก
คนที่ถูกเรียกทำหน้ามุ่ย เก้ๆ กังๆ รู้สึกไม่มีความมั่นใจเอาเสียเลย “มันจะดีหรือไอ้นพ ฉันว่าเรากลับกันไม่ดีกว่าหรือ?” คนเป็นเพื่อนเริ่ม ตาขาว
เพราะความไม่ใช่นักเลงมืออาชีพ การตบตีผู้หญิงยิ่งไม่กล้า ผิดกับเพื่อนที่ชื่อนพ แม้จะไม่มั่นใจกับการกระทำของเพื่อนนัก แต่ก็ไม่กล้าขัดเดินเข้ามาหาหญิงสาวเช่นกัน
“สั่งสอนเสียหน่อยจะเป็นไร” เอ่ยเสียงเหี้ยม พร้อมกับตรงเข้าหาเป้าหมาย สายตาหมายมาดจับจ้องใบหน้างาม ที่ตั้งท่าสู้ไม่ถอย
“คิดจะกัด ผู้หญิงจริงๆ หรือไง?” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยไหลผ่านเข้ามาในโสตปราสาท
“คุณ...!” สีหน้าแปลกใจ ก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มจางๆในหน้า เหมือนเป็นอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
ออกมาช้าเกินไปหรือเปล่า...? แม้จะดีใจอยู่มากแต่ก็อดค่อนขอดไม่ได้
“ใครวะ...?” นพร้องถาม ไม่ได้เจาะจงให้ใครช่วยตอบคำถาม พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์โทสะ ตวัดสายตามองตรงไปยังทิศทางของเสียงคนที่เข้ามาใหม่ด้วยสายตากร้าว
แน่นอนเขาไม่ชอบใจที่ให้ใครมาขัดจังหวะตอนนี้ ยิ่งคนนอกด้วยแล้วเสืออย่างเขาไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง...
หากแต่มานพ ก็ต้องลดประกายตาลง ด้วยรูปร่างและใบหน้าที่ขรึมจนเกินความกล้า คนอย่างนพพรจึงรีบสงบสติอารมณ์เสียใหม่ เพราะตอนนี้เขาไม่ต้องการมีเรื่องกับผู้ชายด้วยกัน ซะหน่อย...!
“ผะ ผัวเธอเหรอ... มะ มีก็ไม่บอก” เสียงที่เคยกร้าวตอนนี้ ขาดหายเหมือนคนติดอ่าง และถามในสิ่งที่ตนเองคิดไปเสียเอง
อ้าว!ไอ้ปากเสีย... ก่นด่าในใจ หากแต่รู้สึกโล่งกับคำพูดของ ชายหนุ่มที่ทำร้ายเธอ และมันทำให้ชลิดาเกิดความคิดบางอย่างขึ้น โดยไม่รอขอความคิดเห็นจากใคร “เออ... รู้ว่ามีผัวแล้วก็อย่ามาหาเรื่องอีก ผัวฉันนะเคยติดคุก ในคดีฆ่าผู้อื่นมาก่อน”
ชลิดาไม่คิดจะแก้ต่าง แถมเสริมท้าย ท้าทายบอกสรรพคุณเพิ่มเติม
หากหล่อนหันมามองชายหนุ่มที่ตนเองรับสมอ้าง ระหว่างที่เอ่ยประโยคตอนท้าย หากหันหลังกลับมามองก็จะเห็น ว่าชายหนุ่มที่เดินมาสมทบทีหลัง สะดุ้งกับคำพูดของหล่อนแค่ไหน
“อะ ฮ้า!” ร้องเสียงหลงทั้งท่าทางและคำพูดผิดกันกับก่อนหน้านี้มากโข
นักเลงหัวไม้ที่ดีแต่ยืดอก แกว่งเท้าหาเสี้ยนไปวันๆได้ยินแค่นั้นถึงกับร้องเสียงหลง ก่อนจะก้าวถอยหลัง ยกมือไหว้ จนคนที่ได้ตำแหน่งสามีหมาดๆ ปรับสีหน้าดุดันเกือบไม่ทัน
นักเลงฝึกหัดถอยห่างจากรัศมีหญิงสาวช้าๆ ไม่กล้าเสี่ยง รีบคว้ารถจับผิดจับถูก จนอีกคนต้องดันท้ายและคนหนึ่งบังคับหัวรถด้านหน้าเพื่อออกห่างจากที่ตรงนี้ไวๆ
ภาพที่เห็นมันเรียกรอยยิ้มและอาการขบขันของชายหนุ่มอย่างเบนบูรพาที่หาอยากในลุคนี้ของเขา หากแต่ต้องสำรวมเก็บอาการเอาไว้ แล้วแอบมองอีกคนที่ก่อเรื่อง เห็นได้ชัดว่าหล่อนก็มีอาการไม่ต่างอะไรจากเขา
แผ่นหลังบอบบางที่ไหวระริก หัวเราะคิกๆ อย่างชอบใจ โดยลืมคำพูดของเธอไปแล้วกระมังว่าจะเดือดร้อน และมีผลอะไรตามมาหรือเปล่า...
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เบนจึงกลับเข้าบ้านพักของตนเองไปเงียบๆ รู้สึกปวดหัวซีกซ้ายขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เรื่องวุ่นๆ เพราะตั้งแต่เจอหน้าหล่อนก็ได้เลือดเพิ่ม แล้วหากเป็นอย่างนี้เขาหวั่นว่ามันจะต้องมีอีกแน่
“อ้าว...” หันกลับมาหาไม่เห็นอีกคนที่จุดเดิม “เดี๋ยวสิ...นั่นใช่เลือดหรือเปล่า?”
ชลิดาเอะใจกับสิ่งที่เห็น รอยเลอะเป็นดวง สีของมันไม่บอกก็รู้ และยิ่งหล่อนรู้ว่าเกิดอะไรกับผู้ชายคนนี้มาก่อนหน้า คำตอบที่ได้จึงไม่ต้องให้อีกคนยืนยัน เพราะเสื้อสีขาวที่ชายแปลกหน้าสวมใส่มันเห็นรอยชัดเจนขนาดนั้น
เท้าหนาหยุด แต่ไม่ได้หันกลับมามองคนเรียก
จะโกหก ก็คงไม่ได้ พูดมากไปก็คงไม่จบ เบนจึงตอบผ่านๆ ไป “เล็กน้อย” หันซีกหน้า ยกไหล่หนาข้างที่ได้แผล ไม่ได้ใสใจกับมันนักแล้วเดินต่อ ทิ้งให้คนด้านหลังอ้าปากหวอ กับคำตอบ
“เฮ้... เดียวสิ มียาอะไรหรือเปล่า ที่บ้านฉันมีนะ เดี๋ยวจะไปเอามาให้” เอ่ยบอกพร้อมเดินตาม
“ของฉันมีจริงๆ นะ ยินดีให้ใช้บริการเลยละ”
ชลิดาบอกตามความตั้งใจอีกครั้ง กลัวว่าอีกคนจะไม่รับน้ำใจจากหล่อน แล้วการกระทำก็เป็นดั่งที่หล่อนคิด เพราะชายผู้นั้นนอกจากจะไม่สนใจคำพูดของเธอแล้ว ยังปิดประตูใส่หน้าเธออีก
“หือ...” ครางในลำคอออกอาการเซ็ง “คนอะไร แข็งอย่างกับ ท่อนไม้” บ่นอุบอิบ เดินกลับเมื่ออีกฝ่ายไม่ใส่ใจรับความช่วยเหลือ คนโดนขัดศรัทธานั้นหน้างอหงิก ไม่คิดว่าชายแปลกหน้าจะแปลกทั้งหน้าแล้วยังมีอาการแปลกๆ อีก
ช่องหน้าต่างบานเล็กตาคมเข้มยังแง้มมอง ไม่ไว้วางใจ
ร่างบางเดินเลยเข้าบ้านพักของตัวเอง ปิดประตูไปอย่างเงียบๆ แต่รับรู้ถึงบ้านอีกหลัง ว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีใครมากวนใจเขาอีก จึงหันมาสนใจบาดแผลของตนเองต่อ
เหมือนทุกๆ ครั้ง แผลที่เกิดขึ้นเขาจะทำเองแผลเอง ไม่หันไปพึ่งหมอ หากทุกอย่างไม่ร้ายแรงเกินไป แอลกอฮอล์ สำสี เบตาดีน วางอยู่ตรงหน้าแล้ว หากไม่มัวเสียเวลากับเรื่องเมื่อกี้เขาคงทำเสร็จไปแล้ว คิดแล้วใบหน้าหวานท่าทางกวนๆ ก็ผุดขึ้นมา ก่อนจะรีบสลัดภาพกวนๆ ทิ้งไป