EP.09

1120 Words
‘แม่คะ จันทร์พาเขามาหาแม่ได้แล้วนะคะ แม่ไปในที่ที่มีความสุขนะคะ ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้อีกแล้ว จันทร์อยากให้แม่มีความสุข’            เธอบอกแม่ในใจว่านี่ไม่ใช่หยาดน้ำตาของความทุกข์ และไม่ต้องห่วงเธออีก หยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนี้เกิดจากความดีใจที่เธอทำให้แม่พบความสุขเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่ออารัญก้าวมายืนตรงหน้า ดวงตาที่ฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาก็ช้อนขึ้นมองเขาด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง            “เข้มแข็งนะครับ พี่เดือนคงไม่อยากให้คุณต้องทุกข์”            อารัญไล้นิ้วมือเกลี่ยซับหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลอาบสองแก้มอย่างอ่อนโยน สัมผัสแผ่วเบาและสายตาที่สื่อผ่านคือการปลอบประโลมจิตใจ            “หากคุณต้องการความช่วยเหลือ ติดต่อผมได้ตลอดเวลา ผมยินดีให้ความช่วยเหลือลูกของพี่เดือนอย่างดีที่สุด”            อารัญประคองฝ่ามือที่ยกขึ้นไหว้ขอบคุณเขา ก่อนจะก้าวเดินจากไป โดยไม่คิดจะหันกลับไปมองใครด้านหลังอีก เพราะสิ่งที่เขาต้องการนั้นสำเร็จแล้ว            รอยยิ้มเหี้ยมปรากฏขึ้นบนใบหน้า มั่นใจอย่างที่สุดว่าผืนน้ำสงบนิ่งที่เขาเพิ่งตีน้ำให้กระเพื่อมขึ้นนั้นทำให้ทุกสิ่งที่หลับใหลตื่นตัว และเมื่อเขาหย่อนเหยื่อลงไป ปลาจะติดเบ็ดทันที            ‘พรุ่งนี้ทำตัวให้ว่าง ฉันมีเรื่องให้นายทำ”            เสียงทุ้มที่เจือไปด้วยความเหี้ยมของเจ้านายทำให้กายอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองใบหน้าหล่อนั้นผ่านกระจกมองหลัง เพราะอยากรู้จริงๆ ว่าขณะนี้บอสของเขาอยู่ในสภาวะอารมณ์ไหนกันแน่ ทั้งที่เมื่อสักครู่ดวงตาคมเข้มยังฉายแววอบอุ่นและเห็นใจเจ้าภาพสาวสวยไม่วางตา แต่ทำไมแค่ขึ้นรถ ทั้งสายตา น้ำเสียง ถึงได้เปลี่ยนเป็นดุดันไม่ต่างจากมารร้ายที่พร้อมจะกระชากหัวใจเหยื่อออกมากินทั้งเป็น            “บอสจะให้ผมทำอะไรเหรอครับ”            “พรุ่งนี้ก็รู้ ไปได้แล้ว”            อารัญสั่งเสียงเรียบ แต่ดวงตายังจับจ้องไปบนเมรุที่ปากปล่องด้านบนเริ่มมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมา พรบุหลันยังยืนอยู่ที่นั่นเพื่อส่งร่างไร้วิญญาณไปสู่สวรรค์ แต่จะเป็นอย่างนั้นได้จริงเหรอ รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากอีกครั้ง เพราะเขามั่นใจว่าดวงวิญญาณของรัชนีกรไม่มีทางไปถึงสวรรค์ได้หรอก เขาจะเป็นคนกระชากเธอลงมาเอง            อารัญแค่นยิ้มอย่างสะใจคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ภายใต้ดวงตาที่ทอดมองรัชนีกรด้วยความอ่อนโยน ภายใต้นิ้วมือที่เกลี่ยไล้บนซีกแก้ม ภายใต้การแสดงออกถึงความอาลัย ทว่าสิ่งที่คิดนั้นกลับไม่ใช่เลย...            ‘สำหรับสิบห้าปีที่จากลา หนี้ที่ติดค้างกันเอาไว้ พรบุหลันจะเป็นคนชดใช้ ขอให้ไปถึงสุคตินะ หึ!’            นั่นคือสิ่งที่เขาพูดกับดวงวิญญาณของรัชนีกร แม้จะเป็นเพียงการพูดกับรูปภาพ แต่เขาก็สะใจ เพราะนับจากนี้ไปเขาจะได้สัมผัสกับร่างกายที่มีเลือดเนื้อ และเชื่อได้ว่าเปลวไฟที่แผดเผาร่างของรัชนีกรจนมอดไหม้อยู่นั้น จะไม่ทำให้วิญญาณของเธอต้องทุรนทุรายได้เท่ากับที่รู้ว่า เขาจะทำอะไรกับลูกสาวของเธอบ้าง แต่จะว่าเขาก็ไม่ได้นะ เพราะเธอเป็นคนมอบพรนั้นให้เขาเอง            พรของรัชนีกร พรของพระจันทร์ ‘พรบุหลัน’ พรบุหลันประคองห่อผ้าขาวและโกศทองเหลืองไว้แนบอกอย่างทะนุถนอม เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้สัมผัสแม่อย่างใกล้ชิด ห่อผ้าขาวนี้คือส่วนของเถ้ากระดูกที่เธอจะนำไปลอยอังคารเพื่อส่งให้แม่ไปสู่ภพภูมิที่ดี มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุขประดุจสายน้ำที่มีความฉ่ำเย็นอยู่ตลอดเวลา ส่วนโกศกระดูกนั้นเธอจะนำไปให้พระท่านช่วยจัดเก็บไว้ที่รอบกำแพงโบสถ์ ซึ่งเธอจองช่องไว้แล้ว ในฐานะของลูกนี่คงเป็นอีกส่วนที่เธอต้องทำให้สมบูรณ์ที่สุด            “เก็บกระดูกเสร็จแล้วจันทร์จะพาครูไปลอยอังคารเลยหรือเปล่า หรือว่าจะไปพรุ่งนี้” ภากรถามขณะพากันเดินไปที่โบสถ์ ซึ่งพระคงมารอตามเวลานัดแล้ว            “ไปเลยค่ะ จันทร์นัดกับเกดเอาไว้แล้ว เกดเขาจะเอาเรือที่บ้านออกให้น่ะค่ะ จันทร์อยากทำทุกอย่างให้แม่มีความสุขเร็วๆ”            ‘เกศรา หรือ เกด’ ที่พรบุหลันพูดถึงคือเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยมาด้วยกัน แต่เกศรามาร่วมงานเผาศพไม่ได้เพราะต้องไปทำธุระให้ครอบครัวที่กรุงเทพฯ วันนี้เกศราจึงรับอาสาจะเอาเรือที่บ้านออก เพื่อให้พรบุหลันนำเถ้ากระดูกของแม่ไปลอยอังคารได้สะดวก            “ครูท่านมีความสุขอยู่แล้วแหละจันทร์ ลูกเรียนจบตามที่ท่านปรารถนา ทั้งจันทร์ก็ยังจัดงานให้ท่านด้วยดีไม่มีบกพร่อง รวมทั้งเรื่องนั้นด้วย จันทร์ทำให้ท่านมีความสุขแล้วละ”            ภากรหมายถึงเรื่องของอารัญที่เขาสอบถามเพิ่มเติมจากพรบุหลันเมื่อวาน และเธอก็บอกเล่าสายสัมพันธ์ระหว่างครูรัชนีกรกับผู้ชายคนนั้นให้ฟัง จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดูคลุมเครือ แต่ก็ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกไป เพราะหากเขาเป็นพรบุหลันก็ต้องเลือกที่จะตามหาอารัญให้พบเช่นเดียวกัน เพื่อทำหน้าที่ของลูกให้ดีที่สุด            “งั้นพี่ไปส่งนะ จันทร์ไปคนเดียวไม่สะดวกหรอก”            “แล้วพี่กรไม่มีธุระไปไหนเหรอคะ วันหยุดทั้งทีจันทร์เกรงใจน่ะค่ะพี่ พี่กรก็ช่วยงานจันทร์มาตั้งหลายวันแล้วด้วย เมื่อวานก็ทั้งวันอีก”            “ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่ไม่ได้ไปไหน พี่พาจันทร์ไปน่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องต่อรถหลายต่อไง พี่จะได้ถือโอกาสไปคุยกับเกดด้วย เรื่องสมัครสอนของเกดน่ะ ไม่เสียเที่ยวหรอก”                 ภากรยกเหตุผลเรื่องความสะดวกและเรื่องเกศรามาอ้าง เพราะการเดินทางจากหมู่บ้านเข้าไปในเมืองนั้น พรบุหลันต้องขึ้นรถสองแถวไปลงที่สถานีรถประจำทาง และต้องต่อรถประจำทางที่วิ่งรอบเมืองไปที่ท่าน้ำข้างวัด ซึ่งเป็นสถานที่ที่คนในอำเภอนี้นำเถ้ากระดูกของผู้วายชนม์มาลอยอังคารกัน และกว่าจะไปกว่าจะมาก็ต้องใช้เวลามาก ดังนั้นหากพรบุหลันเลือกให้เขาไปส่งก็จะย่นเวลาไปได้มาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD