EP.12

1034 Words
“ต้องมีสักตำแหน่งที่คุณพรบุหลันทำได้อย่างแน่นอน สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องทำงานตามสาขาที่เรียนมาหรอกนะครับ ขอแค่มีใจสู้ ทางแฟรงเกนส์กรุ๊ปก็พร้อมที่จะสอนงานให้ เรามีทีมลีดเดอร์สำหรับสอนงานเด็กใหม่โดยเฉพาะ”            สคริปต์ที่เตรียมมาถูกพูดออกไปจนหมด ‘ทำให้เธอรับปากให้ได้’ เสียงทุ้มแต่มากไปด้วยอำนาจย้ำเตือนว่าเขาต้องทำให้ได้ แม้ไม่รู้ว่าเจ้านายจะทำแบบนี้ไปทำไม แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ถาม รู้แต่เพียงว่าเมื่อวานเจ้านายก็สั่งให้เขาไปสอบถามประวัติของครูรัชนีกรกับลูกสาวจากแขกที่มาร่วมงานจนทั่ว จนได้รู้ว่าครอบครัวนี้มีด้วยกันเพียงสองคนแม่ลูกเท่านั้น และเมื่อครูรัชนีกรจากไป พรบุหลันก็ไม่มีญาติที่ไหนอีก เธอเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีมาหมาดๆ ยังไม่ทันจะได้ทำงาน ครูรัชนีกรก็มาด่วนจากไปเสียก่อน แต่ไม่รู้ว่าที่เจ้านายสั่งให้เขาเอานามบัตรพร้อมทั้งเอกสารรับสมัครงานในตำแหน่งต่างๆ มาให้พรบุหลันในวันนี้ เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เขาสอบถามมาจากชาวบ้านหรือเปล่า เพราะคำสั่งนี้เกิดก่อนที่เขาจะรายงานข้อมูลที่ได้มาเสียอีก            “เอ่อ...ขอฉันคิดดูก่อนนะคะ พอดีวันนี้ฉัน...เอ่อ...”            ดวงตาสวยหวานเหลือบมองห่อผ้าขาวบนพานที่วางไว้บนตักของภากรอีกที ดั่งจะบอกให้กายรู้ถึงธุระสำคัญของเธอที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน            “โอ๊ะ! ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมนี่แย่จริง เชิญ เชิญคุณพรบุหลันกับเพื่อนไปทำธุระให้เรียบร้อยเถอะครับ ผมนี่เสียมารยาทจริงๆ ผมต้องขอโทษอีกครั้ง ขอโทษจริงๆ ครับ”            “ไม่เป็นไรค่ะ” พรบุหลันตอบพลางยิ้มเมื่อคุณเลขาฯ ค้อมศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างคนสำนึกผิดจริงๆ เธอนึกถูกชะตากับกายขึ้นมาเพราะเขาดูกระตือรือร้นมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนกับ...ใบหน้าของใครคนนั้นวาบขึ้นในความคิด            “แต่ยังไงช่วงเย็นผมขออนุญาตโทร. มาสอบถามอีกครั้งนะครับ”            “ได้ค่ะ แล้วคุณกายมีเบอร์มือถือของฉันแล้วเหรอคะ”            “มีแล้วครับ คุณท่านให้ผมมาแล้ว”            พรบุหลันยิ้มน้อยๆ แม้จะไม่เข้าใจว่า ‘คุณท่าน’ ที่กายบอกนั้นเป็นใคร จะเป็นเขาหรือเป็นคุณผู้หญิงที่โทรศัพท์มาถามข่าวเรื่องแม่หลังจากเธอส่งจดหมายไปตามที่อยู่พร้อมแนบเบอร์โทรศัพท์ไปด้วยก็ไม่รู้            แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร ในยามนี้ก็ขอให้เธอได้ทำหน้าที่ของลูกให้ดีก่อนเถอะ ส่วนเรื่องงาน หากเธอมีคุณสมบัติที่เขาพอจะรับเข้าทำงานได้ ก็ถือเป็นโชคดีที่เธอจะได้ไม่ต้องไปแสวงหางานอย่างไม่รู้เป้าหมาย            “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”            “เดินทางปลอดภัยครับคุณพรบุหลัน คุณภากรด้วยนะครับ”            “คุณกายรู้จักพี่กรด้วยเหรอคะ”            “เอ่อ...ผม... ผมได้ยินคนในงานคุยกันเมื่อวานน่ะครับ ว่าคุณภากรช่วยเป็นธุระในการจัดงานทั้งหมด ยังนึกชื่นชมคุณภากรอยู่เลยครับที่ใจดีและมีน้ำใจมากๆ”            “เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ”            “งั้นฉันไปก่อนนะคะ”            กายยืนมองภากรและพรบุหลันที่พากันเดินไปขึ้นรถ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะเขาเกือบทำพลาดไปซะแล้ว หากพรบุหลันและภากรรู้ว่าเขาลอบสอบประวัติของเธอจากแขกที่มาร่วมงาน จนแทบจะรู้ทุกสิ่งในชีวิตของเธอ รู้แม้กระทั่งว่าในสายตาของเพื่อนบ้าน ทุกคนเข้าใจว่าภากรและพรบุหลันกำลังคบหากันอยู่            หากคนทั้งคู่รู้ว่าเขาซอกแซก ไม่วายเขาต้องถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิต และขืนเป็นอย่างนั้นจริง งานที่เจ้านายมอบหมายให้เขาทำคงเป็นหมัน คิดแล้วก็กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะหากเขาทำงานพลาดมีหวังครั้งนี้หัวได้หลุดจริงแท้แน่นอน               เสียงเครื่องมือสื่อสารที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งพิงเก้าอี้สีดำตัวใหญ่ และทอดสายตาไปจนสุดแผ่นฟ้านั้นชำเลืองมองต้นกำเนิดของเสียง รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากก่อนอารัญจะคว้าโทรศัพท์ราคาแพงสมฐานะมหาเศรษฐีขึ้นมาถือไว้ พร้อมกับกดปุ่มเพื่อเริ่มต้นการสื่อสาร            “ฉันไม่ต้องการฟังความล้มเหลวนะกาย”            เขากรอกเสียงทุ้มปนเหี้ยมลงไปเมื่อคนทางนั้นกำลังจะรายงานผล และเมื่อได้ฟังในสิ่งที่เขาต้องการ ดวงตาคมเข้มก็ฉายแววสาแก่ใจ รอยยิ้มเหยียดที่มุมปากลึกขึ้นขณะดวงตายังคงมองผ่านกระจกใสที่ติดตั้งเป็นกำแพงสูงจดเพดาน จนทำให้มองเห็นภาพความซิวิไลซ์ของกรุงเทพฯ ได้เป็นวงกว้าง            ภาพที่ปรากฏบนตึกสูงห้าสิบสี่ชั้น ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจหลักของประเทศประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าที่กำลังวิ่งอยู่บนรางลอยฟ้า ตึกสูงมากมายมีทั้งขนาดไล่เลี่ยและลดหลั่นกันไป พร้อมบิลบอร์ดโฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ป้ายแนะนำละครเวทีที่กำลังจัดแสดงอยู่ในโรงละครไฮโซตึกด้านข้าง ป้ายโฆษณาอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬา เครื่องแต่งกายบุรุษและสตรี ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ รวมทั้งป้ายโฆษณาอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้าง            แต่สุดสายตาที่มองไปนั้นกลับเป็นเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับผืนโลก รอยยิ้มยังคงเด่นชัด ทว่ากลับแฝงความเหี้ยมหากจะมีใครมองเห็นในขณะนี้ เพราะเรื่องที่กายรายงานนั้นตรงใจเขาจริงๆ แต่ที่เขาอยากรู้มากไปกว่านั้นก็คือ...คำตอบ            “อืม...ดี แต่นายยังไม่ต้องกลับ และรู้ใช่มั้ยว่าคำตอบที่ฉันต้องการคืออะไร รอจนกว่าจะได้คำตอบ” นั่นคือคำสั่งสุดท้ายเพื่อตอกย้ำให้กายทำให้ได้ ก่อนที่นิ้วแกร่งจะเลื่อนยุติการสนทนา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD