เวลาต่อมา...
พี่แอลขับรถพาฉันออกจากหอพักเวลาเกือบๆ สามทุ่ม และที่น่าแปลกที่สุดก็คอ ตั้งแต่ช่วงเลิกกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ โทรศัพท์มือถือของฉันยังคงเงียบ ไม่มีการติดต่อของอ้ายก็อตเข้ามาเหมือนเคยๆ
ใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นกังวลนะ ที่เขาไม่ยอมโทรหรือส่งข้อความมาหาแบบนี้ แต่อีกใจก็รู้สึกโอเค ที่คืนนี้ฉันได้ตามหาตัวบุคคลได้แบบไม่ต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ คนรัก เพราะรู้ดีว่าถ้าอ้ายก็อตรู้ว่าฉันแต่งตัวโป๊ แต่งหน้าจัดออกมาเที่ยวแบบนี้มีหวังเขาคงต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ๆ
ผับ PARADISE
เวลา 22.15 นาฬิกา
ฉันกับพี่แอลกลายเป็นจุดสนใจของพวกผู้ชายสายเที่ยวทันที เมื่อเราทั้งคู่ย่างกรายมาถึงสถานที่ที่เป็นเป้าหมาย
สำหรับพี่แอลแล้วเธอเป็นคนสวยอยู่แล้วในระดับหนึ่ง ยิ่งพอเธอแต่งหน้าแต่งตา แต่งตัวเปรี้ยวๆ แบบนี้ด้วยแล้ว เชื่อเถอะว่าผู้ชายทุกคนก็พร้อมใจกันเหลียวหลังมองเธอกันคอแทบเคล็ด
หากแต่นั่นไม่ใช่กับฉันที่ไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะสะดือที่เสื้อตัวสั้นปิดลงมาไม่มิด ไหนจะกางเกงขาสั้นที่ทำให้รู้หวิวช่วงขาตลอดเวลา รวมไปถึงรองเท้าส้นเล็กที่พร้อมจะหักลงในทุกวินาทีที่ก้าวเดิน
พี่แอลพาฉันเดินแทรกผู้คนที่ยืนเบียดเสียดกันเป็นปลากระป๋อง ตรงไปยังบาร์น้ำซึ่งดูจะไม่ค่อยมีคนสักเท่าไหร่นัก เพราะคนส่วนมากเอาเวลาไปทิ้งอยู่ที่กลางฟลอร์ บ้างก็จับกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ นั่งบ้าง ยืนเต้นตามเสียงเพลงแสงสีจังหวะสนุกๆ บ้าง
“เอาอะไรหรือเปล่า?” เธอหันมาถามฉัน เมื่อมาถึง
“เอาอะไรก็ได้ค่ะ” เพราะไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ ฉันจึงบอกไปส่งๆ ตามประสาคนไม่รู้ และนั่นจึงทำให้พี่แอล หันไปพูดกับบริกรที่บาร์น้ำว่า
“จินแอนด์โทนิค 2 ค่ะ” ฉันขมวดคิ้วให้กับชื่อเครื่องดื่มแปลกๆ นั่น กลับกัน พี่แอลดันเป็นฝ่ายกวาดสายตาสอดส่องไปรอบๆ ส่วนปากก็เอ่ยขึ้น เหมือนกับคุยกับฉัน
“เพราะดีเจคนนั้นมาแน่ๆ คนถึงได้เยอะแบบนี้” มันก็คงจริงอย่างที่เธอว่านั่นแหละ ต่อให้ฉันไม่รู้หรือไม่เคยมาสถานที่แบบนี้ก็เถอะ
วันนี้เป็นวันธรรมดาซึ่งไม่น่าจะมีคนเลยแท้ๆ แต่น่าแปลกที่ผู้คนต่างทยอยหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการกันอย่างหนาแน่น ไม่ขาดสายแบบนี้ ยิ่งพอรู้ว่าต้นเหตุเรียกคนในคืนนี้ อาจเกิดมาจากผู้ชายที่ฉันตามหาตัวอยู่ด้วยแล้ว ลึกๆ มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้…
“จินแอนด์โทนิค 2 แก้วครับ” เสียงของบ๋อยทำฉันละสายตาจากสภาพแวดล้อมโดยรอบให้เหลียวมอง เครื่องดื่มที่เพิ่งถูกนำมาเสิร์ฟ สีสันของมันคล้ายกับน้ำมะนาวทั่วๆ ไป พอเห็นอะไรที่แปลกใหม่ ร่างกายก็ตอบรับด้วยการคว้าแก้วเครื่องดื่มมาไว้กับตัวทันที
“นี่ หล่อนจำหน้าคนชื่อซีอะไรนั่นได้ใช่ไหม?” อีกครั้งที่พี่แอลเอ่ยปากถาม ขณะเธอยกเครื่องดื่มที่ได้มาขึ้นจิบ
“ค่ะ จำได้”
“ดี งั้นก็คอยมองหา ส่วนมากพวกดีเจจะชอบประจำการกันอยู่ตรงนู้น” ว่าแล้วเธอกี้นิ้วไปยังห้องเล็กๆ ด้านหลังเวที ฉันไม่รู้หรอกว่ามันคือห้องอะไร รู้แค่ว่า ถ้าฉันอยากเจออ้ายซีอะไรนั่นจริงๆ ฉันควรจะมองหาเขาจากตรงนั้น
ปี๊บ! ปี๊บ!
ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเพราแรงสั่นของโทรศัพท์ภายในกระเป๋าผ้า พานให้ต้องวางเครื่องดื่มในมือลงเพื่อจัดการหยิบขึ้นมาดู ขณะเดียวกันพี่แอลที่ซัดเครื่องดื่มในมือ ก็เริ่มโบกไม้โบกมือเรียกบริกรอีกครั้ง
“จินโทนิคเพิ่มอีกแก้วค่า!” ให้ตายสิ! สมกับเป็นผู้หญิงแรงๆ สายเที่ยวจริงๆ
ฉันมองพี่แอลแบบอึ้งๆ ก่อนหลุบตามองหน้าจอสี่เหลี่ยมในมือและพบว่า บุคคลที่หายหน้าหายตาไปทั้งวันได้ส่งข้อความมาให้
อ้ายก็อต :: วันนี้พี่อยู่โรงพยาบาลทั้งวันเลย หมอบอกพี่เป็นไข้หวัด
อ้ายก็อต :: วันนี้คงไม่ได้โทรหานะ
พอได้ข้อความมาแบบนั้น ฉันจึงเริ่มพิมพ์ข้อความกลับไปหาเขา แต่ยังไม่ทันพิมพ์เสร็จดี โทรศัพท์ในมือก็สั่นเตือนแจงข้อความใหม่เข้ามาอีก
อ้ายก็อต :: เดี๋ยวพี่ส่งคลิปตอนอยู่ที่โรงพยาบาลวันนี้ไปให้
ฉันรีบลบข้อความที่กำลังพิมพ์ถามไถ่ข่าวคราวของเขาออก ก่อนตอบกลับไปด้วยข้อความใหม่
พริก :: หายไวๆนะคะ
‘คนเป็นแฟนกันเขาควรจะมาหาตั้งแต่วันแรกที่แฟนมาถึงไม่ใช่เหรอ?’ แต่แล้วฉันก็ชะงักมือลงเล็กน้อย เพราะว่าที่หน้าจอยังเหลืออีกข้อความที่พิมพ์ค้างไว้ไม่กล้ากดส่ง ข้อความที่ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป
ข้อความที่เกิดขึ้นเมื่อคำพูดของพี่แอลแว๊บเข้ามาในหัว
‘เพราะหนูอยากเจอพี่ก็อตตัวจริงมากกว่ามองภาพพี่คลิปวิดีโอแบบที่ผ่านมา’ แต่สุดท้าย ฉันก็ไม่ได้กดส่งไปหาเขาหรอก ทำได้แค่ลบออกแล้วรอวันเวลาที่เขาจะเป็นฝ่ายมาหาฉันเองดั่งคำสัญญาเท่านั้น
กึก!
เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวเล็กหน้าตาสละสวยเหมือนนางฟ้าข้างกาย ลุกพรวดพราดขึ้นจากที่นั่ง นัยน์ตาเฉี่ยวของเธอตวัดมองฉันคล้ายกับหาเรื่อง ก่อนฉีกยิ้มกว้าง
“พี่ไปห้องน้ามก่อนนะแม่สาวน้อยยยย~” แม้ว่าเสียงของพี่แอลจะดังสู้กับเสียงดนตรีภายในผับนี้ไม่ได้ แต่จากการยืนโงนเงนและเสียงยานๆ ที่พอจะฟังออกนั้นบอกได้ชัดว่าเธอกำลังเมา ถ้าให้เดามันต้องมาจากเครื่องดื่มที่เธอกระซวกเข้าไปก่อนหน้านี้แน่ๆ
“รอตรงนี้น้าา เดี๋ยวหลง~”
“ให้หนูไปเป็นเพื่อนพี่ไหมคะ?” พี่แอลไม่รอฟังคำพูดฉัน เธอเลือกที่จะหันหลัง ชูมือขึ้นโบกไปมาแทนคำพูดปฏิเสธ ก่อนจะเดินโซซัดโซเซแทรกกลุ่มคนซึ่งกำลังยืนเต้นตามจังเพลงจนหายไปพ้นไปจากสายตา
ฉันรีบหันกลับเข้าบาร์น้ำเพื่อนั่งรอ สายตาเหลือบมองเครื่องดื่มที่พี่แอลสั่งมาให้อย่างนึกขยาด และอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าแก้วเดียวยังสามารถทำให้พี่แอลสาวนักเที่ยวเมาได้ขนาดนั้น ฉันเองก็คงไม่เหลือเหมือนกัน
“พี่คะ! ขอน้ำแข็งเปล่ากับโค๊กหน่อยค่ะ!” เพราะงั้นฉันจึงเลี่ยงที่จะดื่มของมึนเมาและเปลี่ยนไปสั่งน้ำอัดลมแทน ทว่าในตอนนั้นเอง…
“เฮ้ย! พี่ซี!” หูของฉันก็ดันได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งตะโกนขานเรียกชื่อใครอีกคนซึ่งฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างมาก สมองสั่งการให้ฉันเหลียวหลังมองไปยังเจ้าของเสียงด้วยความสงสัย
แต่แล้วมันก็กลับเป็นฉันเสียเองที่ต้องเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าเยื่องหลัง ฉันออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวมีใครบางคนกำลังยืนอยู่ แสงสีของสถานบันเทิงแห่งนี้ไม่ได้ทำให้ฉันตาฝาด จนมองอะไรผิดพลาด ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าจะเรียกเหตุการณ์ในตอนนี้ว่าอะไรดี ระหว่างโชคดีกับบังเอิญ
ที่ดันเจอทั้งอ้ายกอล์ฟและอ้ายซีในสถานที่แบบนี้เวลาเดียวกัน…
ฉันรีบหันขวับกลับมาที่บาร์น้ำอย่างด่วนจี๋ เพราะเป็นจังหวะเดียวกับที่พี่ซีเอื้อมมือคว้าคออ้ายกอล์ฟให้หันมายังจุดที่ฉันนั่งอยู่ อีกทั้งระยะห่างของพวกเขาและฉันห่างกันออกไปเพียงไม่ถึงสองช่วงแขนเท่านั้น
เพราะผับแห่งนี้มันไม่ได้กว้าง พื้นที่สำหรับนักเที่ยวส่วนใหญ่จะใหญ่การยืนมากกว่าการหาที่นั่งรวมกันเป็นกลุ่ม เลยไม่แปลกใจเลยถ้าหากว่าพวกเขาจะอยู่ใกล้ฉันแค่ปลายจมูกแบบนี้
“ตะโกนซะดังเชียวนะมึง” ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ใกล้กัน แต่การที่จะเงี่ยหูฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกัน มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก รอบตัวยังคงมีเสียงเพลงจังหวะอัดบีทสนุกๆดังสนั่นไปทั่วทุกพื้นที่ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังจำเสียงของเขาได้
“เลี้ยงเหล้าผมป่ะ?” สำเนียงแบบนั้นคือเสียงของอ้ายกอล์ฟ
“กูต้องทำงานก่อน มึงกินคนเดียว รอกูได้ไหมล่ะ?”
“ได้หมดอ่ะ ของฟรีจากพี่แม่งดีที่สุด” ฉันพยายามตั้งใจฟังพวกเขาคุยกัน แต่เหมือนเสียงของคนทั้งคู่จะแผ่วลงไป จึงกลั้นใจเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจเหลือบไปมองพวกเขาทั้งคู่ แต่ก็ลอบมองได้ไม่ถึงวินาที เมื่อพบว่าชายสองคนที่ฉันกำลังแอบฟังถูกผู้คนที่เดินเบียดเสียดกันดันมาหยุดยืนอยู่เยื้องหลังฉันไปเพียงแค่หนึ่งช่วงแขนเท่านั้น
ตอนนี้หัวใจฉันเต้นรัวมากเพราะเป้าหมายที่มาที่ผับแห่งนี้คือผู้ชายที่ชื่อซี อีกทั้งยังพวกบุคคลที่ไม่คิดจะเจอมาเพิ่มอีก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีโอกาสได้อยู่ใกล้จนได้ยินคนทั้งคู่คุยกันใกล้ขนาดนี้
ถ้าหากคิดว่าฉันรู้สึกผิดที่กำลังเสียมารยาทอย่างนี้ล่ะก็ บอกเลยว่าไม่มีทาง!
“ช่วงนี้มึงดูแปลกๆนะไอ้กอล์ฟ ไม่สบายใจห่าไรเปล่า?…” พอใครคนหนึ่งในระหว่างสองคนนั้นเริ่มพูด ฉันก็เริ่มตั้งใจฟัง
“ก็นิดหน่อยพี่...”
“เรื่องอะไร?”
“ไอ้ก็อต...”