บทที่ 13

1595 Words
“นี่เธอเป็นแฟนกับน้องชายกอล์ฟจริงๆแน่เหรอ? ก็คนเป็นแฟนกันเขาควรจะมาหาตั้งแต่วันแรกที่แฟนมาถึงไม่ใช่เหรอ?” ไม่ใช่แค่คำถามเดียวแต่เป็นหลายคำถาม พอได้ฟังฉันก็อดคิดน้อยอกน้อยใจไม่ได้ นี่มันก็ห้าวันมาแล้วที่ฉันมาอยู่กรุงเทพฯ ทั้งที่การมาของฉันควรเป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดของอ้ายก็อต แต่สิ่งที่ได้เจอกลับกลายเป็นการกระทำแปลกๆที่ดูต่างไปจากที่เคยได้ยินและรับฟังผ่านสายโทรศัพท์ [วันจันทร์พี่ไปหาพริกที่คณะได้ไหม?]น้ำเสียงซึ่งฟังดูดีใจเต็มไปด้วยความอยากมาหาตามอย่างสัญญาที่รอจะพบหน้ากัน ‘ได้เจ้า!’ [ดีล่ะ งั้นเช้าวันจันทร์เรามาเจอกันที่หน้าตึกวิศวฯ นะคะ พี่จะรอ] หากแต่เมื่อถึงเวลา เขากลับหายหน้าไป ตัดขาดทุกการติดต่อและโผล่มาแค่เสียงให้ได้ยินและรู้สึกยามที่เริ่มเป็นกังวล ต่อเติมด้วยคำขอโทษและคำสารภาพคำโกหก [พี่อยากให้พริกสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ มหาวิทยาลัยที่พี่ไม่สามารถเข้าได้…พริกไม่โกรธพี่ใช่ไหม…] “ทำไมต้องทำหน้าเศร้าล่ะ โกหกอะไรฉันอยู่ป่ะ?” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเสียงแหลมเล็กทักท้วงขัดความคิดในหัว รีบเงยมองหน้าเจ้าขิงคำถาม ก่อนจะถูกยิงด้วยคำถามใหม่แบบไม่ทันให้ตั้งตัว “นี่ไม่ใช่ว่ารวมหัวกับชมพูโกหกฉันหรอกนะ” “หนะ หนูจะไปโกหกอะไรพี่แอลล่ะคะ?” ฉันย้อน “ก็เรื่องแฟน เรื่องน้องชายฝาแฝดของกอล์ฟไง มันน่าแปลกไหมล่ะ?” และการย้อนมันก็ทำให้อีกฝ่ายรีบรัวคำพูดจับผิดออกมาแบบน้ำไหลไฟดับ “ฉันรู้จักกอล์ฟมาตั้ง 3 ปีแต่ไม่ยักจะเคยเห็นน้องชายเขาเลย ไม่มีใครเคยพูดถึง แม้แต่ตัวกอล์ฟเอง” ไม่มีใครเคยพูดถึงอ้ายก็อตเลยงั้นเหรอ? ทำไมล่ะ ก็ในเมื่อพี่ชมพู... ‘พี่ชมพูรู้จักอ้ายก็อตด้วยเหรอคะ?’ ‘จ้ะ พี่รู้จักก็อตดีเลยล่ะ’ “อย่าให้ฉันรู้นะว่าจริงๆแล้วเรื่องคนชื่อก็อตอะไรนั่นเป็นแค่เรื่องแต่ง และอย่าให้รู้นะว่าเธอเป็นเมียน้อยกอล์ฟ ไม่งั้นฉันเล่นเธอแน่!” “พี่แอลจะให้หนูพิสูจน์ยังไงล่ะคะ?” พอถูกเธอใช้คำพูดกดดันแกมขมขู่มากเข้า ฉันก็โพล่งเสียงถามไปอย่างนึกหงุดหงิด ใจหนึ่งก็แอบคิดแหละว่ามันแปลกๆ แต่อีกใจมันก็อดนึกถึงเรื่องเก่าๆที่ฉันกับอ้ายก็อตมีต่อกันตอนสมัยอยู่เหนือไม่ได้ ‘ตั๋วชื่ออะหยัง? เฮาชื่อพริกเน้อ’ ‘พี่ชื่อก็อตค่ะ ยินดีที่รู้จักนะ’ “ไปพาคนชื่อก็อตมาให้พี่เจอสิ ทำได้หรือเปล่า?” อีกหนที่คำพูดของพี่แอลทำฉันชะงักไปหลังถูกเธอต้อนจนจนมุม “ถ้าพามาให้เจอไม่ได้ ฉันจะถือว่าเธอกับชมพูโกหก” ฉันไม่ได้โกหก นั่นคือความสัตย์จริง อ้ายก็อตคือแฟนของฉันและเขามีตัวตนอยู่จริง แต่เรื่องการจะพาตัวเขามายืนอยู่ตรงหน้าพี่แอลน่ะ ฉันไม่สามารถทำได้จริงๆ หากเขานัดแล้วไม่มาเหมือนวันนั้นอีกฉันก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขี้โกหกอยู่ดี แต่แล้ว มันก็เป็นอีกครั้งที่ความคิดในหัวต้องหยุดทำงาน เมื่อคนตรงหน้าไม่ได้คิดจะรอฟังคำพูดแก้ต่างหรือแก้ตัวใด แต่เป็นฝ่ายเสนอออกมาด้วยตัวเอง “หรือถ้าพามาไม่ได้ งั้นคืนนี้เราลองไปที่ที่ชมพูว่ากันดูไหม?” “คะ?” และข้อเสนอของเธอมันก็ทำให้ฉันตกใจ “ไปผับ PARADISE กับฉัน ถ้าทุกอย่างที่ชมพูกับเธอพูดเป็นเรื่องจริง” ‘ถ้าพริกอยากคุยกับซีแบบส่วนตัว คืนนี้ลองแวะไปที่ผับ PARADISE ดูสิ ซ๊เขาเป็นดีเจอยู่ที่นั่น....’ เพราะได้คำใบ้บอกสถานที่จากปากพี่ชมพูมาขนาดนั้น ฉันจึงได้หลักฐานที่อยู่ชิ้นใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น และนับตั้งแต่มื้อเที่ยงหลังจากถูกพี่แอลท้าทาย ฉันก็เฝ้ารอนับเวลาถอยหลังให้ถึงเวลาที่จะได้เจอกับอ้ายซีอีกครั้งเร็วๆ แต่เพราะพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด ฉันจึงไม่ค่อยรู้สถานที่ในเมืองหลวงมากนัก การจะเดินไปไหนมาไหนคนเดียวเพียงลำพังจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เมื่อหลังจากเสร็จสิ้นจากกิจกรรมของมหาวิทยาลัยในช่วงเย็น ฉันได้บารมีของพี่แอลเข้าช่วย เธอพาฉันออกจากมหาวิทยาลัยด้วยรถส่วนตัว ตรงไปที่หอพักซึ่งอยู่ห่างออกไปเกือบๆ 2 กิโลเมตรเห็นจะได้ ตอนแรกฉันมองว่าพี่แอลเป็นผู้หญิงขี้เหวี่ยง ขี้วีนคนหนึ่ง แถมยังดูเป็นคนไม่ค่อยมีเหตุผล แต่พอได้รู้จัก ได้รับการช่วยเหลือจากเธอในครั้งนี้ บอกเลยว่าการมองแค่เพียงภายนอกมันใช้ไม่ได้จริงๆ เพราะแท้จริงแล้ว พี่แอลเป็นผู้หญิงที่พูดเก่ง มีมุกตลกแพรวพราวตลอดเวลา เธอเป็นคนแต่งตัวเก่ง ดูเผินๆ คงไม่มีใครรู้เลยว่าเธอน่ะเป็นคนมีน้ำใจมากแค่ไหน ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงพูดแบบนั้นก็เพราะ … หอพัก E “ตัวนี้มันจะไม่โป๊เกินไปเหรอคะพี่?” ฉันถาม เมื่อมองเห็นภาพตัวเองสะท้อนผ่านกระจกเงาโดยที่บนร่างกายสวมเสื้อผ้าชนิดที่ไม่เคยใส่มาก่อน อย่างเช่นเสื้อปาดไหล่เอวลอย กับกางเกงยีนเอวสูงขาสั้นปี๊ด ซึ่งแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวฉันทั้งหมดนั่นคือเสื้อผ้าที่พี่แอลให้เด็กบ้านนอกอย่างฉันยืมใส่สำหรับไปเที่ยวผับ PARADISE คืนนี้ “โป๊ตรงไหน แบบนั้นอ่ะเซ็กซี่ดีออก” เธอว่าขณะนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า มือรื้อข้าวของคล้ายกับกำลังหาอะไรบางอย่าง “แต่งตัวแบบนี้ หนูรู้สึกโล่งๆ ยังไงก็ไม่รู้” ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของพี่แอลนัก เพราะเป็นห่วงสภาพตัวเองตนแต่งตัวโป๊แบบนี้มากกว่า เชื่อเต๊อะ ถ้าอีแม่มาผ่อว่าแต่งจะอี้ มีหวังอีแม่ไล่ฟาดตาย! “นี่กะเหรี่ยง ลองใส่รองเท้าส้นสูงคู่นี้สิ” อีกครั้งที่พี่แอลหยิบยื่นสมบัติส่วนตัวของตัวเองส่งมาให้ฉัน ของสิ่งนั้นคือรองเท้าส้นสูง ซึ่งมีขนาดส้นเล็กอย่างกับเข็มเย็บผ้า “จะอี้มันจะหักก่อ?” พอเห็นอะไรที่ดุสะดุดตาแบบนี้ ฉันก็อดท้วงถามไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจภาษาของฉัน =_= “อี้อะไร นี่รองเท้าต่างหาก… เอ้า! ลองใส่ดู!” แถมยังยัดเยียดรองเท้าส้นเข็มส่งมาให้ไม่หยุด สุดท้ายฉันก็เลยต้องรับมาไว้กับตัวอย่างเสียไม่ได้ จำต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น มองรองเท้าในมือตามประสาคนไม่เคยใส่ โดยไม่รู้เลยว่าในเวลานั้นพี่แอลกำลังมองฉันอยู่ด้วย และไอ้อาการเก้ๆ กังๆ ลังเลที่จะสวมนั่นแหละมันเลยทำให้ผู้เป็นเจ้าของเปิดประเด็นขึ้นมา “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอมีปัญหาอะไรกับคนชื่อก็อตหรือซี…แต่ถ้ามัวแต่ลังเลที่จะใส่ไม่ใส่อยู่แบบนั้น ชาตินี้เธอก็คงไม่ได้ไปพบหน้าเขาหรอก” “ก็หนูไม่เคยใส่นี่คะ” ฉันพยายามอธิบาย แต่พี่แอลกลับพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา “ฉันเองก็อยากรู้จักคนชื่อซีอะไรนั่นเหมือนกัน” “…” “ถ้าเขาสนิทกับกอล์ฟจริงๆ ฉันว่าการพาเธอไปที่ผับคืนนี้ต้องคุ้มแน่นอน” เดี๋ยวนะ ที่พี่แอลให้ยืมเสื้อผ้า พาฉันมาแต่งตัวไกลถึงที่หอแบบนี้ไม่ได้ตั้งใจจะช่วยฉันหรอกเหรอ? “คุ้มเหรอคะ?” ฉันย้อนด้วยความตงิดในอก “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าพาเธอไป เธอก็จะได้เจอผู้ชายที่ชื่อซีถูกไหม?” ฉันพยักหน้าหงึกๆ แทนคำตอบ สายตาจดจ้องไปที่หน้าพี่แอลที่เริ่มเหยียดยิ้มกว้างอย่างมีเลศนัย ขณะที่หูเงี่ยฟัง “ถ้าฉันไปด้วย...อะไรที่เธอรู้จากปากผู้ชายคนนั้น (โดยเฉพาะเรื่องของกอล์ฟ) ฉันก็จะได้รู้เหมือนกัน!” เธอยืนกรานความต้องการของตัวเองหนักแน่น และมันทำให้ฉันรู้ว่าจริงๆแล้วพี่แอลไม่ได้คิดจะจับผิดเรื่องอ้ายก็อตจริงๆ จังๆเท่าไหร่ ซึ่งฉันไม่ได้มองว่าเธอเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่มองว่าคนเราก็มีความต้องการที่ต่างกันออกไป ไม่ว่าฉันหรือพี่แอล เมื่ออีกฝ่ายว่ามันคุ้ม ฉันก็จะคิดว่ามันคุ้มเช่นกัน! ฉันใช้เวลาแต่งตัวอยู่ที่ห้องพี่แอลตั้้งแต่ช่วงเย็นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสองทุ่ม ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น ร่างกายฉันที่ไม่เคยได้แต่งหน้าหรือทำผม ได้ถูกปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่หมด ให้ดูเปรี้ยว ดูทันยุคทันสมัย เหมาะสมกับการไปที่ผับ สถานที่ที่ฉันไม่เคยคิดจะย่างกรายเข้าไป...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD