บทที่ 3 ตอนที่ 6

1287 Words
อัญญดาพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดที่จงใจนั้นด้วยความตกใจ แต่ชายแปลกหน้าก็กอดเธอเสียแน่นจนขยับไม่ได้ สายตาจึงหันมองอัศม์เดชที่บัดนี้หันกลับมาด้วยความเดือดดาลยิ่งกว่าเดิม พลั่ก!! ไม่ทันที่ใครได้ตั้งตัว ร่างใหญ่ที่กอดเธอไว้ก็ถูกชกเข้าที่ใบหน้าเต็มๆ จนหญิงสาวหลุดรอดออกจากอ้อมแขนนั้นมาได้ อัศม์เดชยืนถมึงทึง ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองเหมือนอยากจะขย้ำให้เธอแหลกคามือ ลูกค้าคนอื่นๆ พนักงาน และเพื่อนของผู้ชายคนนั้น ต่างลุกมามุงดูเหตุการณ์ และเข้าไปพยุงคนที่ถูกทำร้ายซึ่งเซไปค้ำโต๊ะๆ หนึ่งเอาไว้ "เกิดไรขึ้นวะ..." เพื่อนของลูกค้ารายนั้นเอ่ยปากถาม "ไอ้นี่แม่งกวนตีน...มันจะแย่งผู้หญิงของกู" เขาตอบฉะฉานจนอัญญดาเองก็นึกโกรธ ด้วยเธอไม่เคยรู้จักมักจี่ชายคนนั้นมาเลยก่อนหน้า "เรื่องในครอบครัว...มึงอย่างมาเสือก..." อัศม์เดชชี้ยกนิ้วชี้หน้ามือเกร็งจนเห็นเส้นเลือด โกรธจัดกับคำพูดนั้นที่ผ่านเข้าหู ไม่อยากเชื่อเลยว่าอัญญดาจะกล้าขัดเจตนาดีของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร้ายกว่านั้นการกระทำของหญิงสาวที่เขาเห็นในคืนนี้มันไม่ได้ต่างจากผู้หญิงหิวเงินแม้แต่น้อย "คุณหมออย่ามีเรื่องกันเลยค่ะ" เธอพยายามจะเข้าไปห้ามปราม รีบส่งตะกร้าหวายให้เพื่อนที่ยืนตะลึงอยู่กับเหตุการณ์และตรงเข้าไปประคองผู้บาดเจ็บ ใจนั้นนึกเพียงแค่ไม่อยากให้มีเรื่องบานปลาย "คุณหมอ! คุณหมอเกิดอะไรขึ้นคะ!!" ลีลาวลีเองก็เห็นความผิดปกติจึงเดินตามกลุ่มคนมาด้วยใจเป็นกังวล และแล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอปรี่เข้าไปจับแขนอัศม์เดชด้วยความเป็นห่วงและสงสัย สายตาซัดมองไปเห็นอัญญดาที่กำลังประคองคู่กรณีอยู่พอดี "น้ำมนต์...นั่นน้ำมนต์นี่คะ..." "มึง! มึงกล้ามากที่มาต่อยกู...อย่าอยู่เลยไอ้เวร!" "กรี๊ด/ว้าย!!!" เสียงหวีดร้องท่ามกลางความชุลมุนและความตกใจเมื่อสองบุรุษโถมร่างเข้าหาซัดแลกหมัดกันนัวเนีย อัญญดาและลีลาวลีถูกผลักกระเด็นออกจากการพยายามห้ามปราม โต๊ะเก้าอี้บริเวณนั้นล้มคว่ำระเนระนาด ทั้งขวดแก้วและจานใส่อาหารตกแตกกระจัดกระจาย อัญญดาน้ำตาร่วงกับความเสียหายที่เธอมองเห็น กระนั้นสองร่างใหญ่ก็ยังฟัดชกต่างล้มกลิ้งลงบนพื้นสนามหญ้า "หยุดเดี๋ยวนี้!! หยุดตีกันได้แล้ว!!" การ์ดที่ดูแลร้านสองคนพร้อม รปภ กรูเข้ามาในที่เกิดเหตุ พนักงานและลูกค้าคนอื่นๆ เปิดทางให้ชายฉกรรจ์ทั้งสี่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ อัญญดารีบลุกยืนขยับเข้าไปในวงล้อมที่เกิดเหตุ ซึ่งบัดนี้สองหนุ่มคู่กรณีต่างล้มอยู่บนพื้นสนามหญ้า ผลัดกันต่อยตีราวนักเลงข้างถนน เธอค่อนข้างตกใจไม่น้อย นับวันยิ่งเหตุความโกรธที่อัศม์เดชแสดงออกรุนแรงมากขึ้นทุกทีๆ และมักจะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงเสนอ "พอครับพอแล้ว..." การ์ดร่างใหญ่และ รปภ เข้าไปจับทั้งคู่แยกออกจากกันและลากพาไปคนละทิศละทาง หญิงสาวไม่รีรอจะวิ่งตามอัศม์เดชไปด้วยความเป็นห่วง เพราะใบหน้าคุณหมอหนุ่มนั้นบัดนี้แตกยับ เลือดกบปากกันเลยทีเดียว โดยมีลีลาวลีตามไปติดๆ ด้วยเช่นกัน "สงบสติอารมณ์กันหน่อยนะครับ ผมต้องขอโทษลูกค้าท่านอื่นๆ ด้วย เดี๋ยวจะขอเคลียร์ด้านนอกนี้สักยี่สิบนาที ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายเชิญนั่งด้านในก่อน ทางเราจะรับผิดชอบท่านเองนะครับ เชิญครับ เชิญ..." เจ้าของร้านตะโกนปาวๆ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อไม่ให้ร้านเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้ อัญญดาซึ่งวิ่งตามอัศม์เดชไปติดๆ รู้สึกผิดเหลือประมาณ เครียดขึ้นมาครามครัน แล้วเธอจะรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดนี้ยังไงดี เพราะตัวเองเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหา อย่างไรเสียก็ต้องมีส่วนในการชดใช้ นี่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นคดีความกันถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลหรือเปล่า หากอีกฝ่ายจะเอาเรื่องเพราะเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อนและเป็นเรื่องอื้อฉาวขึ้นมา มันจะไม่ส่งผลดีต่อหน้าที่การงานของอัศม์เดชเลย "คุณหมอ..." หญิงสาวมองร่างอัศม์เดชที่ถูกลากเข้ามาในห้องๆ หนึ่ง คล้ายจะเป็นห้องรับรองแขก ก่อนการ์ดทั้งสองที่ควบคุมตัวมาจะปล่อยตัวเขา คุณหมอหนุ่มสะบัดแขนแรงสลัดออกจากการถูกรั้งด้วยความไม่พอใจ อัญญดาตรงเข้ามาสำรวจอาการบาดเจ็บโดยลืมเรื่องอื่นเสียสนิทใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้เข้าถึงตัวอัศม์เดช กลับถูกใครบางคนเบียนจนเซเกือบล้มและแทรกตัวเข้าไปในห้องรับรองนั้นแทน "คุณหมอเป็นยังไงบ้างคะ โธ่! ดูสิช้ำเลือดไปหมดเลย จะลดตัวไปตีกับอันธพาลพวกนั้นทำไมกันคะ" ลีลาวลีจับสำรวจไปตามร่างบอบช้ำ ใช้มือแตะเบาๆ ไปที่ใบหน้าปูดบวม รีบล้วงหยิบทิชชู่ในกระเป๋าถือมาซับเลือดตรงริมฝีปาก "ช่างเถอะ...ผมไม่เป็นไร เบสกลับไปก่อนก็แล้วกัน" "ได้ไงคะ ไหนบอกจะให้เบสอยู่ค้างด้วย...คุณหมอคะอย่าผิดสัญญากับเบสสิคะ" ลีลาวลีเบียดร่างอรชรเข้าหาคุณหมอหนุ่ม ออดอ้อนออเซาะหวังจับจองค่ำคืนนี้ให้เป็นของเธอและเขาให้จงได้ แต่เมื่อสังเกตเงยแลดวงตาคมเข้มที่อยู่เบื้องบนก็พบว่า เขาไม่ได้เหลือบเหลียวมายังเธอแม้แต่น้อย ลีลาวลีหันขวับไปด้านหลังทันที ทั้งที่สองมือยังประคองร่างใหญ่ไม่ห่าง "น้ำมนต์..." "ขอตัวก่อนนะคะ ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ" อัญญดาเองก็รู้สึกตัวขึ้นมาเช่นกันหลังจากอึ้ง ทึ่งและจุกตันในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังกับหู ถึงกับมึนชาไม่ชั่วครู่ ก่อนจะกลั้นหายใจเดินกลับไปยังทางที่มา บรรยากาศในร้านยังวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก็เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น "น้ำมนต์หยุดนะ!!" เสียงทุ้มตะโกนตามหลัง แต่หญิงสาวไม่นึกอยากทำตามบัญชานั้น สองเท้าเล็กยิ่งก้าวเร็วขึ้น "คุณหมอคะ! น้ำมนต์เขาโตแล้วปล่อยไปก่อนเถอะค่ะ ให้ใจเย็นๆ ก่อนแล้วค่อยคุยกันทีหลัง" "ผมบอกให้คุณกลับไปก่อนไงเบส ผมมีเรื่องต้องคุยกับน้ำมนต์" เขาปลดมือเล็กของลีลาวลีรวดเร็วและสาวเท้าตามร่างเล็กทีเดินลิ่วๆ โดยไม่รีรออะไรทั้งสิ้นเช่นกัน แต่ก็ถูกการ์ดของทางร้านดักเอาไว้เพราะยังไม่ได้ตกลงเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น อัศม์เดชจึงให้นามบัตรพร้อมทั้งเงินที่มีติดกระเป๋าจำนวนหนึ่งส่งไป ในขณะนั้นอัญญดาได้ถือโอกาสออกจากร้านและขึ้นแท็กซี่จากไปแล้ว คุณหมอหนุ่มรู้สึกหัวเสียเป็นอย่างมากเขาไม่รีรอขึ้นรถขับตามพร้อมทั้งใช้สไลด์หาเบอร์โทร.ออกไปพลาง เด็กในปกครองละเมิดข้อตกลงที่ให้ไว้กับเขา เธอจะต้องมีคำตอบที่น่าพอใจในเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นดีกัน ตื๊ดๆ ตื๊ดๆ โทร.ได้สักพักก็พบว่ามือถืออีกฝ่ายปิดเครื่องไปเสียแล้ว ชายหนุ่มคว้างเครื่องมือสื่อสารทิ้งด้วยความโมโห เร่งเครื่องติดตามแท็กซี่คันนั้นไปเพราะจำเลขป้ายทะเบียนได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้มันได้คลาดสายตาไปแล้วด้วยสิ เขาคงต้องขอตัวช่วยในการตามล่าแม่ตัวแสบ และไม่ยอมปล่อยให้เธอได้ใจลอยนวลไปเด็ดขาด ถ้าไม่ได้ดั่งใจ...ก็อย่าหวังว่าใครจะอยู่เป็นสุข!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD