อุ๊บ!
มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเอง ส่วนมืออีกข้างก็รีบตีแขนให้ผีหนุ่มคลายอ้อมกอดออกจากเอวบาง ก่อนที่ร่างเล็กจะรีบวิ่งสี่คูณร้อยเข้าไปในห้องน้ำ แล้วอาเจียนในสิ่งที่กินดื่มเข้าไปออกมาให้หมด ถึงจะเสียดายที่เจ๊ห้องข้างล่างอุตส่าห์เลี้ยง แต่ขืนยังเก็บเอาไว้มีหวังได้กระเพาะเน่าพอดี
“แพ้ท้องแล้วเห็นไหม…”
ให้ตายเถอะ! ใครก็ได้เอาวิญญาณตนนี้ไปเก็บที
หลอกหลอนกันยังไม่พอ ยังจะมาโมเม มั่วซั่วอีก!
“ฉันว่า…”
ขอเงยหน้าสูดอากาศบริสุทธิ์แป๊บหนึ่ง
“เราต้องมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
“ผมจะรับฟังคุณทุกเรื่อง”
“ก็ดี แต่ตอนนี้ฉันขอน้ำเปล่าสักแก้วได้ไหม?”
ไหนๆ ก็เสวนากันมาตั้งนานแล้ว ขอใช้หน่อยเถอะ
“ผมหยิบของไม่ได้”
เจริญพร! แล้วแบบนี้จะพึ่งพาอะไรได้บ้างเนี่ย?
“ไม่เป็นไร ฉันผิดเองแหละที่ใช้งานผีอย่างคุณ”
สิ้นสุดประโยคนั้น ก้านแก้วก็ต้องหอบสังขารออกไปจากห้องน้ำ ไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาดื่มล้างปาก ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างอ่อนแรง ถ้าเป็นไปได้อยากจะนอนหลับอีกสักตื่น แต่คงไม่มีเวลามากพอให้นอน เพราะเธอต้องออกไปรับงาน ให้ได้สักครึ่งหมื่นก็ยังดี
“คะ คุณช่วยหาอะไรมาปิดหน่อยได้ไหม เดินแก้ผ้ารอบห้องแบบนี้ ฉันรู้สึกแปลกๆ นะ” เธอพูดทั้งที่ดวงหน้าเริ่มขึ้นสีแดงซ่าน อย่างน้อยให้เขาสัมผัสผ้าเช็ดตัวได้ก็ยังดี ไม่อย่างนั้นเธออาจจะหลวมตัวหลงรักผีบอดี้นายแบบก็ได้
“ขอบคุณมาก ที่ยังจับผ้าเช็ดตัวได้”
“ผ้าเช็ดตัวผืนนี้เป็นของผม”
“วะ ว่าไงนะ?”
“ก่อนตาย…ผมใช้มัน”
ก้านแก้วถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าจะได้ใช้ของร่วมกับคนตายแบบนี้ เจ้าของหอพักก็ไม่ได้บอกด้วยว่ามีผ้าเช็ดตัวแถมให้ ทำไมเธอถึงไม่เอะใจเรื่องนี้เลยนะ!?
“งั้นคุณเอาคืนไปเลย”
“ไม่เป็นไร ผัวเมียใช้ของร่วมกันได้”
“ไม่ได้ เพราะฉันยังไม่ได้เป็นเมียของคุณ อีกอย่างคุณเป็นผี ฉันเป็นคนเราจะมาเป็นผัวเมียกันไม่ได้เด็ดขาด”
ก้านแก้วยืนกรานเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผี ที่ไม่มีทางจะเป็นไปได้ นอกเสียจากเขาจะจับเธอหักคอให้ตายตกลงไปตามกัน แต่เธอไม่อยากให้เขาทำอย่างนั้นนะ ถึงชีวิตมันจะเฮงซวยและห่วยแตก แต่เธอก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ เผื่อภายภาคหน้าจะได้มีอิสระเป็นของตัวเองเสียที
“คุณ…ไม่สงสารผมเหรอ?”
ดวงตากลมสวยช้อนขึ้นมองเจ้าของใบหน้าหล่อคม ที่ตอนนี้เริ่มส่งสายตาแปลกประหลาดให้กับเธอ จะบอกว่าน่าสงสารก็ไม่เชิง แต่เหมือนเขาพยายามที่จะสื่อสารให้เธอได้รับรู้ความรู้สึก ของการที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอดสิบกว่าปี เขาเหงา และอ้างว้าง จะไปเกิดก็ไปไม่ได้ เพราะมีอะไรบางอย่างที่สะกดดวงวิญญาณดวงนี้เอาไว้ ไม่ให้จดจำแม้กระทั่งสถานที่ ที่ฝังศพของตัวเอง…
แต่เดี๋ยวนะ เขารู้ได้ยังไงว่าศพตัวเองถูกฝัง!?
“คุณรู้ได้ยังไง ว่าศพของคุณถูกฝัง?”
“ผมรู้เพราะว่าผมได้กลิ่นดิน”
“ดินงั้นเหรอ?”
“ผมรู้แค่นี้ ถ้าคุณต้องการที่จะหาหลุมฝังศพ ผมก็จะพยายามบอกในสิ่งที่ผมรู้สึกถึงมันได้”
เธอรีบส่ายหน้าระรัวทันที
“ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
“คุณไม่ต้องการใช้เงินเหรอ?”
“ฉันต้องการเงิน แต่ต้องไม่ได้เอามาจากศพ”
“แต่ผมยินดีที่จะยกมันให้คุณนะ”
“มันคืออะไร ไอ้สิ่งที่คุณจะยกให้ฉันอ่ะ?”
ด้วยความอยากรู้จึงเอ่ยถามกลับไปตามตรง
“ผม…จำไม่ได้”
เธอหลับตาสะกดอารมณ์ตัวเองเอาไว้ มึงจะปรี๊ดแตกใส่ผีไม่ได้นะอีก้านแก้ว เดี๋ยวเขาก็หักคอมึงตายหรอก!
“เอาเป็นว่าฉันขอบคุณในความเอื้ออารีของคุณแล้วกันนะ ฉันผิดเองแหละที่ตั้งคำถาม ต่อจากนี้ฉันจะไม่ถามอะไรคุณอีกแล้ว” พูดจบร่างเล็กก็ชันตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางมาใส่เสื้อผ้าเตรียมย้ายออกจากหอพักแห่งนี้ ส่วนเรื่องค่ามัดจำหนึ่งเดือน เธอจะถือว่าสะเดาะเคราะห์ไปแล้วกัน ต่อจากนี้จะได้ไม่เจอผีหลอกอีก
“ผม…จำได้ว่ามีแหวนทองอยู่วงหนึ่ง”
คำพูดนั้นทำให้เธอหูผึ่ง เพราะว่ามันมีมูลค่า
“ถ้าคุณไม่หนีไปไหน ผมจะยกมันให้กับคุณ”
ก้านแก้วละสายตาจากกระเป๋า ไปยืนประจันหน้ากับคุณผีหน้าหล่อ แล้วหรี่ตาจับผิดว่าเขาโกหกเธอหรือเปล่า นี่ไม่ใช่คนเห็นแก่เงินนะ แต่ถ้าเขามีเงินก็พอที่จะถูๆ ไถๆกันได้อยู่ เธอจะได้ไม่ต้องออกไปรับงานให้เพลียกีด้วย
“คุณไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
“ผมเป็นมาเฟียที่มีสัจจะมากพอ”
“คุณเป็นมาเฟียงั้นเหรอ?”
“เท่าที่ผมจำได้ ผมเป็นลูกชายคนโต ของเจ้าพ่อมาเฟียที่มีอิทธิพลในไทย ถ้าคุณไม่อยากเปลืองเนื้อเปลืองตัวกับผู้ชายหลายคน ผมก็อยากจะเสนอให้คุณหยุดที่ผม แล้วผมจะพยายามหาของตอบแทนมาให้คุณเรื่อยๆ เลย”
“ของตอบแทนที่ว่า อย่างเช่น?”
“แก้วแหวนเงินทอง โดยเฉพาะทอง ผมมีเยอะนะ”
“แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไง ว่าของมีค่าที่คุณพูดถึง คุณจะไม่ได้ขโมยมันมาจากคนอื่น ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟีย อาจจะแฝงสันดานโจรก็ได้ ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ถูกฆ่าแบบนี้” เธออาจจะใช้คำพูดที่ฟังดูรุนแรง แต่เธอไม่สามารถเชื่อใจผีตนนี้ได้เลย เขาเป็นใครเธอก็ไม่รู้จัก ยิ่งบอกว่าเป็นมาเฟียด้วยล่ะก็ ความไว้เนื้อเชื่อใจหายวับไปกับตา กลัวว่าจะถูกผีหลอกให้อยู่ด้วยกัน แล้วฆ่าทิ้งทีหลัง
“ผมอยากให้คุณมั่นใจในตัวผม”
บทจะเล่นเป็นพระเอกก็อ่อนโยนขึ้นมาเชียว
“ก่อนจะให้คนอื่นมั่นใจ ช่วยพูดเสียงปกติได้ไหม โทนเสียงเย็นยะเยือกไม่เอา ฟังแล้วมันน่าขนลุกแปลกๆ”
เธอพูดจากใจจริง ถ้าเขาทำได้ มันจะดีมาก
“ประมาณนี้เหรอ?”
“ใช่แล้ว ไม่ต้องยานคราง”
“ครับ”
“ไม่ต้องครับด้วย มันขัดกับบุคลิก” ที่เธอเชื่อว่าเขาเป็นมาเฟีย ส่วนใหญ่มาจากชื่อและบุคลิกภายนอกโดยตรง เพราะรูปลักษณ์ของเขาเหมาะสมที่จะเป็นมาเฟีย
แต่จะเป็นมาเฟียสายโหดเหี้ยม หรือเป็นมาเฟียสายผดุงความยุติธรรมอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่าที่ฟังจากคำพูดคำจาที่ผ่านมา เขาดูเป็นคนที่โอนอ่อนใช้ได้เลยนะ ไม่มีความโหดเหี้ยม หรืออาจจะยังจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ค่อยได้ จึงยังไม่แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
“เอาเป็นว่า ถ้าคุณมีแหวนทองจริงๆ ล่ะก็ ฉันจะยอมอยู่กับคุณที่นี่” เธอถือโอกาสสร้างข้อตกลงเสียเลย ถึงจะเป็นของผี แต่ถ้าไม่ต้องไปเอาซากศพ ก็ถือว่าพอไหวอยู่