ดวงใจหมอกิต ตอนที่ 5

1003 Words
“จะไปไหนวะ ไหนบอกว่างไง มีเคสด่วนเหรอ” “อืม เคสด่วน กินเผื่อด้วยอย่าเมามากนะมึง พรุ่งนี้ทำงาน” “เออๆ ขับรถดีๆ” ผมยกมือบอกลาเพื่อนที่บอกให้ผมขับรถดีๆ เกือบจะยกเหล้าเข้าปากแล้วเหมือนกัน โลเคชั่นพาผมมาที่คอนโดแห่งหนึ่ง พอใกล้ตำแหน่งผมก็จอดรถแล้วลงรถเดินต่อไปอีกไม่ไกล “ยุงไม่กัดหรือไง” เดินมาหยุดตรงหน้าผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังซบหน้าลงบนหัวเข่าอยู่ตรงริมฟุตบาท คงไม่ใช่เรื่องดีที่อยู่ในสภาพนี้ “มาเร็วเหมือนกันนะหมอ” “เผื่อว่าเห็นหน้าแล้วจะพูดอะไรบ้าง ขึ้นรถสิจะพาไปกินข้าว” เธอพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ ให้ผม เป็นยิ้มที่ไม่เต็มใจเอาเสียเลย เอาเถอะอิ่มท้องแล้วค่อยคุย “รบกวนหมอหรือเปล่าคะ” ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงขึ้นมาบ้าง ยังดีที่ไม่เงียบ แบบนั้นผมใจไม่ดี “ให้ตอบยังไงดี” “เอาความจริงค่ะ” “กำลังสังสรรค์กับเพื่อนอยู่ ก็ว่างนั่นแหละ ว่างของพี่คือไม่ได้ทำงาน” ผมตั้งใจขับรถพาคนตัวเล็กข้างๆ มาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับคอนโดของตัวเอง เพราะคิดว่าเธอคงต้องการสถานที่เงียบสงบไม่วุ่นวาย เด็กสาวออกมานั่งอยู่ข้างถนนในเวลาแบบนี้ จะบอกว่าไม่เป็นอะไรก็คงโกหก “สั่งเลย อยากกินอะไร” เป็นครั้งที่สองที่ผมเต็มใจอยากเลี้ยงข้าวเธอ ตัวเล็กแบบนี้กินอาหารครบห้าหมู่บ้างหรือเปล่า เด็กสมัยนี้ชอบกินแต่ของไม่มีประโยชน์ บ้างก็อดข้าวเพื่อลดความอ้วน บางคนพึ่งยาตามโฆษณาที่ไม่มีความปลอดภัย มาหาหมอก็เยอะ แปลกเหมือนกันอยากหุ่นดีทำไมไม่ออกกำลังกายควบคุมอาหาร “หนูกลัวกินไม่หมดค่ะ” ผมเพิ่งสังเกตว่าแก้มด้านซ้ายมีรอยแดงคล้ายถูกตบมาด้วย อยากถามแต่ก็กลัวสะกิดบางอย่างในใจ คิดว่าสถานการณ์น่าจะแย่ไปมากกว่าเดิม “ไม่เป็นไร ห่อกลับบ้านก็ได้” “หนูไม่อยากกลับบ้าน” น้ำเสียงสั่นเครือทำให้ผมเริ่มใจไม่ดี ปัญหาเกิดจากที่บ้านแล้วหนึ่ง ผมมีส่วนเกี่ยวข้องแล้วสอง เพราะฉะนั้นผมต้องรับผิดชอบ “ไม่กลับก็ไม่กลับ แต่ว่าตอนนี้เธอต้องกินข้าวก่อน” “พะแนงไก่ค่ะ เพิ่มไข่ต้มด้วยนะคะ” “ได้สิ” น้ำตายังคลอเบ้าไม่หาย ดวงตาบอบช้ำเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง ผมไม่รู้ว่าทะเลาะกับที่บ้านยังไงถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแบบนี้ ไม่ดีเอาเสียเลย ผมไม่เห็นด้วย จะยังไงก็ช่างควรคุยกันด้วยเหตุผลมากกว่า แต่ก็อย่างว่า ครอบครัวแต่ละครอบครัวเหมือนกันที่ไหน “เธอชื่อญารินใช่มั้ย” “ใช่ค่ะ” เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาแม่ของญารินมาขอพบผมที่โรงพยาบาล ท่านพยายามสอบถามผมเรื่องลูกสาวว่าทำตัวก้าวร้าวใส่หรือเปล่าในวันเกิดเรื่อง ผมก็เพิ่งรู้ว่าคุณปู่ของเราเป็นเพื่อนกัน ท่านอยากให้ผมช่วยทำให้ผลการเรียนของญารินดีขึ้น ไม่คิดว่าการที่ผมอาสาตัวเป็นติวเตอร์ให้นั้นจะทำให้เธอมีปัญหากับครอบครัวรุนแรงขนาดนี้ รู้สึกผิดนะเอาจริง “แล้วคืนนี้จะพักที่ไหน มีที่พักหรือยัง ถ้ายัง คอนโดพี่มีห้องว่างนะ” “หมอจะบอกแม่มั้ย ขอร้อง อย่าเพิ่งบอกแม่ได้มั้ยคะ” “โอเค เพื่อความสบายใจ ไม่ต้องกังวลนะ พักผ่อนให้สบาย” “ขอบคุณค่ะ” ญารินกินข้าวหมดจาน อาหารคงอร่อยหรือไม่ก็คงหิวมาก พอจ่ายเงินเรียบร้อยผมก็พาเธอกลับคอนโดทันทีเพราะเธอยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย “ตามสบายนะ รกหน่อย” ผมยืนเกาหัวเมื่อต้องพาผู้หญิงเข้าห้องที่แสนรกของตัวเอง เพราะกลัวแม่บ้านเก็บของแล้วหาไม่เจอผมก็เลยยังไม่ให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาด “หมออยู่คนเดียวเหรอคะ” “ใช่สิ คนเดียว” “อายุเท่าไหร่แล้วคะ ทำไมยังไม่มีแฟน” ให้ตายสิ ผมอายจะตอบ เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนสำหรับผมมากจริงๆ นะ “ให้ทาย” “30” “มากไป หน้าพี่ดูแก่ขนาดนั้นเชียวเหรอ” ผมรีบขยับหน้าตัวเองไปหน้ากระจกเพื่อดูรอยเหี่ยวย่นทันที “ไม่แก่เลยค่ะ หน้าเด็กจนหนูไม่เชื่อว่าอายุมากกว่าด้วยซ้ำ” “พูดดี” “สรุปเท่าไหร่คะ” “28 แล้ว” “โห อายุมากกว่าหนูตั้งหกปีแน่ะ คุณลุงหมอ” ญารินเริ่มยิ้มออก แบบนี้ผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย ความเศร้าไม่เหมาะกับเธอเลยนะญาริน ยิ้มเยอะๆ เถอะแม้จะฝืนบ้างก็ตาม “ทรงลุง กำลังฮิตนะ” ผมพูดยิ้มๆ เพราะไม่อยากให้รอยยิ้มบนใบหน้าเล็กนั้นหายไป “กำลังฮิตทำไมถึงไม่มีแฟนสักทีล่ะคะ” แทงใจดำมาก ก็พยายามนะไม่ใช่ไม่พยายาม ด้วยงาน เวลา ด้วยมั้งถึงทำให้ดีลไม่ติดสักที “ใครบอก เคยมีหลายคนแล้ว” “หมายถึงตอนนี้ต่างหาก” “ไปอาบน้ำได้แล้วไป ดึกแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนหรือเปล่า” “พรุ่งนี้วันเสาร์ค่ะลุง” ใจคอจะเรียกลุงไปตลอดเลยใช่มั้ย แต่ถ้าเรียกแล้วทำให้ยิ้มก็เรียกไปเถอะ “อะ ลุงก็ลุง ใส่เสื้อผ้าพี่ไปก่อนนะ ห้องนอนเธอ ตรงนั้นตามสบาย” ห้องนอนนั้นเป็นของผมเอง เอาจริงๆ ก็ไม่มีหรอกห้องว่าง ห้องที่ว่างก็คือห้องนอนผมนั่นแหละ “ห้องนั้น แล้วหมอนอนไหน” “นี่ไง นอนมาตั้งแต่สมัยเรียน” ผมชี้โซฟาตัวโปรดคู่ทุกข์คู่ยากให้เธอดู ปวดหลังดีแต่ถ้าไม่ได้นอนตรงนี้ก็จะไม่หลับ “ทำไมหมอใช้ชีวิตลำบากจังเลยคะ” __________________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD