ดวงใจหมอกิต ตอนที่ 7

1236 Words
เหตุการณ์ก่อนหน้า “ฮึก พ่อคะ ฮื่อออ” “ญาริน มีอะไรหรือเปล่าลูก” “หนูไม่อยากอยู่กับแม่แล้ว หนูอยากไปอยู่กับพ่อ” ฉันร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กสามขวบวันนั้นที่อยากไปอยู่กับพ่อท่าเดียว “ใจเย็นๆ ก่อน หยุดร้อง แล้วตั้งใจอธิบายให้พ่อเข้าใจ” ฉันสูดน้ำมูกเสียงดัง หลังจากส่งโลเคชั่นไปให้หมอ ฉันก็รีบโทรหาพ่อทันที “แม่ตบหน้าหนู เพราะเรื่องเดิมๆ ไม่เคยรับฟังและก็เอาแต่เอาหนูไปเปรียบกับคนอื่น หนูก็ไม่ได้อยากเกิดมานักหรอก ถ้ารู้ว่าเกิดมาผิดเพศแล้วจะต้องเป็นแบบนี้ หนูขอไปเกิดเป็นลูกอีด่างข้างถนนดีกว่าค่ะ” เพราะคุณพ่อได้ลูกสาวจึงถูกส่งไปคุมงานบริษัทอยู่ต่างประเทศ นานๆ ครั้งจะกลับไทย ครอบครัวเราไม่เคยขัดสนเรื่องเงินทองเลย คุณปู่ยกบ้านและที่ดินให้ตั้งมากมาย เงินกงสีก็ได้ทุกเดือน แต่แม่ก็ยังไม่พอใจอยากให้ฉันแอคทีฟตัวเองมากกว่านี้ เพื่ออะไร? “ออกมาอยู่คอนโดมั้ย พ่อจะคุยกับแม่เอง แล้วก็อย่าเปรียบแบบนั้นอีก ลูกอีด่างอะไร” พ่อทำฉันขำทั้งน้ำตาได้อีกแล้ว “เฮ้อ หนูทำให้พ่อลำบากใจหรือเปล่าคะ” “ไม่สักนิด พ่อดีใจที่ลูกสาวคนนี้นึกถึงพ่อเป็นคนแรก” พ่อเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึง แต่ก็มีคนแรกกว่านั้นที่พยายามแทรกแซงคิวพ่อขึ้นมา “ก็หนูไม่มีใครแล้วนี่คะ ไปหาปู่ก็ไม่ได้ แบบนั้นแม่ได้โกรธหนักกว่าเดิมแน่นอน” ปู่ก็เหมือนพ่อ อบอุ่นรับรู้และเข้าใจฉันเสมอ แต่เพราะแม่เป็นแบบนี้ฉันถึงไม่ค่อยเอาปัญหาไปเล่าให้ปู่ฟัง กลัวว่าเรื่องมันจะหนักกว่าเดิม “ไปดูคอนโดใกล้มหา’ลัยมานะ กับแม่ พ่อจะคุยเอง” “ขอบคุณค่ะพ่อ หนูรักพ่อนะคะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึงพ่อที่สุดในโลกเลย อยากกอดด้วย” “อ้อนเก่งจังเลย อย่าคิดมากนะลูก มีปัญหาให้นึกถึงพ่อ พ่อจะอยู่ข้างๆ เสมอ” “ค่ะพ่อ บ๊ายบายค่ะ” ปัจจุบัน “ตาเยิ้ม พร้อมไปแล้ว” “หนูคอแข็งจะตาย ไม่เมาง่ายๆ หรอก อย่าหวังจะเคลมหนูตอนเมา” หมอกิตหัวเราะ หัวเราะทำไม หัวเราะแบบนี้ฉันใจไม่ดีเลยนะ หรือฉันคิดเข้าข้างตัวว่าน่าเคลม เออ คงใช่แหละ อย่างหมอกิตคงไม่ชายตาแลเด็กมีปัญหาวิ่งหนีออกจากบ้านกลางดึกแบบฉันหรอก ที่บอกว่าตัวเองคอแข็ง พูดจริงนะ เพราะแอบกินบ่อย เบียร์สองสามกระป๋องที่กินไปทำอะไรฉันไม่ได้หรอก “ตลก” “หมอไปนอนในห้องก็ได้นะคะ หนูนอนข้างนอกเอง” “ไม่เป็นไร อยู่เป็นเพื่อนได้ พี่นอนดึกอยู่แล้ว” “หมอ อดนอนเก่งนี่เนอะ” “ใช่” “แล้วหมอเป็นหมออะไรเหรอ” “กำลังเรียนต่อเฉพาะทาง สนใจมาเป็นเคสให้ศึกษามั้ย” ฉันส่ายหน้ารัว “เฉพาะทาง ด้านไหนคะ สูติหรือเปล่า” “ทำไม จะยอมเป็นเคสให้พี่หรือไง” “หมอพูดบ้าอะไรอ่ะ” “บ้าอะไร บ้าตรงไหน เป็นหมอสูติผิดหรือไง” ไม่ผิดหรอก ไม่ผิดเลยด้วยซ้ำ “ยังไม่ได้พูดสักหน่อยว่าผิด แล้วสรุป เฉพาะทางด้านอะไรคะ” “หัวใจ” “อ้อ โรคฮิตในหมู่คนทั่วไป คุณปู่ของหนูก็เป็นโรคนี้ค่ะ หลานๆ เรียนหมอเพื่อเอาใจกันยกใหญ่เลย” ฉันไม่ได้แช่งปู่หรอกนะ กว่าจะเรียนจบกันปู่ก็คงไปสบายแล้ว “เธอไม่สนบ้างเหรอ” “ไม่ต้องทำอะไรปู่ก็รักแล้วค่ะ ปู่รักหลานทุกคน มีแต่ผู้ใหญ่นั่นแหละที่ชอบปั่นลูกหลานสารพัดจนทำให้ครอบครัววุ่นวายไปหมด หนึ่งในนั้นก็คือแม่หนูนี่แหละ” เพราะเงินทองและทรัพย์สมบัติที่ปู่มี ทำให้พี่น้องที่เคยรักใคร่มองกันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป สะใภ้แต่ละคนที่แต่งเข้ามาก็ไม่มีใครเบาเลยสักคน หนึ่งในนั้นก็คือแม่ฉันเอง “แล้วจะเอายังไงต่อ จะอยู่ที่นี่ไปตลอดเลยหรือเปล่า” “หมอให้อยู่เหรอ” ฉันเอียงคอถาม ถ้าหมอใจดีฉันก็จะหน้าด้านอยู่ต่อ แต่ว่าไม่ยอมอยู่ฟรีหรอกนะ มีค่าเช่าให้ “ได้ไง แบบนี้พี่จะขายออกเมื่อไหร่” ห่วงสวัสดิภาพความโสดของตัวเอง “นั่นสิเนอะ ไม่เป็นไรค่ะ หนูล้อเล่น” “แล้วจะไปอยู่ไหน” “พ่อให้หาคอนโด อยู่ห่างจากแม่สักพักน่าจะดีขึ้นค่ะ” แม่ทั้งคนใครบ้างไม่รัก แต่ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วคุยกันไม่รู้เรื่อง อีกฝ่ายไม่ทำความเข้าใจและปรับตัวก็คงต้องห่างกันสักพัก “อืม แล้วคิดไว้หรือยังว่าอยากอยู่แถวไหน” “ที่จริงคอนโดนี้ก็น่าอยู่นะคะ ติดตรง แพงไปหน่อย” ฉันเกรงใจพ่อเรื่องค่าเช่า ถึงบ้านเราจะรวยก็ไม่ควรฟุ่มเฟือยเกินเหตุ มีบ้านก็อดทนอยู่ไม่ได้ “ลองไปดูใกล้มหา’ลัยสิ ถูกๆ น่าจะมี” “จะลองดูค่ะ ช่วงนี้ขออาศัยหมอไปก่อนนะคะ สัญญาว่าจะไม่วุ่นวาย” “เอาสิ อยู่ได้จนกว่าจะพร้อมย้ายออก เอาจริงๆ พี่ก็ไม่ค่อยได้กลับมานอนที่นี่สักเท่าไหร่” เชื่อแหละสภาพห้องดูแห้งเหี่ยวมาก “ขอบคุณค่ะ” “วันจันทร์ พี่จะมารับไปส่งมหา’ลัยก็แล้วกัน” “โอ๊ย ไม่ต้องหรอกค่ะ รถสาธารณะเยอะแยะ หนูเอาตัวรอดได้ไม่เป็นไรจริงๆๆ ค่ะ” “พี่ว่าง ว่างจริงๆ” แค่นี้ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว ไม่ใช่ญาติพี่น้องแต่ดีมากๆ มากกว่าญาติแท้ๆ เสียอีก เรื่องที่ฉันทะเลาะกับแม่ถ้ามีใครในตระกูลรู้สักคนก็คงเอาไปนินทาลับหลังกันไม่ไหว “ก็ได้ค่ะ ว่างก็ว่าง” “เจอกันวันจันทร์นะ พี่ไปละ” ดีเนอะ ดีกว่าญาติพี่น้องในสายเลือดของฉันอีก พอหมอไปฉันก็มองไปรอบๆ ห้องอีกรอบ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหงา ทั้งที่ควรจะชินได้แล้ว ไลน์! เสียงไลน์ทำให้ฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด Dr.Kit : อย่านอนดึกนักล่ะ ME : พรุ่งนี้วันเสาร์ค่ะลุง Dr.Kit : รู้แล้วๆ เป็นเด็กห้ามนอนดึก สมองจะไม่พัฒนารู้มั้ย หมอกำลังหลอกด่าฉันอยู่เหรอ ME : นอนดึกแค่คืนเดียวคงไม่โง่หรอกค่ะ Dr.Kit : ฝันดี สติ๊กเกอร์แมวหาว สติ๊กเกอร์เยอะจริงๆ เลยคุณหมอเนี่ย วันจันทร์ “ญาริน ทางนี้ๆ” “แกเป็นอะไร ทำไมหน้าตาตื่นแบบนี้” ไอติมไม่พูดเลือกดึงแขนฉันมาที่ปลอดคน “ใครมาส่ง” “หมอ” ฉันตอบไปแค่นั้นเพราะยังไม่อยากลงรายละเอียด ตอนเย็นหมอก็จะมารับอีกนั่นแหละ “มีเรื่องอะไร ทำไมไม่บอก” ไอติมน้ำตาคลอทำฉันตกใจต้องรีบคว้าข้อมือเพื่อนขึ้นมา “ไม่ได้เป็นอะไรเลย ร้องไห้ทำไม” “ยังไม่บอกอีก ทำไมต้องให้รู้จากปากคนอื่น” ฉันเม้มปากแน่น ต้องเป็นฝีมือของญาติฉันแน่เลย พอรู้แบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “รู้ทั้งคณะแล้วเหรอ” “ทั้งมอเลยแหละ ข่าวแรงมากด้วย” ---------------------
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD