ดวงใจหมอกิต ตอนที่ 15

1033 Words
“ว่ามา จะหาเรื่องอะไรอีก ถ้าโกรธที่ถูกฉันชกเบ้าตาเขียวล่ะก็ขอโทษด้วยนะ พอดีว่าเป็นคนเก็บอารมณ์ไม่ค่อยอยู่” คิดว่าฉันกลัวหรือไง มีลูกไล่ติดตามมาด้วยตั้งสองคน ถ้าคิดจะรุมก็เข้ามาอย่างน้อยก็แค่เจ็บแล้วก็อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้รุมง่ายๆ “คุณปู่ให้คนมารับแกไปทำไม” “อยากรู้ทำไมไม่ถามปู่เอง หรือว่า เบ้าตายังไม่หายเขียวก็เลยไม่กล้าเข้าไปเสนอหน้า” พูดจบฉันก็หัวเราะออกมาเสียงดังแบบไม่ห่วงความสวยของตัวเองจะลดน้อยลงไปเลย ก็มันสะใจนี่ ทำขนาดนั้นโรคอิจฉาก็ยังไม่หาย ต้องอีกข้างหรือเปล่า “อยากให้คุณปู่มาเห็นแกตอนนี้จัง” “ต่อหน้าลับหลังก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันอยากให้มาเห็นแกมากกว่า ต่อหน้ากับลับหลังเหมือนกันที่ไหน” “อีญาริน” “ปล่อยมันออกมากเลย อย่าอดทน อยู่กันแค่นี้หยุดคีฟลุกสักทีฉันไม่ชินเลย” ฉันกอดอกมองยัยมิลล์แล้วกระตุกยิ้ม “อย่าเสียเวลาเลย” “คุณหนูอย่างเธอเคยตบคนด้วยเหรอ อ่อ คงไม่เคย ถ้าเคยคงไม่ชวนเพื่อนแสนดีมาด้วยหรอกใช่มั้ย สองคนเลยเหรอ แล้วฉันจะสู้ได้มั้ยเนี่ย” การมีเรื่องทะเลาะวิวาทถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในสถานศึกษามีความผิดอยู่แล้ว แต่จะให้ฉันทำยังไง โทรแจ้งตำรวจหรือวิ่งแจ้นไปฟ้องอาจารย์ดีล่ะ นั่นไม่ใช่ฉันหรอก ไม่ใช่นิสัยของอีญารินคนนี้ “เอาเลยมิลล์” หนึ่งในสองคนพูดขึ้น “ไปจับมันสิ” คิดเหรอว่าฉันจะยอมให้จับง่ายๆ ไม่ใช่ฉากตบตีในละครหลังข่าว แต่มันคือสถานการณ์จริงที่ฉันกำลังเผชิญ ฉันเลือกยกเท้าขึ้นสูงแล้วออกแรงดันอีคนแรกที่มันวิ่งเข้ามาจนล้มลงไปกองกับพื้น “โอ๊ย มิลล์ยืนมองอะไรล่ะ จะให้คนมาเห็นก่อนหรือไง” คนล้มลงไปออกคำสั่ง ฉันไม่รู้จักยัยพวกนี้เลยสักคนเพราะไม่เคยใส่ใจ ขนาดไม่รู้จักกันก็ยังทำกันได้ลง “ฉันไม่เคยทำอะไรให้พวกเธอ” “กลัวหรือไง” “ไม่ได้กลัว แต่แค่เป็นห่วงสวัสดิภาพ อย่าลืมสิว่าฉันก็ลูกหลานนามสกุลใหญ่เหมือนกัน แล้วที่สำคัญ ฉันคือหลานรักปู่ ไม่ใช่ยัยนั่น” ทั้งสองเริ่มลังเล คิดว่ายัยมิลล์ใหญ่คนเดียวหรือไงเอาสิฉันก็เบ่งได้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นใคร “อย่าไปฟังมัน” “ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเธอต้องรับผิดชอบพวกเราด้วยนะมิลล์” “ฉันจ่ายเพิ่มให้อีกสองเท่าเลย” หลังจากได้ยินแบบนั้นฉันก็ถูกสองคนนั้นเข้ามาล็อกแขนเอาไว้แน่น พยายามดิ้นให้แรงที่สุดเอาให้หลุดออกไปให้ได้แต่ก็ยากเหลือเกิน “รออะไรล่ะ ตบมันสิ” เพี๊ยะ! รู้สึกได้ถึงความแรงที่ถูกฝ่ามือฟาดลงมา แรงดีกว่าแม่ฉันอีก แบบนี้ยอมได้ที่ไหน แม่ยังไม่ตบฉันแรงขนาดนี้เลย “นี่สำหรับที่แกก้าวร้าวแม่ฉัน” “เอาอีกสิ แรงได้แค่นี้เองเหรอ” “แกได้เจอแน่” หลังจากนั้นฉันก็ถูกฝ่ามือของยัยมิลล์กระหน่ำตบไม่ยั้ง พวกมันสามคนหัวเราะชอบใจที่เห็นฉันมีเลือดออก “อย่างแก จะสู้อะไรฉันได้ แกไม่มีอะไรสู้ฉันได้เลย” “หึ” ระหว่างที่พวกมันกำลังได้ใจฉันก็ฮึดแรงที่เก็บไว้สะบัดแขนออกจากการถูกจับเอาไว้จนเป็นอิสระ “ว้าย!” “แกตบฉันไปกี่ที” เพี๊ยะ “โอ๊ย” อะไรก็หยุดฉันไม่ได้แล้วตอนนี้ คิดว่าขว้างก้อนหินมาแล้วฉันจะโยนดอกไม้กลับไปงั้นเหรอ “อย่าเป็นเลยนะหมอ สงสารคนไข้” เพี๊ยะ “ยืนบื้อทำไมกัน ไปตามคนมาช่วยสิ” ฉันหันไปมองสองคนที่ยืนอึ้ง คิดไม่ถึงล่ะสิว่าฉันจะบ้าได้มากขนาดนี้ “อย่าเพิ่งไปสิ เพิ่งเริ่มเอง” ฉันเหมือนคนโรคจิตที่คลุ้มคลั่งไม่ฟังเสียง “เร็วๆ” เพี๊ยะ! “นี่สำหรับที่จ้างคนมาช่วย นับจากนี้ต่อไปแกไม่ใช่ญาติฉัน” ปึก! ฉันกำหมัดแล้วอัดลงไปที่เบ้าตาอีกข้างที่ยังไม่เคยโดน “อีญาริน” “ญาริน ญารินหยุด” รุ่นพี่มาจากไหนไม่รู้ พากันกรูเข้ามาดึงฉันให้แยกออกจากยัยมิลล์ หนึ่งในนั้นคือพี่ซีเจย์ “ไปฟ้องแม่ ฟ้องพ่อ เลยสิ” “รีบไปจากตรงนี้ก่อนที่อาจารย์จะมา” พี่ซีเจย์รีบหิ้วฉันออกมาจากจุดเกิดเหตุ สภาพของฉันค่อนข้างสะบักสะบอมเหมือนกัน รู้สึกเจ็บหน้าเจ็บปากไปหมด “ไปหาหมอเถอะ สภาพดูไม่ได้เลย” ฉันรีบส่ายหน้าทันที “ไม่เป็นไรค่ะ แผลแค่นี้ทายาก็หาย” “เลือดออกขนาดนี้มันไม่เล็กเลยนะ” “พี่ไปดูยัยมิลล์เถอะค่ะ” ฉันยกมือเช็ดเลือดที่ปากออก ถ้ายังไม่มีคนเข้ามาห้ามยัยมิลล์มันได้ตายคามือฉันแน่นอน “ญาริน” “ไม่ไปค่ะ” ถ้าพาไปหาหมอต้องไปโรงพยาบาลที่อยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยไปเกือบสิบกิโลเมตรถึงจะไม่เจอหมอกิต ฝ่าดงรถติดไปอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง แบบนั้นไม่เอาหรอก “อย่าดื้อได้มั้ย พี่จะโทรบอกรุ่นพี่ที่รู้จักไว้ ไปถึงจะได้เข้าตรวจเลย” จะอ้าปากเถียงก็รู้สึกเจ็บ พี่ซีเจย์พูดจบก็หยิบมือถือขึ้นมากดหารุ่นพี่คนนั้นที่พูดถึงทันที “พี่ธนินว่างมั้ยครับ ผมจะพาน้องเข้าไปทำแผลฉีดยา” ธนินเหรอ หมอที่พี่ซีเจย์รู้จักชื่อธนิน “โรงพยาบาลไหนคะ” “ใกล้มอเรานี่เอง ปะ พี่นัดหมอให้แล้ว” ซวย! โรงพยาบาลใกล้มอ ถ้าหมอกิตเห็นฉันสภาพนี้ _____________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD