ป๊ะป๋าขา เกี่ยวก้อยมาแล้ว 3

1409 Words
แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อของโรงพยาบาลรัฐฯ ขนาดใหญ่ของประเทศไทย เก็ตถวาซึ่งมีเพียงกระเป๋าเป้หนึ่งใบสะพายติดหลังมาด้วย สองแขนของหญิงสาวอุ้มเด็กหญิงกานต์พิชญาไว้แนบอก แววตาตั้งมั่นและเด็ดเดี่ยวมองไปข้างหน้า สาวเจ้าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกพลังก่อนจะไปออกรบ เอ๊ย! เผชิญหน้ากับพ่อของลูก “สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบคุณหมอ กวินทร์ อิศราวัฒนากุล” เก็ตถวาไม่แน่ใจว่าเขาทำงานอยู่ที่นี่หรือเปล่า แต่ที่เธอตัดสินใจมา เพราะนำชื่อและนามสกุลของชายหนุ่มไปค้นหาดูในเว็บไซต์กูเกิล ซึ่งข้อมูลที่ได้บอกว่าเขาเป็นแพทย์เฉพาะทางออร์โธปิดิกส์หรือหมอกระดูกประจำโรงพยาบาลแห่งนี้ “ไม่ทราบว่าเป็นคนไข้ หรือว่านัดพบคุณหมอเป็นการส่วนตัวคะ” “ไม่ใช่ทั้งคนไข้ และไม่ได้นัดไว้ค่ะ แต่รบกวนคุณพยาบาลแจ้งคุณหมอว่าเมียกับลูกมาหา” เท่านั้นแหละค่ะ! คุณพยาบาลถึงกับช็อกตาตั้งเลยทีเดียว ก็แหม! โรงพยาบาลถึงแม้จะใหญ่โต แต่บุคลากรก็ใช่ว่าจะมากมายอะไร ย่อมต้องรู้จักกันบ้าง ไม่มากก็น้อยแหละ แล้วอีตากวินทร์ซึ่งเป็นอดีตผัว เอ๊ย! แฟนของเธอ นิสัยขี้หลีกับชะนีหน้าสวยไปทั่ว มีหรือนางพยาบาลคนสวยตรงหน้าของเธอจะรอดพ้นสายตาที่ยิ่งกว่าสับปะรดของตานั่นไปได้ ไม่มีทาง! “เออ.. เมียกับลูกหรือคะ” “ใช่ค่ะ เมียชื่อเก็ตถวากับลูกสาวของหมอภีม รบกวนคุณพยาบาลแจ้งให้ด้วยนะคะ” รอไม่ถึงสิบนาที คุณพยาบาลคนเดิมก็มาแจ้งกับเธอว่าให้ไปพบคุณหมอกวินทร์ที่ห้องทำงานส่วนตัว ใจของเก็ตถวาเต้นแรงจนแทบทะลุอก ด้วยว่าตื่นเต้นที่จะได้เจอหน้าอดีตแฟนอีกครั้ง แถมการเจอในครั้งนี้ เธอไม่ได้มาหาเขาคนเดียว แต่ยังมีหนูน้อยอีกคนซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขและสายใยระหว่างทั้งคู่   ร่างสูงของคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ยังคงดูดีและมีราศีเหมือนเดิม หรืออาจจะมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ เก็ตถวาค่อยๆ เดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะหย่อนสะโพกงามลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับชายหนุ่ม “พี่ภีม..” กวินทร์เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร สายตาสองคู่สบประสานกันอย่างมิได้นัดหมาย ชายหนุ่มมองคนตรงหน้าเพียงครู่ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองจ้องที่แม่หนูตัวน้อยในอ้อมแขนของเก็ตถวา “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ความว่างเปล่าในดวงตาของกวินทร์ กระตุกหัวใจของเก็ตถวาได้ไม่น้อย ความมั่นใจที่พกมาเต็มร้อย ตอนนี้ลดลงจนแทบจะเหลือศูนย์ แต่ในเมื่อมันมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอก็ต้องลองเสี่ยงดูสักตั้ง ถ้าชายหนุ่มปฏิเสธความรับผิดชอบหรือไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ เครื่องเพชรอันเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายจากคุณย่าสุดที่รัก ซึ่งจากโลกไปได้หลายปี คงจะเป็นทางออกให้เธอได้ แต่ถ้ามันไม่เข้าตาจนจริงๆ เธอไม่มีทางขายเด็ดขาด “ค่ะ พี่ภีมสบายดีนะคะ” “ก็อย่างที่เห็น” พยาบาลที่เข้ามาแจ้ง บอกแค่ว่าเก็ตถวามาขอพบ ไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเจ้าหล่อนถึงต้องการเจอเขา แต่กระนั้นชายหนุ่มก็ไม่ใคร่อยากจะรู้จากปากของคนอื่นนัก เพราะอยากรู้จากแม่คนตัวเล็กที่นั่งตรงข้ามมากกว่า “แก้มมาขอให้พี่ภีมช่วย” คิ้วหนาที่พาดผ่านดวงตาทั้งสองข้าง เลิกขึ้นเป็นเชิงถาม ทั้งยังแสดงความถึงความแปลกใจนายแพทย์หนุ่มด้วย “ช่วย.. เรื่อง?” “แก้มขอถามอะไรพี่ภีมก่อนได้ไหมคะ” เอากับแม่คุณเขาสิ! ขอให้คนอื่นช่วย พอถามว่าจะให้ช่วยอะไร เจ้าหล่อนกลับมาถามเขากลับเสียนี่ กวินทร์พยักหน้าเล็กน้อย แม้หูของเขาจะทำหน้าที่ฟังเก็ตถวา แต่สายตากลับจดจ้องไปที่แม่หนูน้อยตัวเล็กที่ช่างหน้าตาน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน เขาไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร แต่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ให้น้ำหนักไปว่า เก็ตถวาน่าจะเป็นแม่ของเด็กผู้หญิงคนนี้ แล้วใครล่ะ พ่อของหนูน้อย… “พี่ภีมมีแฟนหรือยัง” “หือ? ทำไมถามเรื่องนี้ล่ะ” “ตอบค่ะ” “ก็.. ยังนะ” “คนที่กำลังคุยๆ สาวที่กำลังจีบ?” ชายหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเพียงครู่ ก่อนจะส่ายหน้า “ไม่นะ ทำไมมาถึงก็ถามแต่คำถามแปลกๆ” เจ้าของคำถามแปลกๆ ยิ้มกรุ้มกริ่ม ก่อนที่เรียวปากอวบอิ่มจะเอ่ยในสิ่งที่ทำให้คุณหมอเกือบจะหัวใจวายตาย “ก็แก้มไปบอกพี่พยาบาลที่มาบอกพี่ภีมเมื่อกี้ว่า ลูกกับเมียจะขอพบน่ะสิคะ” “ฮะ!” กวินทร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดวงตาทั้งสองข้างมองสลับไปมาระหว่างเก็ตถวากับหนูน้อยที่เขาพึ่งชมในใจว่าน่ารักไปหยกๆ “ตกใจอะไรขนาดนั้นคะพี่ภีม” ดู๊ดู! แม่ตัวดียังกล้ามาถามเขาอีกว่าจะตกใจอะไรขนาดนั้น “ก็แก้มเล่นไปบอกพยาบาลว่าเมียกับลูกมาหา ใครบ้างวะจะ ไม่ตกใจ” น้ำเสียงของกวินทร์เจือแววไม่พอใจนิดๆ แต่หญิงสาวที่นั่งทำตาปริบๆ หาได้หวั่นไม่ “ที่แก้มบอกว่ามีเรื่องจะขอให้พี่ภีมช่วยน่ะ คือว่า.. แก้มจะขอมาอยู่กับพี่สักพัก” “ฮะ! หมายความว่าไง” ตาสองชั้นที่หวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าของนายแพทย์กวินทร์เบิกโพลงจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า มือสองข้างยกขึ้นมาทาบอก พลางอุทานในใจว่า ‘โอ้แม่เจ้า!’ เมื่อแฟนสาวที่เลิกรากันไปโดยที่ไม่มีคำกล่าวลาสักคำ จู่ๆ ก็กลับมาหา พร้อมหอบเด็กหญิงผู้น่ารักน่าชังที่เจ้าหล่อนบอกว่าเป็นลูกของเขามาด้วย แถมยังจะมาขออยู่ด้วยอีก กวินทร์ขอเป็นลมแป๊บ “สามปีก่อนเราโจ๊ะพรึมพรึมกัน พี่ภีมอย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” ไม่มีความเอียงอายเหลืออยู่เลยสักนิด ตอนนี้เก็ตถวาคิดเพียงแค่ว่า ทำยังไงถึงจะไม่ต้องแต่งงานกับสมพงษ์แค่นั้น “ก็..” ชายหนุ่มยกมือเกาหัวแก๊กๆ ใครมันจะจำไม่ได้กันเล่า ถึงแม้จะผ่านสมรภูมิรักกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่มีเพียงเก็ตถวาเท่านั้นที่เขาคบหาเป็นแฟนจริงๆ จังๆ ส่วนคนอื่นแค่ลองคุย แล้วก็ห่างหายจากชีวิตกันไป ไม่ได้มีช่วงเวลาผูกพัน หรือน่าจดจำให้นึกถึง “อย่าให้แก้มต้องทบทวนความจำเลยนะ ว่าพี่ภีมน่ะชอบด้นสด” ใช่! เป็นอย่างที่หญิงสาวพูดจริงๆ ด้วยว่าตอนนั้นเก็ตถวาใกล้จะเรียนจบ ส่วนเขาเองก็พร้อมจะแต่งงานมีครอบครัว และฝันอยากจะมีลูกตัวเล็กๆ เป็นของตัวเอง จึงปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ โดยไม่ได้ใช้เครื่องป้องกัน หรือวิธีป้องกันใดๆ เลย งั้นก็แสดงว่า.. “นี่ลูกของพี่?” กวินทร์ชี้ไปที่เด็กผู้หญิงในอ้อมแขนของแฟนเก่า แม่หนูน้อยมองมาที่ตน ก่อนจะยิ้มแฉ่งโชว์ฟันขาว แม้ว่าตอนนั้นอยากจะสร้างครอบครัวกับเก็ตถวา แต่ตอนนั้นมันก็คือตอนนั้นหรือเปล่าวะ ตอนนี้มันไม่ใช่โว้ย! “โอ้พระเจ้า!” หนุ่มโสดอยู่ในโหมดคาสโนวา อยากจะบ้าตายวันละหลายๆ รอบ “ลูกพี่ภีมค่ะ ชื่อน้องเกี่ยวก้อย” เก็ตถวาแนะนำเด็กน้อยวันกระเตาะให้เขารู้จักอย่างแสนธรรมดา ราวกับว่ากำลังแนะนำให้รู้จักเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น แต่นี่มัน.. ลูก ลูก ลูก! “นี่จ้อจี้ใช่ไหมแก้ม” ไม่ใช่ว่าไม่ยอมรับ แต่มันเร็วเกินไปสำหรับการทำใจเป็นพ่อคนแบบปุ๊บปั๊บ ยังไม่ทันได้ตั้งตัวแบบนี้ “เรื่องจริงค่ะ ช่วยกันทำมา ก็ต้องช่วยแก้มเลี้ยงด้วย” ให้ตายเถอะ! หมดกันชีวิตโสดที่กวินทร์หวงแหน คนที่กำลังจะร้องไห้หันไปมองเด็กหญิงแก้มป่องที่ยิ้มแฉ่งให้เขา สายตาของแม่หนูเหมือนกับกำลังบอกว่า ‘พ่อจ๋าๆ มาเล่นกันเถอะ’ สองมือของกวินทร์ยกขึ้นปิดหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะตะโกนร้องในใจว่า ‘กูจะบ้าตายยย’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD