พาเข้าบ้าน

1323 Words
มนสิชามาหาศรันย์ที่ห้องผู้ป่วยรวมของโรงพยาบาล เธอจัดแจงให้ผู้เป็นบิดากินอาหารและยาจนเรียบร้อย จึงขอตัวไปจัดการเรื่องการย้ายพ่อไปอยู่ห้องพิเศษของโรงพยาบาลและไปติดต่อเรื่องพยาบาลพิเศษที่จะให้มาดูแลศรันย์เวลากลางคืนระหว่างที่เธอไป 'ทำงาน' อีกด้วย ศรันย์ที่ถูกย้ายมาห้องพิเศษเอ่ยถามมนสิชาด้วยความไม่สบายใจ ด้วยเป็นกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย “ม่อน.. ย้ายพ่อมาทำไมลูก ห้องพิเศษแบบนี้คืนหนึ่งคงจะหลายตังค์” มนสิชาได้ยินผู้เป็นบิดาถามดังนั้นจึงตัดสินใจบอกว่าเธอไปทำงาน แต่ไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ศรันย์ฟัง “พ่อไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ ม่อนพึ่งได้งานทำ คงจะพอค่ารักษาพ่อ” ศรันย์มองลูกสาวด้วยความสงสารและรู้สึกหดหู่อยู่ภายในใจ มนสิชาไม่ควรต้องมาทำงาน เวลานี้ควรจะท่องหนังสือเตรียมสอบ เพื่อเข้ามหา’ ลัย ไปเรียนในคณะที่ใฝ่ฝัน ไม่ใช่มาทำงานงกๆ เพื่อหาเงินมารักษาพ่อที่ไม่ได้เรื่องและรอวันตายอย่างเขา พลันนึกได้แบบนั้น น้ำตาของศรันย์จึงเอ่อไหล มนสิชาเห็นเข้ารู้สึกตกใจ รีบถลาเข้าหาศรันย์ทันที “พ่อจ๋า..พ่อเป็นอะไรจ๊ะ” หญิงสาวคว้าเอามือหยาบที่บ่งบอกว่าผ่านการกรำงานหนักมาเพียงใด มากุมไว้เพื่อส่งผ่านกำลังใจให้บิดา “พ่อ.. สงสารม่อน” ศรันย์เอ่ยเสียงเศร้า "โธ่..พ่ออย่าลืมสิจ๊ะ ว่าลูกสาวของพ่อคนนี้เก่งและแกร่งแค่ไหน พ่อไม่ต้องห่วงม่อนเลยนะ พ่อแค่รักษาตัวให้ดี แค่นี้ม่อนก็มีกำลังใจที่จะต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างแล้วจ้ะ"เจ้าหล่อนพยายามเก็บความทุกข์เอาไว้และทำตัวเองให้สดใส เพื่อให้ศรันย์ที่ป่วยทางกายอยู่แล้วไม่ป่วยทางใจเพิ่มขึ้นอีก เธอรู้ดีว่าเวลาของพ่อเหลือน้อยทุกที ดังนั้นเวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้ มนสิชาจึงอยากทำทุกอย่างเพื่อพ่อให้ดีที่สุดเท่าที่ลูกสาวอย่างเธอจะทำได้ มนสิชาบอกศรันย์ว่าจะมาดูแลและอยู่ด้วยแค่ช่วงกลางวัน ส่วนเวลากลางคืนต้องไปค้างบ้านเพื่อน เพื่อทำงานแพ็กของช่วยเขา ทีแรกศรันย์มีท่าทีกังวลและเป็นห่วง เธอจึงอ้างชื่อเพื่อนสนิทอย่างศิวัฒน์ ซึ่งครอบครัวของเขาทำธุรกิจเกี่ยวกับห้างสรรพสินค้าและส่งออกอาหาร ผู้เป็นพ่อที่รู้จักมักคุ้นกับศิวัฒน์ดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ตะขิดตะขวงใจ และเบาใจขึ้นเมื่อได้รู้ว่าลูกสาวไปทำงานแพ็กของที่ห้างสรรพสินค้าของครอบครัวชายหนุ่ม มนสิชามองศรันย์ที่นอนหลับอยู่บนเตียง น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาด้วยความรู้สึกผิดที่ต้องพูดโกหกบิดา เธอค่อยๆ ก้มลงกราบที่เท้าของศรันย์เพื่อขอโทษ “พ่อจ๋า.. ม่อนขอโทษนะ ม่อนจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้พ่อสบายใจ” มนสิชายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้มนวล “ขออนุญาตค่ะ ฉันเป็นพยาบาลที่คุณแจ้งว่าต้องการให้มาดูแลคนไข้ในช่วงกลางคืน” มนสิชารีบเช็ดน้ำตา ก่อนจะหันไปยิ้มและพยักหน้าให้คุณพยาบาลเล็กน้อย เธอหันไปมองศรันย์อีกครั้ง “ฉันฝากพ่อด้วยนะคะ มีอะไรสามารถโทรหาฉันได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง” “ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันจะดูแลคุณพ่อคุณให้เอง” “ขอบคุณค่ะ งั้นฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” มนสิชาเก็บโทรศัพท์และของเล็กๆ น้อยๆ ของตนใส่กระเป๋าสะพายใบเก่า ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรอรถกลับบ้าน นับตั้งแต่วินาทีนี้ งานของเธอกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ.. มนสิชามองบ้านที่มีแต่ความทรงจำระหว่างเธอกับพ่อ เมื่อศรันย์ต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาล บ้านที่เคยดูอบอุ่นสำหรับเธอ บัดนี้กลับเศร้าหมองเหลือเกิน ส่วนวิจิตรานั้นหายไปตั้งแต่วันที่ได้เงินหนึ่งแสน ไม่แม้แต่จะไปเยี่ยมหรือโทรถามไถ่อาการศรันย์เลยสักนิด ขาเรียวสวยก้าวลงจากแท็กซี่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ของเธอ มนสิชามองคอนโดมิเนียมหรูที่เธอพึ่งได้เข้าไปเหยียบมาเมื่อวาน และวันนี้ต้องกลับมาที่นี่อีก ด้วยความที่ไม่รู้เบอร์ติดต่อของดนย์ จึงต้องนั่งรออยู่โซฟาบริเวณโถงกลางที่ทางคอนโดจัดไว้ให้แขกนั่งพัก หนึ่งชั่วโมงผ่านไป มนสิชาที่เผลอหลับสนิท รู้สึกเหมือนใครมาสะกิดปลุกให้ตื่น “ตื่น!” เธอรู้สึกหงุดหงิดเพราะกำลังนอนหลับสบาย แต่เมื่อเห็นว่าคนที่มาปลุกคือดนย์ สมองและสองขารีบทำงานทันที “คุณ” หญิงสาวรีบดีดตัวลุกขึ้นจากท่านอนมาเป็นท่านั่ง “มานอนอะไรตรงนี้” ดนย์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ใบหน้าที่ดูเงียบขรึมเหมือนผีดิบของดนย์ ทำให้มนสิชานึกกลัว “มารอคุณ” “แล้วทำไมไม่โทรหา” “ฉันไม่มีเบอร์ของคุณ จะโทรหาคุณได้ไง” “งั้นตามมา” ดนย์รู้สึกหัวเสียนิดๆ ที่แม่ตัวดีมานอนเป็นอาหารตาให้ผู้ชายที่เดินผ่านไปผ่านมาดู มนสิชาลากกระเป๋าเดินทางตามเขา นึกแปลกใจเมื่อเห็นว่าดนย์ไม่ได้พาเธอไปที่ชั้นบนสุดเหมือนเมื่อวาน แต่พาไปที่ลานจอดรถแทน เมอร์เซเดชเบนซ์ที่แล่นอยู่ถนนใจกลางกรุงนานนับชั่วโมง ในที่สุดมันก็พามนสิชามาถึงบ้านของดนย์ ที่ๆ เธอต้องมาอาศัยอยู่ถึงสองปี ดนย์พาเธอมารู้จักกับป้าสมรหรือนมหมอนของเขา และมะลิซึ่งเป็นหลานสาวของป้าสมร ซึ่งดูแล้วน่าจะอายุมากกว่าเธอหลายปี “เธอต้องการอะไรก็บอกมะลิได้เลยนะ” ดนย์กล่าวเพียงแค่นั้น ก็ใช้ฝ่ามือดันหลังมนสิชาเบาๆ เพื่อให้เดินขึ้นบันไดกับเขาไป โดยไม่ได้แนะนำให้ป้าสมรและมะลิรู้ว่าหญิงสาวมาอยู่ที่บ้านนี้ในฐานะอะไร “นอนห้องนี้นะ ฉันให้มะลิมาทำความสะอาดไว้แล้ว อยู่ได้ไหม” มนสิชามองสำรวจห้องนอน ซึ่งความกว้างของมันเกือบเท่าๆ กับครึ่งบ้านของเธอก็ว่าได้ “ได้ค่ะ” “เออ.. เธอชื่ออะไรนะ” มนสิชาแทบจะไม่เชื่อหู พระเจ้า! เขามาถามชื่อเธอตอนนี้นี่ นะ ทั้งๆ ที่เมื่อวานเขาและเธอเคยนอนด้วยกันมาแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับไม่รู้แม้กระทั่งชื่อเธอ “คะ?” “ชื่อเธอน่ะ ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกเธอถูก” “มนสิชาค่ะ เรียกม่อนก็ได้นะคะ” “ม่อน..” ดนย์เอ่ยเหมือนทวนชื่อของหญิงสาวตรงหน้า “เธอรู้จักชื่อฉันแล้วใช่ไหม” “ค่ะ” “อืม.. งั้นจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เถอะ เดี๋ยวฉันให้มะลิมาช่วย” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ของแค่นี้ ฉันจัดการเองได้” ดนย์ได้ยินดังนั้นจึงไม่เซ้าซี้ เขาเดินออกจากห้องเพื่อให้เจ้าหล่อนได้มีเวลาเป็นส่วนตัว กระเป๋าเดินทางขนาดกลางถูกนำมาวางบนเตียงหนุ่มขนาดคิงไซต์ เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดและโน้ตบุ๊กหนึ่งเครื่องถูกเก็บให้เข้าที่เข้าทาง มนสิชาใช้เวลาไม่นานในการเก็บของ เจ้าหล่อนเหลือบมองนาฬิกาซึ่งบอกเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าๆ หญิงสาวจึงเดินลงไปข้างล่างเพื่อถามหาดนย์ เพราะจะขออนุญาตออกไปหาพ่อที่โรงพยาบาล แต่ได้ความว่าชายหนุ่มออกไปที่บริษัทแล้ว จึงฝากมะลิบอกเขาว่าจะออกไปข้างนอกสักพัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD