ช่วงสายๆ ของวัน หลังจากคุณหมอมาตรวจศรันย์เสร็จแล้ว มนสิชาจึงกลับบ้านเพื่อมาคุยกับวิจิตรา ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะมาเยี่ยมหรือโทรถามข่าวคราวของบิดาเธอเลย
มนสิชาก้าวลงจากรถสองแถวพอดีกับที่วิจิตรากำลังปิดประตูรั้วเพื่อจะเตรียมออกจากบ้าน ปกติแม่เลี้ยงของเธอจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ แต่วันนี้เป็นวันพระ วงไพ่จึงตั้งกันสายๆ ฤกษ์ออกจากบ้านของนางจึงเป็นเวลานี้ เห็นดังนั้น มนสิชาจึงรีบตะโกนเรียกแม่เลี้ยงของตน “คุณ อย่าพึ่งไป หนูขอคุยด้วยหน่อยสิ”
“อะไร! ถ้าจะมาขอเงิน ฉันไม่มีให้หรอกนะ”
“ไม่ได้จะมาขอเงิน แต่จะคุยเรื่องคนที่คุณบอกว่าเขาต้องการตัวหนูแลกกับเงินห้าแสน”
เมื่อวิจิตราได้ฟังเช่นนั้น ตาของนางโตจนแทบจะถลนออกมานอกเบ้า เพราะไม่คิดว่าลูกเลี้ยงของนางจะสนใจข้อเสนอนี้ วิจิตราเปลี่ยนเป็นคนละคน นางรีบเข้าไปพะเน้าพะนอจูงแขนมนสิชาเข้าบ้านทันที
“นั่งก่อนนะจ๊ะหนูม่อน มาเหนื่อยๆ เดี๋ยวแม่ไปเอาน้ำเย็นๆ มาให้ดื่มก่อนดีกว่านะ แล้วเราค่อยมาคุยกัน”
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่ต้อง หนูรีบ เรามาคุยกันให้เสร็จๆ เลยดีกว่า”
เมื่อเห็นว่ามนสิชาเข้าเรื่องเร็ว นางจึงไม่พิรี้พิไรอะไรอีก “หนูม่อนยอมที่จะให้คุณเขาอุปการะเลี้ยงดูหนูแล้วเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ แต่คุณบอกว่าเขาจะให้เงินสดมาห้าแสนใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ”
“หนูขอสี่แสน หนูยกให้คุณหนึ่งแสน ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาของคุณ”
วิจิตราได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นไม่พอใจทันที แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น นางรีบปรับอารมณ์และพยายามคุยกับมนสิชาอย่างใจเย็นที่สุด “ทำไมพูดแบบนั้นละจ๊ะหนูม่อน เงินนั่นต้องเป็นของแม่สิ”
“คุณเอาตัวหนูไปขาย ไม่ใช่ตัวคุณซะหน่อย คุณเลือกเอาเองนะว่าจะตกลง แล้วแบ่งเงินก้อนนั้นให้หนูสี่แสน คุณเอาไปหนึ่งแสน หรือจะไม่ตกลงแล้วคุณไม่ได้อะไรเลย ก็แล้วแต่คุณ”
วิจิตราถึงจะไม่พอใจลูกเลี้ยงมาก แต่นางก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
เอาว่ะ! หนึ่งแสนก็หนึ่งแสน ดีกว่าไม่ได้อะไร
“ก็ได้! พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปหาคุณเขา แต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ” สั่งเสร็จวิจิตราก็สะบัดผมเดินออกจากบ้านทันที
ตึกสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า ความใหญ่โตและหรูหรา ของที่นี่ยิ่งทำให้มนสิชารู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าและไร้ซึ่งศักดิ์ศรีสิ้นดี
ขาเรียวพาเจ้าของร่างบางก้าวไปข้างหน้า หัวใจของมนสิชา เต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อแม่เลี้ยงของเธอกดลิฟต์ไปที่ชั้นสี่สิบเจ็ด ซึ่งนางบอกว่าเป็นชั้นของผู้บริหารหรือ 'เขา' คนนั้น
ดนย์เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ หน้าปัดแสดงผลบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ เกือบสิบเอ็ดโมง ชายหนุ่มนั่งพิงพนักเก้าอี้ พลางนึกถึงเรื่องเมื่อวาน
วิจิตราโทรหาศจีซึ่งเป็นเลขาฯ ของเขา เพื่อจะแจ้งเรื่อง ‘ของเล่น’ ชิ้นใหม่
‘ท่านประธานคะ มีคนขอเรียนสายด้วยค่ะ บอกว่ามีเรื่องสำคัญจะขอคุยกับท่านโดยตรง’
‘ใคร?’
‘เธอแจ้งว่า เธอชื่อ วิจิตรา’
‘อืม.. โอนสายมา’
‘ฮัลโหล.. ผมเอง ดนย์’
‘คุณดนย์คะ ...’
วิจิตราโทรมาแจ้งเขาว่าลูกเลี้ยงของเธอตกลงที่จะมาเป็นอีหนู คู่นอน นางบำเรอ หรืออะไรก็ได้ที่เขาจะเรียกแล้ว นางนัดหมายเวลาที่จะส่งตัวเวลาสิบเอ็ดโมงของวันนี้ ก่อนวางสายวิจิตราไม่วายสำทับเรื่องสำคัญกับเขา
‘คุณดนย์คะ อย่าลืมเตรียมค่าตัวของลูกสาวอิฉันไว้นะคะ’
‘อืม..’
มือของวิจิตราที่กำลังบิดลูกบิดประตู ราวกับว่ามันบิดก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเธอด้วย แต่ก้าวมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ยอมหันหลังกลับ เงินจำนวนมากที่รออยู่ข้างหน้ามันสามารถใช้รักษาศรันย์ได้ แม้จะไม่หายขาด แต่อย่างน้อย.. ก็ช่วยต่อลมหายใจของพ่อให้นานขึ้น..
..ก็ยังดี
เมื่อประตูเปิดออก ภาพของชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งดูสมส่วนเยี่ยงชายชาตรี และใบหน้าที่หล่อคมคาย ทำให้มนสิชาแทบจะไม่อยากเชื่อว่าเขาคือ ‘ดนย์’ หรือเศรษฐีที่ใช้เงินซื้อหญิงสาวเพื่อมานอนด้วย ทั้งๆ ที่เขาน่าจะแค่กระดิกนิ้ว ผู้หญิงมากมายก็คงพร้อมจะยอมศิโรราบง่ายๆ แล้ว
“ไหว้คุณเขาสิจ๊ะหนูม่อน” วิจิตราหันมาสั่งมนสิชาที่ยื่นนิ่งอยู่ข้างๆ นาง
มนสิชายกมือขึ้นไหว้ ดนย์มองสำรวจเจ้าหล่อนราวกับว่ากำลังสำรวจสินค้าชิ้นหนึ่ง แววตามีแต่ความจาบจ้วง ไม่มีแม้แต่จะให้เกียรติเธอสักนิด หญิงสาวได้แต่ข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ พยายามนึกถึงใบหน้าผู้เป็นบิดาแล้วก็ท่องในใจว่า..
..เพื่อพ่อ
เมื่อดนย์มองสำรวจจนพอใจแล้ว เขาจึงเดินไปหยิบซองสีน้ำตาลยื่นให้วิจิตรา ซึ่งมนสิชาคาดว่าในนั้นคงจะเป็นเงินค่าตัวของเธอ
วิจิตรารับซองนั้นมาด้วยสีหน้าและแววตาบ่งบอกถึงความพอใจ เมื่อได้สิ่งที่ใจตนเองปรารถนาแล้ว นางจึงกล่าวขอบคุณและขอตัวกลับ
“เดี๋ยว!” มนสิชารีบเรียกแม่เลี้ยงของเธอเอาไว้ก่อนที่วิจิตราจะเดินออกไปจากห้องพร้อมซองเงินสดจำนวนห้าแสนบาท
“มีอะไรกับแม่อีกละจ๊ะ”
“เงินส่วนของหนู หนูขอตอนนี้เลยแล้วกัน”
ดนย์มองภาพมนสิชาที่กำลังทวงขอค่าตัวของเธอจากแม่เลี้ยง ชายหนุ่มเหยียดยิ้มอย่างสมเพชออกมา ตอนแรกเขายังแอบหวังว่าจะได้เห็นภาพเด็กสาวใสซื่อ ร้องห่มร้องไห้ เมื่อโดนแม่เลี้ยงบังคับมาขายตัว แต่นี่อะไรกัน ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด
หึ! พวกเด็กใจแตกรักสบาย
“แหม! รีบทวงจังเลยนะ” วิจิตราจำใจต้องหยิบเงินในซองให้มนสิชา
มนสิชารับเงินมาและใส่ลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าถ้าช้าไปสักเสี้ยววินาทีเดียว เงินนั่นจะหายไป ส่วนแม่เลี้ยงของเธอนั้น เมื่อได้ทุกอย่างสมใจอยาก ก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะกล่าวอะไรกับเธอสักคำ
ในห้องที่เหลือเพียงแค่สองคนทำให้มนสิชาทำตัวไม่ถูก เธอยังยืนอยู่ที่เดิม ดนย์เห็นดังนั้นจึงเอ่ยบอก ชายหนุ่มกดอินเตอร์คอมเรียกคนที่มนสิชาคิดว่าน่าจะเป็นเลขาฯ ไม่ถึงสองนาที หญิงสาวหน้าตาสะสวยแต่งตัวในชุดสูทกระโปรงดูดีก็เดินเข้ามารับคำสั่งเจ้านาย
“บ่ายนี้ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคุณศจี”
“ไม่มีค่ะ แต่คุณโรซี่ขอนัดดินเนอร์กับท่านประธาน”
“บ่ายนี้ผมไม่รับนัดใคร เพราะผมต้องไปทดลองสินค้าชิ้นใหม่”
คนที่รู้ตัวเองว่าคงเป็น ‘สินค้า’ รู้สึกชาหนึบไปทั้งหัวใจ มนสิชาเบือนหน้าออกไปมองด้านนอกกระจกใส และพยายามจะไม่ใส่ใจกับคำพูดทำร้ายจิตใจของเขา